×

Sick of Myself เสียดสีอย่างตลกร้ายและเจ็บปวด ภาพยนตร์สัญชาตินอร์เวย์ดีกรี Cannes Film Festival 2022

24.11.2022
  • LOADING...
Sick of Myself

เมื่อปีก่อน The Worst Person in the World (2021) ภาพยนตร์สัญชาตินอร์เวย์ ได้กวาดรางวัลไปหลายเวทีสำคัญพร้อมทั้งกระแสตอบรับแง่บวกจนโดดเด่นในสายตาของใครหลายคน ครั้งนี้ทีมผู้สร้างภาพยนตร์เรื่องดังกล่าว จับมือกับผู้กำกับคลื่นลูกใหม่อย่าง Kristoffer Borgli ร่วมสร้างสรรค์ผลงานชิ้นใหม่ในแนวทางที่ต่างไปจากเดิม และยังถูกเลือกฉาย ตลอดจนเข้าชิงรางวัลสาย Un Certain Regard หรือภาพยนตร์น่าจับตามองในงาน Cannes Film Festival 2022 อีกด้วย

 

ภาพยนตร์ว่าด้วยเรื่องราวของคู่รักที่ตกอยู่ในสถานะกลืนไม่เข้าคายไม่ออกระหว่างกัน โดยนำเสนอมุมมองหลักผ่านตัวละครอย่าง Signe (Kristine Kujath Thorp) แฟนสาวจิตเภทผู้เต็มไปด้วยความทะเยอทะยาน หลงตัวเองเป็นเลิศ และกระหายความสนใจจาก Thomas (Eirik Sæther) แฟนหนุ่มศิลปินแนว Installation ที่กำลังมาแรงในหน้าที่การงาน หากแต่เขากลับไม่ค่อยสนใจและสัมผัสได้ถึงแรงปรารถนาบางอย่างของ Signe สักเท่าไร

 

 

การถูกเพิกเฉยจาก Thomas ทำให้ Signe เลือกที่จะพาตัวเองก้าวเข้าหาความมืดหม่น เธออยากเอาชนะเขาให้จงได้ เพราะ Thomas เอาแต่หมกมุ่นอยู่กับงานจนเกินไป Signe จึงเลือกใช้วิธีผิดๆ ด้วยการสร้าง ‘โรคกำเนิดใหม่’ ขึ้นมา โดยสั่งยาผิดกฎหมายจากรัสเซียที่มีชื่อว่า ‘Lidexol’ มาใช้ ซึ่งเมื่อรับประทานแล้วจะเกิดปฏิกิริยาเลวร้ายตามมา Signe ตัดสินใจทำมันอย่างไม่ลังเล กระทั่งผิวหนังของเธอนั้นพุพองและเต็มไปด้วยรอยแผล คุ้มค่ากับความพยายามแสนดิ้นรน เพราะท้ายที่สุดแล้ว Thomas ก็หันมาสนใจเธอจากอาการเจ็บป่วยนั่นจนได้

 

Sick of Myself

 

เมื่อรับชมภาพยนตร์เรื่องนี้ ผู้ชมจะสัมผัสได้ถึงบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความกระอักกระอ่วนในครึ่งแรกของเรื่อง ผ่านการแสดงที่ล้ำลึกจาก Kristine Kujath Thorp เธอสามารถทำให้ผู้ชมรู้สึกอึดอัดไปกับการถูกละเลยจากคนรักได้อย่างง่ายดาย ทั้งแววตา สีหน้า และภาษากาย ทุกอย่างสำหรับบทบาทของ Signe ล้วนถูกแสดงออกมาเพียงน้อยนิดแต่กลับสื่อสารได้อย่างชัดเจน ควบคู่ไปกับท่าทีเฉยเมยของ Thomas ที่แสดงโดย Eirik Sæther ซึ่งเป็นนักแสดงที่ปลดปล่อยฝีมือได้จัดจ้านเช่นเดียวกัน

 

หากมองถึงโครงเรื่อง Sick of Myself แบบผิวเผินอาจแลดูเรียบง่ายและไม่มีอะไรมากนัก แต่เรากลับคิดผิดหลังจากเดินออกจากโรงภาพยนตร์ ผลงานชิ้นนี้ของผู้กำกับ Kristoffer Borgli แฝงการเสียดสีระดับหน้าชา ผสมผสานกลิ่นอายคอเมดี้เชิงตลกร้าย และตบท้ายด้วยรสชาติความขมขื่นของการกระทำจากตัวละคร ทุกอย่างมีเหตุผลและรองรับกันได้ดี ใครที่ชื่นชอบแนวลัทธินิยมความจริงอาจพึงพอใจกับภาพยนตร์เรื่องนี้

 

Sick of Myself

 

สิ่งที่เกิดขึ้นระหว่าง Signe กับ Thomas ไม่ได้ดาษดื่นหรือธรรมดาจนเกินไปแต่อย่างใด สารของภาพยนตร์นั้นซับซ้อนทั้งภายนอกยันลึกเข้าไปในจิตใจ ทีมนักแสดงต่างฟาดฟันอารมณ์ดุเดือดกันไปมา ยอดเยี่ยมตลอดจนถึงด้านศิลป์ ผ่านการกำกับภาพที่ดูแล้วสุนทรีย์สายตาจาก Benjamin Loeb (Pieces of a Woman และ After Yang) ซึ่งเรื่องนี้ถ่ายทำในออสโลตอนช่วงฤดูร้อนด้วยเลนส์ขนาด 35 มม. นอกจากนี้ยังมีดนตรีคลาสสิกคลอประกอบเสริม ทำให้เราดื่มด่ำไปกับซากปรักหักพังแสนวิจิตรบรรจง

 

ขณะรังสรรค์พล็อตเรื่อง Kristoffer Borgli รู้สึกกระหายมุกตลกร้ายท่ามกลางปมและความขัดแย้ง เขาได้ไอเดียที่เต็มไปด้วยอารมณ์เจ็บปวดและขบขันพร้อมกัน เจ้าตัวเอ่ยไว้ว่า “ผมชอบท่วงทำนองอันสวยงามที่เอ่ยถึงสิ่งที่น่าสะพรึงกลัว” ฟังดูกวนประสาทสมกับบรรยากาศที่เขาตั้งใจยียวนคนดูเล็กๆ

 

Sick of Myself

 

อีกสิ่งที่น่าประทับใจใน Sick of Myself ที่ไม่พูดถึงไม่ได้เลย คือการแต่งหน้าเทียมและกระบวนการคราฟต์จากทีมงาน พวกเขาใช้เวลาไปร่วมหลายเดือนกับขั้นตอนเนรมิตให้นางเอกของเรื่องมีสภาพเป็นคนป่วยได้อย่างสมจริง ใบหน้าของนักแสดงนำอย่าง Kristine Kujath Thorp ได้เริ่มเปลี่ยนแปลงไปทีละนิดจนแทบไม่ปกติ สร้างภาวะครั่นคร้ามให้คนดูรู้สึกถึงความเจ็บปวดของเธอได้

 

เราสามารถเปรียบเปรย Sick of Myself ได้ว่ามันคือ The Worst Person in the World ในเวอร์ชันที่เลวร้ายกว่า เพราะตัวละครเต็มไปด้วยพลังแห่งความอิจฉาขั้นทวีคูณ ผนวกกับมีการกระทำอันเลวร้ายที่ชัดเจนมารองรับ ไร้การแก้ตัวใดๆ สำหรับพฤติกรรมสุดโต่งเช่นนี้ ซึ่งเราก็สามารถเข้าใจทั้งหมดได้ดิบดีเช่นเดียวกัน

 

หากใครที่อยากดูภาพยนตร์ที่มีท่าทางแห่งการถากถางซ่อนอยู่ ชื่นชอบมู้ดเย้ยหยันแบบเจ็บแสบ และพร้อมกระโจนไปเจอสภาพแวดล้อมแสนตลกร้ายกับตัวละคร กล่าวได้ว่า Sick of Myself อาจเป็นทางเลือกที่ดีอีกเรื่องสำหรับการรับชม

 

รับชมตัวอย่างภาพยนตร์ Sick of Myself ได้ที่นี่ 

 

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising