มีรายงานข่าวว่า ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ได้สั่งการให้กระทรวงการคลังเตรียมงบประมาณเพื่อทำมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม เพื่อรองรับกับปัจจัยเสี่ยงจากกรณีที่ภาคการส่งออกโตติดลบในเดือนกันยายนที่ผ่านมา ซึ่งกระทรวงการคลังกำลังพิจารณามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจโดยเฉพาะการบริโภคช่วงปลายปี 2561 เพื่อช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อย ประชาชนทั่วไปและผู้ที่ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ และกำลังพิจารณาความจำเป็นในการกำหนดมาตรการสำหรับผู้มีรายได้ปานกลางด้วย
เป็นไปได้ที่อาจจะเกิดโครงการช้อปช่วยชาติขึ้นอีกครั้ง ซึ่งเดิมกำหนดให้นำค่าใช้จ่ายเพื่อการซื้อสินค้าและบริการในช่วงเวลาที่กำหนดไปยื่นลดหย่อยภาษีได้ไม่เกิน 15,000 บาท ซึ่งทำให้รัฐสูญรายได้จากการจัดเก็บภาษีราว 2 พันล้านบาท คาดว่ารอบใหม่นี้อาจจะมีเงื่อนไขเรื่องเวลาที่ต่างออกไป และระบบอีเพย์เมนต์จะเข้ามามีบทบาทมากขึ้นทั้งการซื้อสินค้าและบริการผ่านระบบพร้อมเพย์ตลอดจนการคืนเงินภาษี
ขณะเดียวกันอาจจะเพิ่มเติมมาตรการช่วยเหลือสำหรับผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐได้แก่เงินช่วยค่าน้ำมันสำหรับผู้ประกอบอาชีพจักรยานยนต์รับจ้าง เงินคืนภาษีมูลค่าเพิ่มให้กับผู้มีรายได้น้อย รวมทั้งการเพิ่มเบี้ยคนชราสำหรับค่าเดินทางไปโรงพยาบาลของผู้สูงวัย ซึ่งส่วนที่เหลือจะนำมาสบทบในกองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.) ได้
จากการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐเพิ่มเติมภายใต้โครงการไทยนิยมยั่งยืน ในกลุ่มผู้พิการ ผู้สูงอายุ ผู้ป่วยติดเตียง และผู้ที่ไม่สามารถเดินทางมาลงทะเบียนได้ในปี 2560 พบว่ามีผู้ลงทะเบียนเพิ่ม 4.5 ล้านราย ผ่านคุณสมบัติ 3.5 ล้านราย โดยจะแจกบัตรในช่วงเดือน ธ.ค. นี้ และใช้จ่ายผ่านบัตรได้ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 2562 เป็นต้นไป
พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์
อ้างอิง:
