ธนาคารกลางสิงคโปร์ได้เพิ่มปริมาณทองคำสำรองขึ้น 30% หรือ 199 ตัน จาก 4.9 ล้านออนซ์ เป็น 6.4 ล้านออนซ์ ในเดือนมกราคมที่ผ่านมา ส่งผลให้ทองคำสำรองของสิงคโปร์มีมูลค่าเพิ่มขึ้นเป็น 4.5 พันล้านดอลลาร์ สอดคล้องท่าทีของธนาคารกลางจีนและตุรกีที่เพิ่มการถือครองทองคำขึ้นเช่นกัน
Ronan Manly นักวิเคราะห์โลหะมีค่าของ BullionStar ระบุว่า การเข้าซื้อทองคำในเดือนมกราคมที่ผ่านมา ถือเป็นการสั่งซื้อทองคำรายเดือนครั้งใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 2 ในประวัติศาสตร์ของสิงคโปร์ โดยการสั่งซื้อครั้งใหญ่ที่สุดเกิดขึ้นในปี 1968 ซึ่งสิงคโปร์มีการซื้อทองคำจำนวน 100 ตันจากแอฟริกาใต้
ในรอบหลายเดือนที่ผ่านมา การแข็งค่าของเงินดอลลาร์ที่เริ่มช้าลง ได้ส่งผลให้ธนาคารกลางหลายแห่งทั่วโลกเริ่มทยอยเพิ่มการสะสมทองคำสำรอง ขณะที่นักลงทุนรายย่อยก็เริ่มมองทองคำเป็นสินทรัพย์ที่ช่วยลดความเสี่ยงจากความไม่แน่นอนของปัญหาภูมิรัฐศาสตร์และเงินเฟ้อมากขึ้น โดยธนาคารกลางจีนได้เพิ่มการถือครองทองคำติดต่อกันเป็นเวลา 4 เดือน ขณะที่ธนาคารกลางตุรกีถือเป็นผู้ซื้อทองคำรายใหญ่ที่สุดในปีที่ผ่านมา
ราคาทองคำ Spot ที่สิงคโปร์ในช่วงเช้าที่ผ่านมามีการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย โดยอยู่ที่ระดับ 1,831.34 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แต่ในวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ราคาทองคำปรับสูงขึ้น 1% หลังรายงานตัวเลขการว่างงานของสหรัฐฯ ออกมาสูงกว่าคาด ซึ่งสะท้อนถึงความเป็นไปได้ที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ จะมีท่าทีผ่อนคลายมากขึ้นในการขึ้นดอกเบี้ย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- เกิดอะไรขึ้นกับ ‘ฮ่องกง’ ทำไมสถานะ ‘ศูนย์กลางทางการเงินของเอเชีย’ กำลังถูกสั่นคลอน และอาจกลายเป็นแค่อดีต
- ส่องกรณีศึกษาการเติบโตของ เศรษฐกิจสิงคโปร์ ท่ามกลางความไม่แน่นอนที่รออยู่ข้างหน้า
- เปิดจุดเด่น เวียดนาม หลังจ่อขึ้นแท่นประเทศที่คว้าชัยในยุค Deglobalization
อ้างอิง: