วุฒิสภาสหรัฐอเมริกา หรือสภาสูง ลงมติเพื่อยกเลิกคำสั่งอนุญาตให้มีการใช้กำลังทางทหาร (Authorizations for the Use of Military Force: AUMF) ในอิรัก เมื่อวานนี้ (29 มีนาคม) ในโอกาสครบรอบ 20 ปีการบุกอิรักของกองทัพสหรัฐฯ นับเป็นเหตุการณ์สำคัญของฝ่ายนิติบัญญัติสหรัฐฯ ที่เคยเกี่ยวข้องกับการอ้างสิทธิใช้อำนาจแทรกแซงกิจการทางทหารในต่างประเทศ
ทางด้าน เควิน แมคคาร์ธี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ เผยว่า ขณะนี้ญัตติดังกล่าวถูกส่งต่อให้กับสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ เพื่อลงมติ ซึ่งคาดว่าน่าจะได้รับมติเห็นชอบจากทั้งสมาชิกสภาสังกัดพรรคเดโมแครตและพรรครีพับลิกันในการยกเลิกคำสั่งอนุญาตดังกล่าว
ขณะที่ทำเนียบขาวสหรัฐฯ ชี้ว่า หากสภาสูงและสภาล่างเห็นชอบให้ยกเลิกคำสั่งอนุญาตให้มีการใช้กำลังทางทหารในปี 1991 และปี 2002 จะเป็นการสรุปเหตุความขัดแย้งอย่างเป็นทางการและเป็นการยืนยันเชิงสัญลักษณ์ถึงความสามารถของสภาคองเกรสสหรัฐฯ ในการประกาศสงครามกับประเทศอื่น
ชัค ชูเมอร์ ผู้นำเสียงข้างมากในสภาสูงจากพรรคเดโมแครตระบุว่า ขณะนี้ไม่มีเหตุผลอันสมควรอีกต่อไปแล้วที่จะอนุญาตให้มีการใช้กำลังทางทหารในอิรักได้อยู่ โดยชูเมอร์ยังชี้อีกว่า ทุกๆ ปีอำนาจเหล่านี้ยังอยู่ที่เดิม ซึ่งอาจเปิดโอกาสให้รัฐบาลสหรัฐฯ ในอนาคตสามารถใช้อำนาจนี้ในทางมิชอบและทำให้สหรัฐฯ ติดอยู่ในวังวนความขัดแย้งในตะวันออกกลางต่อไปอีก พลเมืองอเมริกันไม่ต้องการสิ่งนั้นแล้ว พวกเขาเบื่อหน่ายกับสงครามที่ไม่สิ้นสุดในตะวันออกกลาง
ด้านสมาชิกพรรครีพับลิกันจำนวนหนึ่ง รวมถึง มิตช์ แม็กคอนเนลล์ ผู้นำเสียงข้างน้อยในสภาสูงสหรัฐฯ ได้คัดค้านการยกเลิกคำสั่งดังกล่าว โดยให้เหตุผลว่า คำสั่งนี้ไม่ได้เป็นการละเมิดอำนาจโดยประธานาธิบดีสหรัฐฯ แต่เป็นการมอบความยืดหยุ่นให้กับทำเนียบขาวในการจัดการกับภัยคุกคามทั่วโลกในช่วงเวลาที่อันตราย
นอกจากนี้แม็กคอนเนลล์ยังระบุว่า ผมไม่เห็นด้วยกับการยกเลิกคำสั่งอนุญาตให้ใช้กำลังทางทหารในตะวันออกกลาง เพราะบรรดาศัตรูผู้ก่อการร้ายของเราไม่ได้หยุดทำสงครามต่อต้านเรา และเมื่อเราเคลื่อนกำลังพลของเราเข้าไปยังพื้นที่อันตราย เราจำเป็นต้องสนับสนุนพวกเขาทุกวิถีทางที่เราทำได้
โดยประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนต่อๆ มา มักใช้อำนาจดังกล่าวนี้ เพื่อปฏิบัติการทางทหารนอกเหนือขอบเขตเดิม ตัวอย่างเช่น ประธานาธิบดีบารัก โอบามา เคยใช้อำนาจคำสั่งนี้เพื่อสร้างความชอบธรรมให้กับปฏิบัติการโจมตีทางอากาศต่อต้านกลุ่มรัฐอิสลาม (IS) ในอิรักและอิหร่าน เป็นต้น
ด้านทำเนียบขาวระบุว่า การยกเลิกคำสั่งอนุญาตดังกล่าวจะไม่ส่งผลกระทบต่อปฏิบัติการทางทหารของกองทัพสหรัฐฯ ในปัจจุบัน อีกทั้งประธานาธิบดีโจ ไบเดน ยังคงมุ่งมั่นที่จะประสานงานกับสภาคองเกรส เพื่อให้แน่ใจว่าคำสั่งอนุญาตที่ล้าสมัยนี้จะได้รับการแทนที่ด้วยความร่วมมือที่เฉพาะเจาะจงและมีความเหมาะสมมากกว่าในการปกป้องพลเมืองอเมริกันจากภัยคุกคามของผู้ก่อการร้ายสมัยใหม่
ภาพ: Anna Moneymaker / Getty Images
อ้างอิง:
