โลกแห่งดิจิทัลเทคโนโลยีที่มาพร้อมนวัตกรรมใหม่ๆ อาจสร้างความหวาดหวั่นให้กับธุรกิจที่ไม่ยอมปรับตัว เพราะสำหรับธุรกิจที่มองการณ์ไกลและเข้าใจการเปลี่ยนแปลงจะเห็นโอกาสในการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมมาสร้างความแตกต่างและข้อได้เปรียบให้กับธุรกิจ
ก็เหมือนที่บริษัท สยามโกลบอลเฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) ธุรกิจสินค้าวัสดุก่อสร้างและของตกแต่งบ้านครบวงจรในรูปแบบโมเดิร์นเทรดรายแรกของไทย และเป็นต้นแบบของร้านวัสดุอุปกรณ์ก่อสร้างที่ให้ลูกค้าสามารถเดินเลือกซื้อสินค้าได้ด้วยตนเอง มองการณ์ไกลและนำเรื่องดิจิทัลมาใช้ตั้งแต่ยุคเริ่มแรกของการทำธุรกิจ แม้จะเป็นดิจิทัลยุคตั้งไข่ อย่างการนำเครื่อง POS เข้ามาใช้ในการเก็บเงิน หรือระบบบัญชีก็ใช้โปรแกรมสำเร็จรูป และยังไม่มีการเชื่อมโยงระหว่างดิจิทัลกับบุคลากรมากนัก โดยเฉพาะงานด้านบัญชีที่ยังต้องใช้พนักงานเป็นจำนวนมาก แต่ก็พิสูจน์ให้เห็นถึงวิสัยทัศน์ของผู้นำ
ปี 2556 วิทูรตัดสินใจที่จะนำดิจิทัลเข้ามาขับเคลื่อนธุรกิจเต็มตัว เริ่มจากการสร้างระบบซอฟต์แวร์ ERP ด้วยตัวเอง เพื่อลดการทำงานซ้ำๆ ให้กับบุคลากร
จนถึงวันนี้ กว่า 26 ปีบนเส้นทางธุรกิจ สยามโกลบอลเฮ้าส์ขยายสาขาไป 77 สาขาทั่วประเทศ รวมถึงสาขาต่างประเทศที่ไปร่วมทุน ได้แก่ สปป.ลาว และเมียนมา และสาขาที่บริหารจัดการเองที่กัมพูชา เรียกได้ว่าปรับกลยุทธ์การทำธุรกิจมาหลายกระบวนท่า ฝ่าวิกฤตมาทุกรูปแบบ รับมือกับอุปสรรคมานับไม่ถ้วน โดยเฉพาะวิกฤตการณ์ทางเศรษฐกิจที่ส่งผลกระทบต่อธุรกิจโดยตรง
แม้จะมองการณ์ไกลและเดินก้าวนำเรื่องดิจิทัลก่อนใคร แต่วิกฤตโควิด-19 ทำให้วิทูรมองเห็นเทรนด์ของผู้บริโภคเปลี่ยนไป ในฐานะผู้นำที่พร้อมปรับเปลี่ยน ไม่หยุดนิ่ง เปิดรับสิ่งใหม่ๆ เพื่อให้สอดรับกับบริบทโลกที่หมุนเร็ว และเข้ากับสถานการณ์ต่างๆ ได้อย่างทันท่วงที จึงเริ่มจากการเรียนรู้พฤติกรรมผู้บริโภค แล้วนำเครื่องมือทางดิจิทัลเข้ามาช่วยให้การดำเนินธุรกิจสะดวก รวดเร็วยิ่งขึ้น
วิทูร สุริยวนากุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สยามโกลบอลเฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) เผยว่า ในบรรดาวิกฤตที่เคยรับมือมา วิกฤตโควิด-19 ถือว่าท้าทายที่สุด เพราะนอกจากจะต้องรับมือกับความผันผวนของเศรษฐกิจโลก วิกฤตครั้งนี้โหมให้พายุ Digital Disrupt รุนแรงขึ้น
“จากเดิมที่ใช้เงินสดซื้อสินค้า ตอนนี้เปลี่ยนมาสแกน QR Code เราก็เปลี่ยนทำทั้งลูกค้าสแกนเรา เราสแกนลูกค้า หรือแม้แต่ Bill Payment การออกใบเสนอขาย ถ้าลูกค้าตกลง ก็สามารถสแกนจ่ายได้ทันที”
พันธมิตรที่ดี กุญแจสำคัญสู่ความสำเร็จ
กุญแจสำคัญที่ทำให้สยามโกลบอลเฮ้าส์ก้าวข้ามการเปลี่ยนผ่านของ Digital Disrupt คือ ‘ธนาคารกรุงไทย’ ที่เป็นมากกว่าพันธมิตรทางธุรกิจ แต่ยังเป็นเพื่อนรู้ใจที่อยู่เคียงข้างทุกเส้นทาง พร้อมสนับสนุนทุกเรื่องการเงินดิจิทัลและการดำเนินงานต่างๆ ให้ราบรื่นด้วย Industry Solutions แบบครบวงจร
“สยามโกลบอลเฮ้าส์กับแบงก์กรุงไทย เราอยู่ด้วยกันมาตั้งแต่ก่อตั้งบริษัท ถือว่าเป็นพันธมิตรธุรกิจที่ยาวนาน เขาพร้อมสนับสนุนเราเสมอ โดยเฉพาะช่วงโควิด-19 ที่ผ่านมาเป็นช่วงที่ดิจิทัลเปลี่ยนไปเร็วมาก ระบบแบงก์เปลี่ยนไป เราต้องปรับตัวและเปลี่ยนให้ทัน ช่วงโควิด-19 ทางกรุงไทยก็ออก Dynamic QR Code มาช่วยให้ลูกค้าสามารถชำระค่าสินค้าผ่านแอปพลิเคชันได้ทันที ลดการสัมผัสเงินสด”
แต่ระบบที่เข้ามาแก้ Pain Point ของสยามโกลบอลเฮ้าส์ และสร้างข้อได้เปรียบให้กับธุรกิจคือ ‘Krungthai e-Withholding Tax Plus’ บริการหักภาษี ณ ที่จ่าย พร้อมนำส่งผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ ช่วยลดขั้นตอนการจัดทำและยื่นแบบรายการหักภาษี ณ ที่จ่าย ตอบโจทย์ยุค Paperless ลดต้นทุนการจัดทำหนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่าย 50 ทวิ สามารถตรวจสอบข้อมูลการหักภาษี ณ ที่จ่ายผ่านช่องทาง Krungthai Corporate Online ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทำให้การหักภาษี ณ ที่จ่าย เป็นเรื่องง่าย สะดวก และรวดเร็วขึ้น
“เราพัฒนา Krungthai e-Withholding Tax Plus ร่วมกับธนาคารกรุงไทย น่าจะเป็นองค์กรแรกที่นำระบบนี้มาใช้ ช่วยให้การหักภาษี ณ ที่จ่าย เป็นเรื่องง่ายมากขึ้น จากเมื่อก่อนต้องทำวันละหลายร้อยรายการ เป็นภาระในเรื่องของการทำใบหักภาษี ณ ที่จ่าย แต่วันนี้เราไม่ต้องใช้พนักงานแม้แต่คนเดียว สามารถทำงานผ่านระบบอัตโนมัติ ผมเชื่อว่าตรงจุดนี้ที่จะเป็นข้อได้เปรียบทางการแข่งขันระหว่างธุรกิจที่ใช้กับธุรกิจที่ไม่ใช้”
เสริมแกร่งคู่ค้าด้วยผลิตภัณฑ์ทางการเงิน
เพื่อเสริมการเติบโต Ecosystem ให้กับธุรกิจ ธนาคารกรุงไทยยังเป็นอีกแรงสนับสนุนให้กับคู่ค้าของสยามโกลบอลเฮ้าส์ ติดปีกทางธุรกิจให้เติบโตเคียงข้างกัน ผ่านผลิตภัณฑ์ทางการเงินอย่าง ‘สินเชื่อคู่ค้าพารวย’ ให้ผู้ประกอบการมีเงินหมุนเวียนใช้จ่ายได้อย่างอุ่นใจ ซื้อของเข้าร้านได้เต็มที่ สะดวก ไม่ต้องพกเงินสด แถมไม่ใช้วงเงินก็ไม่ต้องเสียอะไร ให้วงเงินสูงสุด 3 เท่าของยอดซื้อ ดอกเบี้ยเริ่มต้น 0.80% ต่อเดือน ไม่ต้องใช้เอกสารแสดงรายได้ก็กู้ได้
“คู่ค้าพารวยคือสินเชื่อที่มีพันธมิตร 3 ฝ่าย คือผู้ซื้อ ซึ่งเป็นลูกค้าของสยามโกลบอลเฮ้าส์ และผู้ขายก็คือเราเอง และธนาคารกรุงไทย เป็นผู้ให้สินเชื่อกับลูกค้าของสยามโกลบอลเฮ้าส์ การสนับสนุนลักษณะนี้จะช่วยให้คู่ค้าของเรามีความมั่นใจในการทำธุรกิจและเติบโตได้อย่างมั่นคง”
นอกจากนี้ ธนาคารกรุงไทยยังมี ‘สินเชื่อ Robotics and Automation’ ช่วยหนุนทุกธุรกิจให้เข้าถึงแหล่งเงินทุน พร้อมผลักดันให้นำระบบหุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติมาปรับเปลี่ยนกระบวนการผลิต เพิ่มความสามารถในการแข่งขัน และสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจให้เพิ่มสูงขึ้น ด้วยดอกเบี้ยเริ่มต้น 4% ต่อปี ผ่อนนานสูงสุด 7 ปี ให้วงเงินสูงถึง 80% ของงบลงทุน และให้บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) ค้ำประกันได้ 100% หากวงเงินไม่เกิน 10 ล้านบาท และแอปพลิเคชัน Krungthai Business สำหรับลูกค้าธุรกิจ ที่ช่วยให้ทุกการทำธุรกิจเป็นเรื่องง่ายแค่ปลายนิ้ว ทั้งรับ โอน จ่าย ตลอดจนสามารถติดตามสถานะรายการ
“จะเห็นว่าเราใช้บริการของธนาคารกรุงไทยครบทุกอย่าง ทั้งเครื่องมือทางด้านการเงิน การนำเข้า สินเชื่อระยะสั้น-ระยะยาว ตั๋ว P/N ถ้าเป็นระบบหลังบ้านเราก็เชื่อมกันด้วย API อยู่แล้ว ทำให้ทุกอย่างง่าย สะดวกสบายมากขึ้น เพราะการทำธุรกิจยุคนี้ถ้าคุณไม่ปรับตัวให้ไว ไม่มีทางก้าวทันใครแน่นอน ตัวผมเองก็เช่นกัน เราจะไม่หยุด ยังทำทุกอย่างต่อเนื่อง โดยมีธนาคารกรุงไทยเป็นพาร์ตเนอร์ที่รู้ใจไปกับเราตลอดการเติบโต”
และนี่คือเบื้องหลังการฝ่าวิกฤตของสยามโกลบอลเฮ้าส์ ผู้นำสินค้าวัสดุก่อสร้างและของตกแต่งบ้านครบวงจร ที่มีพาร์ตเนอร์ทางธุรกิจอย่างธนาคารกรุงไทยมาช่วยซัพพอร์ต พร้อมเป็น Industry Solutions ที่มอบผลิตภัณฑ์และบริการจัดการทางการเงินเต็มรูปแบบ ปฏิวัติโลกการเงินแห่งอนาคต ให้ธุรกิจเติบโตอย่างยั่งยืน
สนใจสมัครได้ที่ https://krungthai.com/link/krungthai-sme-industry-solution-thestandard