×

รู้จัก โจวโซ่วจือ ‘จากเด็กฝึกงาน Facebook สู่ซีอีโอ TikTok’

23.03.2023
  • LOADING...

ยักษ์ใหญ่โซเชียลมีเดียสัญชาติจีนอย่าง TikTok หรือ Douyin (โต่วอิน / 抖音) ในเวอร์ชันจีนกำลังเผชิญภัยคุกคามจากการถูกแบนในสหรัฐฯ หลังรัฐบาลวอชิงตันภายใต้การนำของประธานาธิบดีโจ ไบเดน ยื่นเงื่อนไขให้ ByteDance บริษัทแม่ TikTok ในจีนขายหุ้น TikTok ทิ้ง ไม่เช่นนั้นแอปแชร์คลิปวิดีโอสั้นยอดนิยมจะถูกแบนจากการใช้งานทั่วประเทศสหรัฐฯ 

 

ความเคลื่อนไหวนี้เกิดขึ้นหลังวุฒิสภาสหรัฐฯ เปิดเผยกฎหมายฉบับใหม่ชื่อว่า Restrict Act ที่อาจเพิ่มอำนาจให้ประธานาธิบดีสามารถแบน TikTok รวมถึงเทคโนโลยีอื่นจากจีนได้ทั่วประเทศ โดยอาศัยเหตุผลหลักด้านความมั่นคงจากความเชื่อมโยงที่มีกับทางการจีน

 

ขณะที่วันนี้ (23 มีนาคม) โจวโซ่วจือ (Shou Zi Chew) ซีอีโอของ TikTok จะเข้าให้การต่อสภาคองเกรสสหรัฐฯ ในประเด็นความสัมพันธ์ระหว่าง TikTok และรัฐบาลจีน โดยสื่อบางสำนักมองว่านี่อาจถึงขั้นเป็นการเดิมพันอนาคตของ TikTok ในสหรัฐฯ เลยทีเดียว และเปรียบเทียบอย่างน่ากลัวว่าเหมือนกับการ ‘เอาหัวเข้าไปวางในปากสิงโต’

 

การแบกรับภาระอันหนักอึ้งในการรับมือกับทางการสหรัฐฯ ครั้งนี้ ทำให้โจวถูกจับตามองจากสื่อเป็นพิเศษ เรื่องราวของเขาในฐานะซีอีโอวัย 40 ปี นอกเหนือจากการเป็นชาวสิงคโปร์ที่เติบโตมาในโลกที่มีทั้งความเป็นจีนและตะวันตก ประวัติและความสามารถของเขาก็นับว่าน่าสนใจอย่างยิ่ง ทั้งการเคยเป็นอดีตพนักงานฝึกงานของ Facebook ในช่วงเริ่มต้น และกลายเป็นนักการเงินในบริษัทการลงทุนระดับโลก ก่อนจะเข้าสู่แวดวงบริษัทเทคยักษ์ใหญ่ของจีน และไต่จากตำแหน่งผู้บริหารด้านการเงินของ TikTok สู่ตำแหน่งซีอีโอในเวลาเพียงแค่ 3 เดือน 

 

จากเด็กฝึกงาน Facebook สู่หัวเรือใหญ่ TikTok

 

  • โจวเกิดและเติบโตในสิงคโปร์ เขาเข้าเรียนในโรงเรียนสอนภาษาจีนชั้นยอด และพูดทั้งภาษาอังกฤษและภาษาจีนกลางได้อย่างคล่องแคล่ว โดยระหว่างเกณฑ์ทหารยังได้รับตำแหน่งอันทรงเกียรติอย่างเจ้าหน้าที่กองกำลังติดอาวุธของสิงคโปร์ 

 

  • เขาจบปริญญาตรีด้านเศรษฐศาสตร์จาก University College London ในปี 2006 ก่อนจะเข้าทำงานในตำแหน่งที่ปรึกษาด้านการเงินที่ Goldman Sachs วาณิชธนกิจรายใหญ่ของสหรัฐฯ เป็นเวลา 2 ปี 

 

  • จากนั้นจึงเข้าเรียนต่อหลักสูตรปริญญาโทบริหารธุรกิจ (MBA) ของ Harvard Business School และเริ่มก้าวเท้าเข้าสู่ธุรกิจเทคโนโลยีในฐานะพนักงานฝึกงานของบริษัทสตาร์ทอัพที่ชื่อ Facebook 

 

  • หลังจากนั้นโจวได้เข้าทำงานในบริษัทร่วมลงทุนรายใหญ่ DST Global ซึ่งเป็นผู้นำการลงทุนในบริษัทเทคชั้นนำของจีน ทั้ง JD.com, Alibaba, Xiaomi และ ByteDance ที่โจวเป็นผู้นำทีมนักลงทุนรายแรกๆ ในปี 2013

 

  • ต่อมาในปี 2015 เขาเข้าทำงานกับบริษัทสมาร์ทโฟน Xiaomi ในตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายการเงิน (Chief Financial Officer) และประธานธุรกิจระหว่างประเทศ และในปี 2018 เขาได้รับหน้าที่สำคัญในการดูแลการ IPO หรือการเสนอขายหุ้นใหม่แก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรกของบริษัท ซึ่งถือเป็นหนึ่งในการ IPO ของบริษัทเทคจีนที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์

 

  • ในเดือนมีนาคม 2021 ByteDance ยื่นข้อเสนอให้โจวรับตำแหน่งซีเอฟโอของบริษัท และทำงานได้เพียง 3 เดือน ก่อนจะขยับไปรับตำแหน่งซีอีโอของ TikTok ในเดือนพฤษภาคม ภายหลัง เควิน เมเยอร์ (Kevin Mayer) ซีอีโอคนก่อนหน้าลาออกกะทันหันในช่วงที่ TikTok เผชิญแรงกดดันจากรัฐบาลอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่พยายามจะบังคับขายทรัพย์สินของ TikTok ในสหรัฐฯ ด้วยเหตุผลด้านความมั่นคง

 

  • จางอี้หมิง (Zhang Yiming) ผู้ก่อตั้ง ByteDance ยกย่องโจวว่า “มีความรู้อย่างลึกซึ้งเกี่ยวกับบริษัทและอุตสาหกรรม” 

 

  • ขณะที่ผลงานอันโดดเด่นในตำแหน่งซีอีโอ TikTok ของโจวยังทำให้เขาได้รับการยอมรับ และติดอันดับ 40 บุคคลที่ทรงอิทธิพลระดับโลกในอายุไม่เกิน 40 ปี (40 Under 40) ของนิตยสาร Fortune ในปี 2021

 

ซีอีโอที่เหมาะต่อโลกธุรกิจ จีน-ตะวันตก

 

  • ในรายงานของ The New York Times เมื่อเดือนกันยายนปีที่แล้ว ระบุข้อมูลจากแหล่งข่าวที่ไม่เปิดเผยว่า ByteDance ‘คำนึงถึงวิสัยทัศน์’ สำหรับการคัดเลือกผู้บริหารระดับสูงของ TikTok

 

  • โดยกลุ่มบุคคลที่รู้ข้อมูลการแต่งตั้งโจว อธิบายสาเหตุที่เมเยอร์ได้รับตำแหน่งซีอีโอก่อนหน้านี้เนื่องจากเป็นชาวอเมริกัน โดยช่วงเวลานั้น TikTok ต้องการแสดงตัวว่าออกห่างจากการเป็นบริษัทสัญชาติจีน 

 

  • ขณะที่โจวมีประสบการณ์และบทบาทการทำงานทั้งโลกธุรกิจตะวันตกและจีน 

 

  • โดยการเป็นชาวสิงคโปร์ช่วยป้องกันความเสี่ยงจากการปราบปรามที่อาจเกิดขึ้นจากทั้งจีนหรือสหรัฐฯ และสัญชาติของเขาจะไม่เป็นปัญหาหรือก่อผลกระทบใดๆ เพิ่มจากปัญหาหลักที่ TikTok เผชิญอยู่ คือความไม่ไว้วางใจ และความกลัวเกี่ยวกับความปลอดภัยของข้อมูลและความเป็นส่วนตัวเมื่อพูดถึงบริษัทจีน

 

  • อย่างไรก็ตาม มูฮัมหมัด ไฟซาล อับดุล เราะห์มาน นักวิจัยจาก S Rajaratnam School of International Studies ซึ่งศึกษาวิจัยการแข่งขันทางด้านภูมิรัฐศาสตร์และเทคโนโลยีดิจิทัล กล่าวว่า “ความสำคัญด้านสัญชาติของโจวอาจถูกตีความเกินเลยไป ด้วยความคุ้นเคยกับอุตสาหกรรมโซเชียลมีเดีย ความเป็นผู้นำทางธุรกิจ และแวดวงเทคโนโลยีของจีน จึงไม่น่าแปลกใจที่ TikTok จะพบว่าเขาเหมาะสมที่จะเป็นซีอีโอ เพื่อช่วยให้บริษัทแข่งขันกับคู่แข่งจากตะวันตก และเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดและรายได้ เขามีคุณสมบัติด้านการบริหารบริษัทเทคที่จำเป็นสำหรับการเป็นผู้นำ TikTok” เขากล่าว

 

  • นอกจากนี้ รายงานฉบับเดียวกันของ The New York Times ยังอ้างถึงอดีตพนักงานที่ไม่เปิดเผยชื่อ ซึ่งบอกว่าอำนาจในการตัดสินใจของโจวที่ TikTok นั้นค่อนข้าง ‘จำกัด’ และบทบาทหน้าที่ของเขาส่วนใหญ่จะเกี่ยวกับด้านการเงินและการดำเนินการอื่นๆ ของบริษัท

 

  • อย่างไรก็ตาม ปฏิเสธไม่ได้ว่าโจวคือผู้บริหาร TikTok ที่ปรากฏตัวต่อสาธารณะอย่างต่อเนื่องในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา ทั้งให้สัมภาษณ์สื่อและพบปะกับสมาชิกสภาคองเกรส รวมถึงกรรมการในคณะกรรมการที่จะไต่สวนเขาในวันนี้

 

  • โดยการไต่สวนเกิดขึ้นท่ามกลางการปราบปรามแอปพลิเคชัน TikTok ที่ทวีความรุนแรงขึ้น โดยสหรัฐฯ และประเทศอื่นๆ ในยุโรปทยอยสั่งห้ามการใช้งาน TikTok บนอุปกรณ์ของเจ้าหน้าที่รัฐ

 

  • ทั้งนี้ เมื่อปลายปีที่แล้ว ByteDance ออกมายอมรับว่าพนักงานบางคนได้เข้าถึงข้อมูลบัญชี TikTok ของนักข่าวสองคนในสหรัฐฯ อย่างไม่เหมาะสม ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามเพื่อตรวจสอบการรั่วไหลของข้อมูลบริษัท

 

  • กรณีที่เกิดขึ้นนี้ยิ่งส่งผลให้การทำงานของโจวยากขึ้น สมาชิกสภาคองเกรสหลายคนที่คุยกับโจวบอกกับสื่อว่าไม่มีสิ่งใดที่โจวหรือ TikTok สามารถพูดหรือทำได้เพื่อคลายความกังวลของรัฐบาลวอชิงตัน ที่กลัวว่า TikTok ซึ่งเป็นบริษัทที่มีชาวจีนเป็นเจ้าของอาจอยู่ภายใต้การบงการจากพรรคคอมมิวนิสต์จีน และถือเป็นความเสี่ยงต่อความมั่นคงของชาติที่ไม่อาจยอมรับได้

 

ความท้าทายครั้งสำคัญ ชี้ชะตา TikTok ในสหรัฐฯ

 

  • คณะกรรมการพลังงานและการพาณิชย์ของสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ที่จะทำการไต่สวน เปิดเผยคำให้การที่เป็นลายลักษณ์อักษร ซึ่งโจวจะกล่าวในวันนี้ว่า ‘TikTok ซึ่งมีผู้ใช้ชาวอเมริกันมากกว่า 150 ล้านคน ไม่เคย และจะไม่มีวันแบ่งปันข้อมูลบัญชีผู้ใช้ของสหรัฐฯ ให้กับรัฐบาลจีน”

 

  • โจวยังยืนยันด้วยว่า ByteDance บริษัทแม่ของ TikTok ไม่ได้เป็นเจ้าของหรือถูกควบคุมโดยรัฐบาลหรือหน่วยงานรัฐใดๆ 

 

  • “ผมขอพูดอย่างชัดเจนว่า ByteDance ไม่ใช่ตัวแทนของจีนหรือประเทศอื่นใด” เขาระบุในคำให้การ

 

  • อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญชี้ว่าภายใต้กฎหมายความมั่นคงแห่งชาติของจีน ทั้ง TikTok และ ByteDance ก็เหมือนกับบริษัทจีนอื่นๆ ที่ต้องส่งมอบข้อมูลให้กับรัฐบาลจีน 

 

  • และแม้จะไม่มีกฎหมายความมั่นคงแห่งชาติ แต่ก็ยังมีความกังวลว่ารัฐบาลจีนจะได้รับข้อมูลที่ละเอียดอ่อนต่างๆ ด้วยวิธีการที่เป็นความลับ โดยการปิดกั้นไม่ให้จีนเข้าถึงข้อมูลเหล่านี้ได้อย่างสมบูรณ์นั้นไม่น่าจะเป็นไปได้

 

  • ทั้งนี้ โจวจะต้องเตรียมตัวเองให้พร้อมสำหรับคำถามหนักๆ ในระหว่างการไต่สวน พอๆ กับการที่ต้องเตรียมถ้อยคำที่เป็นไวรัลเพื่อแสดงจุดยืนที่แข็งกร้าวต่อจีน

 

  • ทางด้าน Global Times สื่อทางการจีน วิจารณ์การผลักดันให้มีการแบน TikTok ว่า ขับเคลื่อนโดยบรรยากาศทางการเมืองที่เป็นพิษของสหรัฐฯ  และถือเป็นการละเมิดหลักการตลาดเสรี ซึ่งในสายตาของเจ้าหน้าที่และนักการเมืองอเมริกันนั้น การที่ TikTok เป็นแอปสัญชาติจีนก็ถือเป็นบาปที่มีมาแต่แรก

 

  • แต่ในขณะที่โจวเผชิญการตรวจสอบอย่างใกล้ชิด กลับพบความเคลื่อนไหวน่าสนใจที่ดูเหมือนจะเริ่มมีการใช้เล่ห์กลบางอย่างตลอดช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา

 

  • โดยเขาได้สร้างบัญชี TikTok ของตัวเองในชื่อว่า @shou.time เมื่อช่วงเดือนกุมภาพันธ์ เพื่อแสดงให้เห็นชีวิตส่วนตัวเกือบหนึ่งปีหลังจากที่เข้ามาบริหาร TikTok 

 

  • ผู้ติดตามบัญชี TikTok ของเขาเกือบ 18,000 คน จะได้เห็นภาพขณะที่เขาเข้าร่วมชมการแข่งขัน Super Bowl และ NBA และพบปะกับคนดังอย่าง Bill Murray อีกทั้งเต้นกับซิเอรา (Ciara) นักร้องดังชาวอเมริกัน

 

  • ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา เขายังให้สัมภาษณ์สื่อท้องถิ่นของสหรัฐฯ หลายสำนัก โดยเน้นย้ำและสร้างความมั่นใจว่า TikTok นั้น ‘ไม่เป็นภัยคุกคาม’ ต่อผลประโยชน์ของสหรัฐฯ

 

  • นอกจากนี้ ในคลิปวิดีโอที่โพสต์เมื่อวันจันทร์ (20 มีนาคม) และมีผู้กดไลก์มากกว่า 5 แสนคน เขาขอให้ผู้ใช้ TikTok ชาวอเมริกันช่วยกันคอมเมนต์ว่า ต้องการที่จะบอกอะไรกับสภาคองเกรส 

 

  • “นี่เป็นช่วงเวลาที่สำคัญสำหรับเรา นี่อาจพราก TikTok ไปจากพวกคุณทั้ง 150 ล้านคน”

 

อ้างอิง:

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising