×

SET ยังผันผวน รอซื้อเมื่ออ่อนตัว ไม่ไล่ราคา

23.05.2022
  • LOADING...
SET

ดัชนีหุ้นไทย (SET Index) เคลื่อนไหวผันผวน โดยปรับลดลงหลุด 1,600 จุด ไปทำจุดต่ำสุดของปีนี้ที่บริเวณ 1,578 จุด เนื่องจากกังวล Fed ขึ้นดอกเบี้ยแรงหลังเงินเฟ้อสหรัฐฯ ออกมาสูงกว่าตลาดคาด ก่อนเริ่มเห็นดัชนีรีบาวด์ จากความคาดหวังเชิงบวกที่จีนเตรียมคลายล็อกดาวน์เซี่ยงไฮ้ตั้งแต่ 1 มิถุนายน และธนาคารกลางจีนประกาศลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ LPR จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจฟื้นตัว 

 

อีกทั้งในตลาดหุ้นไทยหลังสิ้นสุดประกาศงบ 1Q65 ของบริษัทจดทะเบียน พบว่า ส่วนใหญ่กำไรออกมาดีกว่าหรือใกล้เคียงกับตลาดคาด หลังหลายประเทศคลายมาตรการล็อกดาวน์คุมการระบาดของโควิด จึงหนุนให้ Fund Flow พลิกกลับมาไหลเข้าในตลาดหุ้นไทยในสัปดาห์ก่อน (17-21 พฤษภาคม) ราว 9.4 พันล้านบาท หลังจากที่ไหลออกต่อเนื่องตั้งแต่ต้นเดือนพฤษภาคมถึง 13 พฤษภาคม ไปกว่า 4.5 พันล้านบาท 

 

ทั้งนี้ การปรับขึ้นของหุ้นไทยยังมองว่ามีกรอบบนที่จำกัด และมีความผันผวนในทิศทางขาลง หลังไม่พบสัญญาณของปัจจัยหนุนที่จะเข้ามาหนุนดัชนีให้ปรับขึ้นต่อเนื่องได้ และบรรยากาศการลงทุนยังถูกกดดันจากปัจจัยภายนอกที่ยังมีความไม่แน่นอนสูง จากการเร่งขึ้นดอกเบี้ยของ Fed เพื่อสกัดเงินเฟ้อในระดับสูง และภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว รวมทั้งมองกำไรยังไม่ได้ถูกปรับลงมากนักจากการเติบโตที่มีแนวโน้มชะลอตัวลง ทำให้ตลาดสินทรัพย์เสี่ยงยังมีดาวน์ไซด์และผันผวนสูง รวมถึงยังไม่ได้ใกล้เข้าสู่ช่วงขาขึ้นรอบใหม่ ส่งผลให้ผมมีมุมมองการลงทุนที่ยังระมัดระวังอยู่ 

 

โดยแนวโน้มหุ้นไทย ผมมองว่ามีดาวน์ไซด์ลงหลุดต่ำกว่า 1,580 จุด และมีแนวรับถัดไปบริเวณ 1,550-1,560 จุด ดังนั้นกลยุทธ์การลงทุนให้ใช้เชิงรับ ไม่ไล่ราคา แต่การอ่อนตัวเป็นโอกาสในการเข้าซื้อสะสมในกลุ่มหุ้นคุณภาพที่มีพื้นฐานดี และ Valuation ไม่แพง (PBV ยังต่ำกว่าหรือใกล้เคียงค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปี) รวมทั้งราคาหุ้นปรับลงมาพอสมควรแล้ว ดังนี้ 

 

  1. กลุ่มหุ้นที่ผลการดำเนินงานมีแนวโน้มเติบโตดี มีผลกระทบจำกัดจากปัจจัยภายนอกอย่าง KBANK, AMATA, LH, GULF, ADVANC 

 

  1. กลุ่มหุ้นที่กำไร 1Q65 ดีเกินคาด และ 2Q65 โมเมนตันกำไรดีต่อเนื่อง อย่าง IVL, AMATA, MTC, CPALL

  2. กลุ่มหุ้นที่กำไรผ่านจุดแย่สุดไปแล้ว และจะเริ่มฟื้นตัวดีขึ้นตั้งแต่ 2Q65 ได้แก่ OSP ส่วนกลุ่มหุ้นที่ควรเพิ่มความระมัดระวังการลงทุน ได้แก่

    • หุ้นกลุ่มขนส่ง วัสดุก่อสร้าง บรรจุภัณฑ์ ที่ต้นทุนเชื้อเพลิงสูงขึ้นจะกดดันผลการดำเนินงาน 2Q65  
    • หุ้นขุดเหมือง ซึ่งคาดยังได้ Sentiment ลบจากการปรับตัวลงของ Bitcoin และต้นทุนไฟฟ้าที่สูงขึ้น ทำให้มีโอกาสสูงที่จะไม่คุ้มค่าในการลงทุน หรือระยะเวลาคืนทุนนานกว่าที่ตั้งเป้าหมายไว้ 

 

ทั้งนี้ ในบรรดากลุ่มหุ้นต่างๆ ที่น่าสนใจที่ใช้เป็นโอกาสซื้อสะสมเมื่ออ่อนตัว ผมเลือกมาจัดพอร์ต 5 ตัว ได้แก่ 

 

  1. CPALL ยอดขายธุรกิจ CVS ดีขึ้น รวมทั้งมีภาระดอกเบี้ยจ่ายจากดีล Lotus’s ในส่วนของ CPALL ที่ลดลงจากการรีไฟแนนซ์

  2. OSP ได้ประโยชน์เต็มไตรมาสจากการปรับขึ้นราคาขาย M-150 จาก 10 บาทต่อขวดเป็น 12 บาทต่อขวด และตลาดส่งออกดีขึ้น อีกทั้งรับรู้ยอดขายจากสินค้าเครื่องใหม่ที่มีส่วนผสม CBD

  3. GULF หุ้นที่ผลการดำเนินงานมีแนวโน้มเติบโตดี มีผลกระทบจำกัดจากปัจจัยภายนอก โดยคาดว่าผลประกอบการ 1Q65 เติบโตดี YoY และยังฟื้นตัวต่อเนื่องใน 2Q65 
  4. ADVANC หุ้นที่ผลการดำเนินงานมีแนวโน้มโตดี และ/หรือมีผลกระทบจำกัดจากปัจจัยภายนอก ขณะที่ความชัดเจนมากขึ้นของดีลระหว่าง TRUE-DTAC จะเป็นปัจจัยกระตุ้นราคาหุ้น
  5. Backlog ในมือยังคงแข็งแกร่ง คาดหวังการลดข้อจำกัดเดินทางระดับภูมิภาคจะช่วยหนุนยอดโอนตั้งแต่ 3Q65
  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising