×

สิงคโปร์อาจสิ้นมนตร์เสน่ห์ ในฐานะฐานที่ตั้งสำนักงานใหญ่ของบริษัทข้ามชาติในอาเซียน

12.04.2024
  • LOADING...
สิงคโปร์

สำนักข่าว Nikkei Asia รายงานว่า บรรดาบริษัทข้ามชาติต่างๆ กำลังหันมามองหาที่ตั้งอีกแห่งของสำนักงานใหญ่ (Headquarter) ประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) ที่อยู่นอกสิงคโปร์มากขึ้นเรื่อยๆ เพื่อประหยัดเงินและแสวงหาโอกาสที่ขยายออกไป

 

โดยรายงานระบุว่า แม้ที่ผ่านมาสิงคโปร์จะได้รับความนิยมสำหรับการจัดตั้งสำนักงานใหญ่ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้สำหรับบริษัทญี่ปุ่น แต่ก็เริ่มมีบริษัทหลายรายมองหาความเป็นไปได้ที่จะก่อตั้งสำนักใหญ่ในอาเซียนนอกเหนือจากสิงคโปร์ รวมถึง Sakata Inx ผู้ผลิตหมึกพิมพ์ที่ได้ก่อตั้งสำนักงานใหญ่ประจำภูมิภาคในมาเลเซียเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ซึ่งสำนักงานใหญ่ระดับภูมิภาคจะดูแลธุรกิจในเอเชียใต้และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

 

ทั้งนี้ Sakata Inx มีการดำเนินงานในตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อยู่แล้ว แต่จนถึงขณะนี้ บริษัทก็ยังไม่ได้ตั้งสำนักงานใหญ่ประจำภูมิภาคขึ้น ซึ่งทางตัวแทนของบริษัทกล่าวว่า สำนักงานใหญ่ในมาเลเซียจะทำให้บริการลูกค้าในประเทศแถบเอเชียได้ง่ายขึ้น

 

ด้านโฆษกของ Sakata Inx เปิดเผยว่า สำนักงานใหญ่แห่งใหม่นี้คาดว่าจะเพิ่มกำไรจากการดำเนินงานอีก 1-2 พันล้านเยน ภายใต้แผนธุรกิจระยะกลางของบริษัทจนถึงปี 2026 โดยเหตุผลหลักในการเลือกมาเลเซียคือข้อได้เปรียบทางภาษี

 

ทั้งนี้ ในปีงบประมาณ 2024 รัฐบาลมาเลเซียได้เสนอมาตรการจูงใจทางภาษีสำหรับ ‘ศูนย์กลางการบริการทั่วโลก’ (‘Global Services Hub’ tax incentive) โดยมีเป้าหมายดึงดูดบริษัทข้ามชาติให้มาตั้งสำนักงานใหญ่ประจำภูมิภาคอาเซียนในประเทศมาเลเซีย โดยสิทธิประโยชน์ทางภาษีนี้ รวมถึง การจัดเก็บอัตราภาษีเงินได้พิเศษที่ 5-10% นาน 10 ปี 

 

รายงานระบุว่า นอกจากมาเลเซียแล้ว ประเทศไทยก็ถือเป็นอีกหนึ่งทำเลสำคัญในภูมิภาคที่บริษัทต่างชาติหลายแห่งพิจารณาจัดตั้งสำนักงานใหญ่ประจำภูมิภาคอาเซียน โดยแต่เดิมไทยมักเป็นตัวเลือกลำดับต้นๆ ของบริษัทต่างชาติในการเข้ามาตั้งโรงงานสำหรับการขยายการผลิตและการขายอยู่แล้ว โดยมีบริษัทญี่ปุ่นส่วนหนึ่งได้เริ่มย้ายสำนักงานใหญ่มาไทยแล้ว 

 

ตัวอย่างเช่น Nissin Foods Holdings ย้ายสำนักงานใหญ่ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้จากสิงคโปร์มายังประเทศไทยในปี 2020 โดยส่วนหนึ่งได้แรงหนุนจากนโยบายดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศของรัฐบาลไทย ด้วยมาตรการจูงใจทางภาษีต่างๆ 

 

โดยการสำรวจความคิดเห็นที่เผยแพร่โดยองค์การส่งเสริมการค้าต่างประเทศของญี่ปุ่น หรือ เจโทร เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา พบว่า ในบรรดาบริษัทญี่ปุ่นที่มีสำนักงานใหญ่ประจำภูมิภาคในสิงคโปร์ ราว 31% ได้ย้ายสายงานไปยังประเทศอื่นหรือกำลังพิจารณาที่จะทำเช่นนั้น โดยสัดส่วนดังกล่าวเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญจาก 7.4% ในการสำรวจเมื่อปีงบประมาณ 2019

 

ก่อนหน้านี้ แทนที่จะย้ายสำนักงานใหญ่ทั้งหมดออกจากสิงคโปร์ บริษัทญี่ปุ่นจำนวนมากกลับนิยมย้ายหน่วยงานเฉพาะ เช่น การขายหรือการวางแผนองค์กร โดยประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในหมู่ผู้ตอบแบบสอบถามที่มีการขนย้ายกำลังพิจารณาที่จะย้ายงานไปยังประเทศอื่น โดยมีมาเลเซียตามมาเป็นอันดับที่สอง 

 

เคสุเกะ อาซากุระ รองกรรมการผู้จัดการประจำสำนักงานเจโทรในสิงคโปร์ กล่าวว่า ไทยมีความพร้อมในแง่ของการเป็นฐานการผลิต และแต่เดิมก็เป็นตัวเลือกสำหรับบริษัทญี่ปุ่นในการย้ายฝ่ายการขายจากสิงคโปร์อยู่แล้ว ยิ่งไปกว่านั้น การที่ค่าเช่าสำนักงานและค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่เพิ่มขึ้นในสิงคโปร์ยังกลายเป็นตัวเร่งให้บริษัทญี่ปุ่นย้ายสำนักงานใหญ่มาจัดตั้งในไทยเพื่อความสะดวกในการจัดสรรฟังก์ชันต่างๆ ในองค์กร รวมถึงช่วยประหยัดต้นทุนการดำเนินงานของบริษัท 

 

แน่นอนว่า บริษัทสัญชาติญี่ปุ่นไม่ได้เป็นเพียงบริษัทเดียวที่แสดงความกังวลเกี่ยวกับต้นทุนที่เพิ่มขึ้นในสิงคโปร์ ในการสำรวจในปี 2023 ซึ่งจัดทำโดยหอการค้ายุโรปในสิงคโปร์ พบว่า 69% ของผู้ตอบแบบสอบถามกล่าวว่าบริษัทยินดีที่จะย้ายบุคลากรออกไป เนื่องจากต้นทุนการดำเนินงานที่สูงขึ้น

 

อย่างไรก็ตาม สิงคโปร์ยังคงมีข้อได้เปรียบในด้านสถานที่ตั้ง ความสามารถทางภาษา บริการทางการเงิน และกฎระเบียบที่เอื้อต่อการดำเนินงานของบริษัทต่างชาติ ดังนั้น สิงคโปร์จึงยังคงเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับการจัดตั้งสำนักงานใหญ่ระดับภูมิภาคของบรรดาบริษัทข้ามชาติต่อไป โดยเฉพาะในภาคการเงิน เห็นได้จากการที่สิงคโปร์เป็นตัวเลือกแรกของบรรดาสถาบันการเงินที่ย้ายสำนักงานใหญ่จากเขตปกครองพิเศษฮ่องกง หลังเกิดการประท้วงครั้งใหญ่ในปี 2019

 

อ้างอิง:

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising