วันนี้ (21 กุมภาพันธ์) ที่ประชุมวุฒิสภาพิจารณาเรื่องด่วน การพิจารณาให้ความเห็นชอบหรือไม่ให้ความเห็นชอบ ผลการลงมติของสภาผู้แทนราษฎรในญัตติที่ฝ่ายค้านเสนอให้ทำประชามติความเห็นประชาชนต่อการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่พร้อมกับการเลือกตั้ง หลังสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ได้อภิปรายกันอย่างกว้างขวาง โดยมีทั้งฝ่ายที่เห็นชอบและไม่เห็นชอบกับญัตติดังกล่าว
สมชาย แสวงการ ส.ว. ในฐานะประธานกรรมาธิการสามัญพิจารณาญัตติดังกล่าว ได้กล่าวชี้แจงข้อซักถามของสมาชิกต่อญัตติให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) จัดทำประชามติร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ โดยย้ำว่าญัตติที่ฝ่ายค้านเสนอมานั้น ไม่ใช่การเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญ แต่เสนอให้ล้มฉบับเดิม แล้วร่างใหม่ทั้งฉบับโดยไม่มีกรอบใดๆ จะตัดเอามาตราใดออกไปก็ได้
พร้อมกันนั้น ตนได้ฟังคำชี้แจงจากทั้งคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) และ จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) จังหวัดเชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย ซึ่งเป็นผู้เสนอญัตตินี้มา ก็ล้วนยืนยันว่าต้องทำประชามติทั้งหมด 3 ครั้ง งบประมาณเบ็ดเสร็จที่ต้องใช้อาจถึง 15,000 ล้านบาทจนจบกระบวนการ
สมชายยังชี้แจงด้วยว่า คำถามประชามติที่แนบท้ายญัตติมานั้น มีการกล่าวถึงสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.) ที่มาจากการเลือกตั้งโดยตรงของประชาชน ซึ่งไม่เคยปรากฏมาก่อน อีกทั้งรัฐธรรมนูญฉบับปี 2560 ไม่ได้เอ่ยถึง สสร. เลย คำถามแนบท้ายดังกล่าวนี้จึงอาจเข้าข่ายขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญเอง จนอาจเป็นเหตุให้ ครม. ไม่สามารถดำเนินการทำประชามติได้
ท้ายที่สุดที่ประชุมวุฒิสภามีมติไม่เห็นชอบต่อญัตติให้ ครม. จัดทำประชามติร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ด้วยคะแนนเสียงเห็นด้วย 11 เสียง ไม่เห็นด้วย 157 เสียง งดออกเสียง 13 เสียง และไม่ได้ลงคะแนน 1 เสียง เท่ากับที่ประชุมวุฒิสภาไม่เห็นชอบให้รัฐสภาส่งญัตติเสนอการออกเสียงประชามติเรื่องการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ให้ ครม. ดำเนินการ