วันนี้ (8 พฤษภาคม) พล.ต.อ. เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย กล่าวในช่วงลงพื้นที่หาเสียงที่จังหวัดพิจิตร เพื่อแนะนำผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) ทั้ง 3 เขต โดยลงพื้นที่ที่ตลาดตะพานหิน, ตลาดบางมูลนาก, ตลาดโพทะเล, ตลาดวัดไทรงาม และพบประชาชนที่อำเภอโพธิ์ประทับช้าง
พล.ต.อ. เสรีพิศุทธ์กล่าวว่า การลงพื้นที่วันนี้พบว่ากระแสนิยมของพรรคยังดี แต่ขอประชาชนอย่าไปสนใจพรรคใหญ่ๆ ที่ตอนนี้ประกาศขอให้ได้ ส.ส. เยอะที่สุด เช่น กระแสแลนด์สไลด์ จนกระแสนิยมของพรรคโดนดูดไปพอสมควร ขอฝากประชาชนว่าหากเป็นแบบนี้ตนอาจไม่ได้เข้ารัฐสภา และจะขาดคนตรวจสอบรัฐบาลกับคนที่ทุจริต ดังนั้นตนขอฝากพรรคเสรีรวมไทยด้วย
พล.ต.อ. เสรีพิศุทธ์กล่าวต่อไปว่า ประเด็นความวุ่นวายของการเลือกตั้งล่วงหน้าเมื่อวันที่ 7 พฤษภาคมที่ผ่านมา หลายพื้นที่มีความบกพร่องของเจ้าหน้าที่ประจำหน่วยเลือกตั้ง และความบกพร่องที่มาจากคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) และไม่รู้ว่าวันที่ 14 พฤษภาคม ที่เป็นวันเลือกตั้งทั่วไป วันจริงจะมีความวุ่นวายแค่ไหน แต่ขอให้ประชาชนรวบรวมข้อมูลความบกพร่อง หรือสิ่งผิดปกติไว้และส่งมาให้ตนด้วย ซึ่งขอขอบคุณล่วงหน้าไว้ตรงนี้
“กกต. ชุดนี้มาจาก คสช. เลือกตั้งครั้งที่แล้วก็เห็นการทำงานอยู่ เช่น คะแนน ส.ส. ปัดเศษ 19 พรรค และเกิดปัญหา ส.ส. ขายตัว จนรัฐสภาเสื่อมเสีย วันนี้ยังพบทุจริตเลือกตั้งเยอะ แต่ กกต. ไม่ทำอะไรเลย เช่น การขนคนมาฟังหาเสียงนับหมื่นคน พรรคเหล่านั้นใช้เงินไหม เกินงบไหม แบบนี้ไม่เที่ยงธรรม กกต. จัดการได้ไหม ผมหาเสียงแบบไม่มีนายทุน ลงเดินพบประชาชน จึงตั้งเวทีใหญ่ๆ แบบนั้นไม่ได้ ระเบียบต่างๆ ที่ กกต. ออกคำสั่งให้พรรคต่างๆ ดำเนินการ พบว่าเอื้อกับฝ่ายรัฐบาลทั้งนั้น เพราะใช้งบประมาณลงพื้นที่ได้ แต่ฝ่ายค้านต้องใช้งบส่วนตัวลงพื้นที่ วันนี้ต้องตรวจสอบ กกต. ในการทำงาน และใช้งบประมาณการเลือกตั้งครั้งนี้ เช่น บัตรเลือกตั้งที่พิมพ์เกินหลายล้านใบ ตรงนี้ส่อพฤติกรรมว่าไม่สุจริต” พล.ต.อ. เสรีพิศุทธ์กล่าว
พล.ต.อ. เสรีพิศุทธ์ยังกล่าวอีกว่า สิ่งที่พรรคเสรีรวมไทยจะดำเนินการภายใน 7 วัน หลังจากสภาผู้แทนราษฎรเปิดสมัยประชุม คือการเสนอตั้งกรรมาธิการวิสามัญศึกษาปัญหาการจัดการเลือกตั้งของ กกต. ใน 4 ประเด็นคือ
- รายการค่าใช้จ่าย 5,900 ล้านบาท ใช้ในรายการใดบ้าง เป็นเงินเท่าไร เหลือเท่าไร เกิดประโยชน์ คุ้มค่า มีผลกระทบและความเสี่ยงในการทุจริตหรือไม่
- การใช้จ่ายในการไปดูงานต่างประเทศ ทุกรายการตลอด 4 ปีที่ผ่านมา และเน้นช่วงการไปดูงานช่วงเลือกตั้ง มีใครไปบ้าง ใช้เงินเท่าไร มีผลการดูงานที่เป็นประโยชน์ต่อการเลือกตั้งอย่างไร
- ข้อบกพร่องที่เกิดขึ้นในการจัดการล่วงหน้าทั้งในและนอกราชอาณาจักร มีสาเหตุอย่างไร และ กกต. ได้จัดการแก้ไขอย่างไร
- การจัดการกับการทุจริตซื้อเสียง ที่มีจำนวนเพิ่มขึ้นมากกว่าในอดีตทั้งในแง่จำนวนเงินและพื้นที่ กกต. ได้มีการจัดการอย่างมีประสิทธิภาพ คุ้มค่าเงินงบประมาณที่เสียไปเพียงไร
พล.ต.อ. เสรีพิศุทธ์กล่าวต่อไปว่า สิ่งที่ กกต. ออกมาชี้แจงและยอมรับข้อบกพร่องนั้น ตนมองแล้วการออกมาพูดแบบนี้คล้ายว่าจำนนด้วยหลักฐาน แล้วยังแถไปเรื่อย เสือกระดาษแบบ กกต. ชุดนี้ ตนมองว่าไม่มีประโยชน์ที่จะจัดการเลือกตั้งให้บริสุทธิ์ ยุติธรรม เพราะแค่ระบบบริหารการเลือกตั้งยังมั่วแบบนี้ การทุจริตเลือกตั้งที่มีเยอะแยะในหลายเขตกลับไม่มีอะไรคืบหน้าเลย ตนกล้าพูดแบบนี้เพราะตนเป็นอดีตนายตำรวจที่มีข้อมูลในพื้นที่ต่างๆ และตนเคยจับทุจริตเลือกตั้งซ่อม ส.ส. ลำปาง เขต 4 มาแล้วโดยที่ กกต. แทบไม่ได้ขยับอะไร ทั้งๆ ที่ตอนนั้นตนไปยื่นข้อมูลด้วยตัวเองและติดตามหลายครั้งจน กกต. กล้าขยับ เพราะตนบอกไปว่าหากไม่ดำเนินการ ตนจะใช้ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 จัดการกับ กกต.
พล.ต.อ. เสรีพิศุทธ์กล่าวอีกว่า มีลางสังหรณ์ว่าหลังเลือกตั้งเสร็จสิ้น ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 น่าจะถูกนำมาใช้กับ กกต. เพราะตอนนี้สังคมขยับแล้ว ตนในฐานะนักการเมืองก็ต้องฟังเสียงประชาชนที่รอการเลือกตั้งมา 4 ปี และอย่าลืมว่าเลือกตั้งครั้งที่แล้ว กกต. มีความโปร่งใสหรือไม่ ตนคงไม่ต้องพูดย้อนอดีตให้เยอะ เพราะทุกคนทราบกันดี 6 วันข้างหน้านี้ขอคนไทยทั่วประเทศจับตาสิ่งผิดปกติทุกด้านที่เกี่ยวกับการเลือกตั้งแล้วส่งมาให้ตน ตนจะลุยเอง เพราะปล่อยไว้บ้านเมืองย่ำแย่ไปอีกนาน
“ที่แน่ๆ หลังเลือกตั้งจะเสนอกฎหมายยุบ กกต. จังหวัด เพราะไม่เคยจับโกงได้เลย เปลืองงบประมาณ วันนี้ผมลงพื้นที่ประชาชนบอกหมดว่า ใครซื้อเสียงบ้าง อย่าลืมว่าผมเคยจับโกงเลือกตั้งที่จังหวัดบุรีรัมย์เมื่อหลายสิบปีก่อน และจับโกงที่จังหวัดลำปาง เขต 4 ได้ เชื่อว่าครั้งนี้บัตรเสียมีเยอะที่สุด เพราะประชาชนสับสนกับบัตรเลือกตั้งที่ใช้ในวันนี้” พล.ต.อ. เสรีพิศุทธ์กล่าวในที่สุด