ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ หรือ GDP ของสิงคโปร์ ในไตรมาสที่ผ่านมา กลับมาขยายตัวได้ 14.3% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา นับเป็นการขยายตัวสูงสุดนับตั้งแต่ไตรมาส 2 ของปี 2010 ซึ่งเป็นช่วงหลังวิกฤตการเงินโลกที่ GDP สิงคโปร์ ขยายตัวได้ 18.6% สะท้อนภาพของเศรษฐกิจที่เริ่มกลับมาฟื้นตัวจากวิกฤตโควิด
อย่างไรก็ดี การฟื้นตัวดังกล่าวส่วนหนึ่งยังเป็นผลมาจากฐานที่ต่ำในปีก่อน เนื่องจากเมื่อเทียบกับตัวเลขในไตรมาสแรกพบว่า GDP สิงคโปร์ ยังคงหดตัวลง 2%
แถลงการณ์ของกระทรวงการค้าและอุตสาหกรรมของสิงคโปร์ ระบุว่า ในไตรมาสที่ผ่านมา ภาคการผลิตของสิงคโปร์มีการเติบโตขึ้นถึง 18.5% จากปีก่อน โดยกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์และวิศวกรรมพริซิสชันขยายตัวได้แข็งแกร่งตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก ที่ฉุดให้อุปสงค์ของเซมิคอนดักเตอร์และอุปกรณ์เซมิคอนดักเตอร์เพิ่มสูงขึ้น
ขณะที่ภาคบริการก็กลับมาขยายตัวได้ 9.8% เป็นการขยายตัวครั้งแรกในรอบ 6 ไตรมาส เช่นเดียวกับภาคการก่อสร้างที่ขยายตัวได้ถึง 98.8% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
อเล็กซ์ โฮมส์ นักเศรษฐศาสตร์ของ Capital Economics ประเมินว่า ความคืบหน้าด้านการกระจายวัคซีนของสิงคโปร์ (ภายในเดือนกรกฎาคมนี้ประชากร 50% ของสิงคโปร์จะได้รับวัคซีนครบ 2 โดส) จะช่วยให้สิงคโปร์สามารถทยอยเปิดพรมแดนเพื่อรับนักท่องเที่ยวได้ ซึ่งจะยิ่งทำให้สิงคโปร์มีการเติบโตจากปัจจัยภายใน เสริมจากการส่งออกเซมิคอนดักเตอร์และเวชภัณฑ์ที่กำลังไปได้ดี
ก่อนหน้านี้รัฐบาลสิงคโปร์ได้คาดการณ์ว่า ภาพรวม GDP ทั้งปีนี้ของสิงคโปร์จะขยายตัวได้ราว 4-6%
อ้างอิง:
