วันนี้ (29 พฤษภาคม) ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ จังหวัดสมุทรปราการ เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ภายหลัง พล.ต.อ. กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในฐานะรักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เข้าพบเพื่อรายงานความคืบหน้ากรณีบันทึกสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตีความให้ พล.ต.อ. สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) ออกจากราชการไว้ก่อนหรือไม่ว่า ไม่ได้พูดคุยกัน พล.ต.อ. สุรเชษฐ์ เป็นการพูดคุยเรื่องอาชญากรรม
ส่วนความเห็นของคณะกรรมการกฤษฎีกาที่ระบุว่า การให้ออกจากราชการยังไม่ถูกต้องสมบูรณ์นั้น เศรษฐากล่าวว่ายังไม่สมบูรณ์ หากมีการทักท้วงมาก็ต้องรับฟัง และต้องให้ดำเนินการต่อไป ซึ่งต้องมีความรอบคอบในการปฏิบัติ โดยหลังจากนี้จะต้องไปศึกษาข้อกฎหมาย
เศรษฐากล่าวอีกว่า กังวลใจทุกเรื่องอย่างที่เคยบอก เพราะว่ากังวลใจก็ต้องทำให้มันถูกต้อง มันมีรายละเอียดปลีกย่อยที่ต้องทำกัน และมีหลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะต้องรับฟังความคิดเห็นให้ครบถ้วน พร้อมย้ำว่าต้องฟังความเห็นของทุกๆ ภาคส่วน ซึ่งต้องมานั่งพูดคุยกัน เพราะมีขั้นตอนขอไปลำดับเรื่องก่อนว่าอะไรมาก่อนอะไรมาหลัง
- เชื่อ อส. ฟ้องคดีทักษิณ ไม่กระทบ ‘รัฐบาล-เพื่อไทย’
ส่วนกรณี ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ติดโควิดจนต้องเลื่อนนัดฟังคำสั่งสำนักงานอัยการสูงสุด (อส.) ในคดีมาตรา 112 นั้น เศรษฐากล่าวว่ายังไม่ได้โทรศัพท์ไปถามเรื่องอาการป่วย เนื่องจากมีภารกิจ
ส่วนการที่อัยการสูงสุดสั่งฟ้องคดี ตนพูดมาตลอดว่า แม้แต่คดีของตนเองที่อยู่ในศาลรัฐธรรมนูญก็ให้ความเคารพกระบวนการยุติธรรม คดีของทักษิณก็เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมแล้ว เป็นฝ่ายจำเลยที่จะต้องไปชี้แจงขอให้ทุกอย่างเป็นไปตามกระบวนการขั้นตอนที่ถูกต้อง
อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าการถูกสั่งฟ้องคดีมาตรา 112 จะไม่กระทบต่อภาพลักษณ์ของรัฐบาลและพรรคเพื่อไทย เพราะเป็นคดีบุคคล แต่อาจกระทบกับหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ซึ่งเรื่องนี้ต้องไปถาม แพทองธาร ชินวัตร เอาเอง แต่ในแง่ของรัฐบาล พรรคการเมืองและทักษิณแยกกันชัดเจน
เศรษฐายังกล่าวด้วยว่า ตั้งแต่ทักษิณออกมา และตั้งแต่ตนเป็นนายกฯ ก็ยังไม่เคยพูดคุยว่าจะลงพื้นที่พร้อมกัน เพราะไม่ทราบว่าทักษิณมีความประสงค์แบบนั้นหรือไม่ อยู่ดีๆ จะไปพูดเองว่าท่านอยากลงพื้นที่ด้วยก็ไม่ถูก
- รับเคยไม่เห็นด้วย ‘วิษณุ’ ยันไม่ได้ดึงตัวมาช่วยคดี
เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวถึงการลงนามคำสั่งแต่งตั้งให้ วิษณุ เครืองาม อดีตรองนายกรัฐมนตรีฝ่ายกฎหมาย เป็นที่ปรึกษาสำนักงานเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.) ว่า ขอพูดในฐานะส่วนตัว แน่นอนเรามีความเห็นที่แตกต่างกัน ไม่ว่าจะเป็นหลายๆ เรื่องในอดีต และเรื่องที่เห็นด้วยก็มีหลายเรื่อง เรื่องที่ชื่นชมก็มีหลายเรื่อง
“ผมอาจไม่เห็นด้วยบางเรื่อง เหมือนกับทุกท่าน เราอยู่ด้วยกันกับคนที่บ้าน หรือเพื่อนๆ เรา สิ่งที่เราไม่เห็นด้วยก็มีใช่หรือไม่ แต่หลายเรื่องเราก็เห็นด้วย อันนี้เป็นความสวยงามของระบอบประชาธิปไตย เห็นต่างแต่อยู่ด้วยกันได้ ฉะนั้นสิ่งหนึ่งที่เราปฏิเสธไม่ได้ คือท่านเป็นคนมีความรู้ความสามารถ เพราะฉะนั้นอาจมีเรื่องในอดีตที่เราไม่เห็นด้วย แต่ผมเชื่อว่าเราสามารถสื่อสารกันได้ และสามารถอยู่ร่วมกันได้ เราสามารถมาทำงานเพื่อประโยชน์ของพี่น้องประชาชน” เศรษฐากล่าว
ส่วนที่ชาวเน็ตขุดคำพูดของนายกฯ ที่มีทัศนคติในเชิงลบต่อวิษณุ ตรงนี้จะทำให้เกิดความกินแหนงแคลงใจหรือไม่ เศรษฐากล่าวว่า อย่างที่ตนพูด ตอนนั้นที่ไม่เห็นด้วยก็เป็นเรื่องที่ไม่เห็นด้วย แต่เชื่อว่าวันที่ได้ไปหาท่านที่บ้านและพูดคุยกัน ตนคิดว่าสามารถสรุปได้ว่าเรื่องนี้ไม่ได้อยู่ในประเด็น ไม่มีปัญหา
เศรษฐากล่าวย้ำด้วยว่า ตนไม่ได้บอกว่าดึงท่านเข้ามาทำเรื่องคดี 40 สมาชิกวุฒิสภา (สว.) แต่มาเป็นที่ปรึกษา สลค. และท่านก็มีหน้าที่ตามที่ได้ประกาศไป คุยราชการได้ มีหน้าที่ให้สัมภาษณ์ได้ เข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้ คงเป็นหลายๆ เรื่องที่ท่านมีความชำนาญ และไม่ได้บอกว่าเอามาช่วยเรื่องใดเรื่องหนึ่งโดยเฉพาะ เป็นเรื่องที่ได้รับการมอบหมายจากนายกรัฐมนตรี เหมือนที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรีหลายๆ ท่าน
“ไม่แน่ใจเหมือนกัน เซ็นไปแล้วเมื่อวานซืน แต่เดี๋ยวต้องดูอีกที เพราะยังไม่ได้กลับเข้าทำเนียบฯ เลย พรุ่งนี้เช้า (30 พฤษภาคม) คงให้ความกระจ่างได้ดีขึ้น แต่ทุกอย่างอยู่ในขั้นตอนของรายละเอียด เพราะเมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม เห็นบอกว่าตนเซ็นไปแล้ว แต่มีการสะกดผิดอะไรสักอย่าง ต้องกลับไปดู ถึงบอกว่ายังไม่อยากจะพูดอะไร” เศรษฐากล่าว
