×

มีอะไรในงาน See What’s Next Asia และทำไม Netflix ถึงให้ความสำคัญกับตลาดเอเชียที่กำลังเติบโต

15.11.2018
  • LOADING...

HIGHLIGHTS

7 Mins. Read
  • “ในปีนี้ ยอดการรับชมซีรีส์เอเชียมากกว่าครึ่งมาจากผู้ชมที่ไม่ได้อยู่ในเอเชีย เราจึงมั่นใจว่าภาพยนตร์และซีรีส์จากเอเชียต่อไปนี้จะได้รับความนิยมทั้งในเอเชียและทั่วโลก”
  • ซีรีส์แนวสยองขวัญเรื่อง เคว้ง (The Stranded) และ อุบัติกาฬ (Shimmers) จะเป็นออริจินัลคอนเทนต์ภาษาไทยเรื่องแรกของ Netflix และจะได้ชมกันในปี 2019
  • “ย้อนไปในปี 2013 ที่ซีรีส์ House of Cards ซีซันแรกออนแอร์ ตอนนั้นเรายังไม่สามารถปล่อยคอนเทนต์ได้ทั่วโลก และยังมีเพียงแค่ 7 ภาษา แต่เมื่อไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา เราปล่อย Chilling Adventures of Sabrina ให้คนทั้งโลกได้ดูพร้อมกันใน 27 ภาษา รวมถึงภาษาบาฮาซา สำหรับคนอินโดนีเซีย”

“อินเทอร์เน็ตเปลี่ยนแปลงทุกอย่าง Netflix เองก็เช่นกัน เราทำให้ทุกอย่างเป็นไปตามความต้องการของคุณ ซึ่งมันเปลี่ยนวิถีชีวิตและสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ ให้เกิดขึ้น รวมทั้งทำให้เกิดการแบ่งปันไปทั่วโลก” รีด แฮสติงส์ ซีอีโอ Netflix กล่าวไว้บนเวที See What’s Next Asia เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา สอดคล้องกับสิ่งที่ ท็อดด์ เยลลิน Vice President of Product พรีเซนต์บนเวทีว่า “เราเชื่อมต่อโลกใบนี้เข้าด้วยกันผ่านเรื่องราวที่ยิ่งใหญ่”

 

Netflix เชื่อมโยงโลกใบนี้เข้าด้วยกันผ่านเรื่องราวได้อย่างไร, ทำไมถึงเดินทางมาจัดงานใหญ่ที่เอเชีย, ผลงานอะไรในอนาคตที่กำลังเปลี่ยนโฉมอุตสาหกรรมบันเทิง, คิดอย่างไรกับการมาของ Disney Plus และหลายข้อมูลน่าสนใจ หลังจากใช้เวลาร่วมๆ 48 ชั่วโมงกับ See What’s Next Asia อีเวนต์ระดับโลกที่เพิ่งจัดเป็นครั้งแรกในเอเชีย ณ Marina Bay Sands ประเทศสิงคโปร์ เราเชื่อว่าคุณน่าจะได้คำตอบจากบทความชิ้นนี้

 

 

Why Asia?

“ทุกวันนี้เอเชียนับเป็นศูนย์กลางความคิดสร้างสรรค์การผลิตภาพยนตร์และซีรีส์ที่สำคัญของโลก Netflix เราได้เปรียบตรงที่สามารถนำเรื่องราวจากเกาหลีใต้ ไทย ญี่ปุ่น อินเดีย ไต้หวัน หรือประเทศอื่นๆ ที่ไม่เคยถูกนำเสนอที่ไหนมาก่อน เชื่อมโยงไปยังผู้ชมทั่วโลก โดยเฉพาะในปีนี้ ยอดการรับชมซีรีส์เอเชียมากกว่าครึ่งมาจากผู้ชมที่ไม่ได้อยู่ในเอเชีย เราจึงมั่นใจว่าภาพยนตร์และซีรีส์จากเอเชียต่อไปนี้จะได้รับความนิยมทั้งในเอเชียและทั่วโลก”

– เท็ด ซาแรนดอส, Chief Content Officer Netflix

 

Netflix เพิ่งจัดงานใหญ่ See What’s Next Asia เปิดตัวคอนเทนต์ในเอเชียเป็นครั้งแรก โดยเชิญสื่อทั่วภูมิภาคมาทำความรู้จักและรับฟังอนาคตที่จะเกิดขึ้นในปี 2019 นำทีมโดย รีด แฮสติงส์ ซีอีโอ และ เท็ด ซาแรนดอส Chief Content Officer

 

สื่อมวลชนมากกว่า 200 คน จาก 11 ประเทศ ทีมงาน Netflix โปรดิวเซอร์ ผู้เขียนบท ผู้กำกับ รวมถึงเหล่านักแสดงที่มาร่วมงานจึงเป็นจำนวนรวมที่ทำให้อีเวนต์ครั้งนี้ยิ่งใหญ่ และเป็นอีกครั้งที่ทำให้เห็นว่า ‘เอเชีย’ ได้กลายเป็นกำลังซื้อที่แบรนด์ระดับโลกให้ความสำคัญ

 

Netflix มองว่า เอเชียเป็นตลาดผู้บริโภครายใหญ่และมีศักยภาพในการสร้างคอนเทนต์ที่จะได้รับความนิยมไปทั่วโลกได้ไม่ยาก ในเอเชียตลาดที่เติบโตอย่างชัดเจนของ Netflix อย่างเช่น อินเดีย, เกาหลีใต้, อินโดนีเซีย, ฟิลิปปินส์ รวมถึงประเทศไทย

 

แม้ว่าระบบข้อมูลของ Netflix จะบอกชัดเจนว่าสำหรับตลาดไทยแล้ว เรื่องผี เรื่องตลก โรแมนติกคอเมดี้ จะเป็นโทนเรื่องที่คนสนใจดูสูงสุด แต่ก็น่าสนใจว่า Netflix เลือกบาลานซ์ความชอบของคนดูกับคุณภาพในการสร้างซีรีส์ ด้วยการทำงานร่วมกับผู้กำกับฝีมือดีของไทยอย่าง โสภณ ศักดาพิศิษฏ์ กับซีรีส์แนวสยองขวัญเรื่อง เคว้ง (The Stranded) และ วิศิษฏ์ ศาสนเที่ยง ร่วมกับ สิทธิศิริ มงคลศิริ กำกับซีรีส์ อุบัติกาฬ (Shimmers) ซึ่งจะเป็นออริจินัลคอนเทนต์ภาษาไทยเรื่องแรกของ Netflix และจะได้ชมกันในปี 2019

 

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ thestandard.co/netflix-original-content

 

 

“ผู้สมัครสมาชิก Netflix ทั่วโลกอยู่ที่ราว 137 ล้านบัญชี เราตั้งเป้าหมายว่า 100 ล้านบัญชีต่อไปจะมาจากสมาชิกในอินเดีย ประเทศที่มีสมาร์ทโฟนมากกว่า 300 ล้านเครื่องและผู้คนชอบดูโทรทัศน์”

– รีด แฮสติงส์ กล่าวที่งาน The Economic Times’ Global Business Summit ที่เมืองนิวเดลี ประเทศอินเดีย

 

See What’s Next Asia ให้เวลาครึ่งวันกับการประกาศโปรเจกต์ของอินเดียรวม 13 เรื่อง แสดงให้เห็นความสำคัญของฐานผู้ชมและคุณภาพอุตสาหกรรมภาพยนตร์ในประเทศอินเดียได้อย่างน่าสนใจ ไฮไลต์ที่น่าติดตามอย่างเช่น Rajma Chawal ดราม่าครอบครัวในนิวเดลี, Selection Day ซีรีส์ดราม่า Coming of Age ที่สร้างจากหนังสือในชื่อเดียวกัน, Baahubali: Before the Beginning ซีรีส์ที่ได้นักแสดงสาวชื่อดัง Mrunal Thakur มาร่วมงาน และ Leila ซีรีส์ที่ดัดแปลงจากนวนิยาย เล่าเรื่องราวของแม่ที่ออกตามหาลูกสาวที่พลัดพรากกันไปเมื่อ 16 ปีที่แล้ว

 

ประเทศเกาหลีใต้เป็นอีกหนึ่งฐานคนดู Netflix ที่เติบโตอย่างรวดเร็ว เพราะนอกจากจำนวนคนดูในประเทศที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องแล้ว คอนเทนต์จากเกาหลีใต้ยังสร้างฐานคนดูนอกประเทศได้เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ เช่นกัน ในงานวันแรกมีการประกาศซีรีส์จากเกาหลีเรื่องเด่นๆ ในปีหน้าถึง 4 เรื่อง เปิดด้วย Kingdom ซีรีส์ซอมบี้ผีดิบยุคโชซอนที่หลายคนรอคอย ซึ่งจะฉายซีซันแรกในเดือนมกราคม 2019 และประกาศสร้างซีซัน 2 เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

 

 

ตามมาด้วย Busted! รายการวาไรตี้ที่ประสบความสำเร็จในซีซันแรก ผลงานโดยทีมผู้สร้าง Running Man โดยในซีซัน 2 จะมีนักแสดง อีซึงกิ มาร่วมเป็นหนึ่งในสมาชิก, ส่วนซีรีส์ที่สร้างจากเว็บตูนอย่าง Love Alarm ก็ได้นางเอกสาว คิมโซฮยอน รับบทนำ ในขณะที่ซีรีส์ My First First Love ก็ได้ทีมนักแสดงที่ดูเคมีลงตัวอย่าง จีซู, จองแชยอน และ จินยอง ซึ่งทั้งหมดจะได้รับชมในปี 2019

 

 

ข้ามฟากมาที่ประเทศญี่ปุ่น Netflix ให้ความสำคัญกับการสร้างแอนิเมชันอย่างมาก เห็นได้จากไลน์อัพที่ประกาศออกมาทั้งหมดเป็นแอนิเมชัน ไม่ว่าจะเป็นการนำ Pacific Rim มาสร้างในแบบแอนิเมชันซีรีส์ โดยได้ทีมเขียนบท เคร็ก ไคล์ (Thor: Ragnarok) และ เกร็ก จอห์นสัน (X-Men: Evolution) มาร่วมงาน, Altered Carbon ที่จะกลายร่างมาเป็นแอนิเมชันซีรีส์ไซไฟ, Cagaster of an Insect Cage ที่ดัดแปลงมาจากมังงะญี่ปุ่นชื่อดัง, Yasuke เรื่องราวของซามูไรผู้กล้าแกร่งที่กลับมาต่อสู้อีกครั้ง และ Trese ซีรีส์ที่ดัดแปลงจากนวนิยายภาพของฟิลิปปินส์ โดยมีฉากหลักในเมืองมะนิลา เมื่อสัตว์ในตำนานมาอาศัยปะปนกับมนุษย์     

 

 

Easier, Faster, Better

สิ่งหนึ่งที่เป็นประสบการณ์ร่วมของคนที่ได้ร่วมงานอีเวนต์ระดับโลกครั้งนี้ คือความเรียบง่าย สะดวกสบาย มีมาตรฐานสูง และเป็นกันเอง เราไม่รู้ว่าเบื้องหลังงานสร้างครั้งนี้จะซับซ้อนและใช้เวลาวางแผนเตรียมตัวกันอย่างไร แต่สิ่งที่ได้เห็นและได้สัมผัสตลอด 48 ชั่วโมง สะท้อนให้เห็นระบบการจัดการแบบมืออาชีพ ไม่ต่างอะไรกับการใช้งานแพลตฟอร์ม Netflix ที่เข้าใจง่าย และมีความเป็นมิตรกับผู้ใช้งาน

 

เริ่มต้นด้วยการลงทะเบียนเข้างาน เจ้าหน้าที่กรอกชื่อในคอมพิวเตอร์ และเราจะได้รับป้ายคล้องคอและคำแนะนำให้ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน See What’s Next Asia ที่สร้างมาเพื่องานนี้โดยเฉพาะ คอยแจ้งเตือนและชี้แจงตารางเวลาต่างๆ พร้อมทั้งแฮชแท็กของงาน #SWNAsia ที่พิมพ์ใน IG Story จะมีสติกเกอร์ของงานให้ใช้ตกแต่งอีกด้วย

 

Press Lounge เป็นฮอลล์กลางสำหรับผู้เข้าร่วมงานมานั่งพักผ่อน หามุมเงียบๆ ทำงาน รับประทานอาหาร รวมถึงซุ้มกาแฟที่มีอยู่ทั่วไป ภายในบริเวณจะมีซุ้มโปรโมตซีรีส์และภาพยนตร์เรื่องที่จะประกาศในงานนี้ให้ไปร่วมสนุก ทั้งการจำลองงานถ่ายภาพโปรดักชันเดียวกับในหนัง Mowgli, ซุ้มอาหารเม็กซิกันที่ห่อแซนด์วิชคล้ายยาเสพติดให้เข้ากับซีรีส์ Narcos: Mexico, การเซตซอมบี้จากซีรีส์ Kingdom มาเขย่าขวัญผู้ร่วมงาน, ซุ้มถ่ายภาพกับซีรีส์ซูเปอร์ฮีโร่ The Umbrella Academy หรือซีรีส์ House of Cards ก็เป็นกิจกรรมที่เพลิดเพลินกับช่วงเวลาที่รอคิวสัมภาษณ์ หรือรอกิจกรรมบนเวทีรอบต่อไปจะเริ่มต้น

 

 

รายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ของงานที่น่าสนใจมีเยอะ แต่ที่ทำให้เห็นว่าอันนี้คิดมาแล้ว คือ ตู้ล็อกเกอร์สำหรับชาร์ตแบตสมาร์ทโฟน ที่เสียบชาร์ตแล้ววางมือถือล็อกตู้ไว้ได้เลยไม่ต้องกลัวหาย

 

ความตรงต่อเวลาเป็นเรื่องสำคัญ ก่อนงานบนเวทีเริ่ม จะมีประกาศเตือนเป็นระยะ และทันทีที่ถึงเวลา พิธีการบนเวทีจะเริ่มต้น ภายในห้องประชุมแม้ว่าจะไม่ได้รับอนุญาตให้ถ่ายรูป แต่เมื่อกิจกรรมบนเวทีช่วงนั้นๆ จบลง จะมีอีเมลส่งเข้าไปถึงผู้เข้าร่วมงาน พร้อมลิงก์ให้ดาวน์โหลดภาพนิ่งและคลิปวิดีโอได้ทันที

 

การจัดการผู้ร่วมงานมากกว่า 200 คนไม่ใช่เรื่องง่าย แต่การทำให้กว่า 200 คนอินอยู่กับงานตลอดทั้งวันเป็นเรื่องที่ท้าทายยิ่งกว่า ในงาน See What’s Next Asia วันแรกที่รันยาวตั้งแต่ 9 โมงเช้าถึง 3 ทุ่มครึ่ง ถ้าวิเคราะห์สิ่งที่ Netflix นำเสนอแต่ละช่วงแต่ละตอน จะเห็นว่ามีการจัดวางคอนเทนต์ไว้อย่างดี เพื่อให้ทุกช่วงดึงความสนใจผู้ร่วมงานไว้ได้ และในทุกๆ ช่วงของงานจะมีการพักเบรกราว 1-2 ชั่วโมง ซึ่งความตื่นเต้นระหว่างพักเบรกคือ การที่ซีอีโอ, ซีซีโอ, ทีมงาน Netflix รวมทั้งนักแสดงระดับโลกเดินอยู่ในบริเวณงาน ทักทายกันและกัน มันแสดงให้เห็นมิตรภาพ ความเป็นกันเอง และเรียบง่าย ซึ่งไม่ต่างอะไรจากหัวใจหลักของแบรนด์

 

 

งานในช่วงหัวค่ำ Netflix พาเราย้ายจากศูนย์ประชุมที่ Marina Bay Sands ไปยัง Capitol Theatre เพื่อรับชม 2 ตอนแรกของซีรีส์ Kingdom บอกเลยว่าคุณภาพของซีรีส์เมื่อปรากฏบนจอใหญ่ ไม่ต่างกับคุณภาพของภาพยนตร์ระดับโลกเรื่องใดๆ ก็ตาม และการได้รับชมซีรีส์พร้อมผู้บริหาร ทีมงาน Netflix นักแสดง ผู้กำกับ คนเขียนบท ซึ่งส่วนใหญ่ได้รับชมเป็นครั้งแรกพร้อมๆ กันในค่ำคืนนั้น นับเป็นประสบการณ์ที่น่าประทับใจ และเราเชื่อว่าภาพป๊อปคอร์นที่พิมพ์โลโก้ Netflix พร้อมชื่อซีรีส์ Kingdom ที่โรงภาพยนตร์คืนนั้นจะกลายเป็นไวรัลคู่ไปกับแฮชแท็กของงาน #SWNAsia ในแบบที่ทุกคนยินยอมโปรโมตให้ฟรีๆ

 

 

Connecting People

“เราเริ่มต้นจากจุดเล็กๆ แต่ละปีที่เราพัฒนา ทำงานร่วมกับวิศวกรเก่งๆ มากมายทั่วโลก จนสุดท้ายเราก็ทำได้ ตอนนี้คุณดูผ่านอุปกรณ์อะไรก็ได้ ตอนไหนก็ได้ ที่ไหนก็ได้บนโลกใบนี้”

– ท็อดด์ เยลลิน, Vice President of Product

 

ช่วงหนึ่งของ See What’s Next Asia ที่เรียกว่าเป็นการตอกย้ำภาพลักษณ์แบรนด์ได้อย่างน่าสนใจคือ การขึ้นพูดของ ท็อดด์ เยลลิน เกี่ยวกับการทำงานของ Netflix เพื่อเชื่อมโยงโลกใบนี้เข้าด้วยกัน

 

“เราเริ่มต้นจากสิ่งเล็กๆ แต่ละปีที่เราพัฒนา ทำงานร่วมกับวิศวกรเก่งๆ มากมายทั่วโลก จนสุดท้ายเราก็ทำได้ ตอนนี้คุณดูผ่านอุปกรณ์อะไรก็ได้ ตอนไหนก็ได้ ที่ไหนก็ได้บนโลกใบนี้ เราพยายามเชื่อมต่อโลกใบนี้เข้าด้วยกันผ่านเรื่องราวที่ยิ่งใหญ่

 

“ถ้าย้อนไปในปี 2013 ที่ซีรีส์ House of Cards ซีซันแรกออนแอร์ ตอนนั้นเรายังไม่สามารถปล่อยคอนเทนต์ได้ทั่วโลก และยังมีเพียงแค่ 7 ภาษา แต่เมื่อไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา เราปล่อย Chilling Adventures of Sabrina ให้คนทั้งโลกได้ดูพร้อมกันใน 27 ภาษา รวมถึงภาษาบาฮาซา สำหรับคนอินโดนีเซีย”

 

 

ท็อดด์ เยลลิน ยังกล่าวอีกว่า Netflix ไม่ได้มองว่าคอนเทนต์แต่ละเรื่องมีความยาวเท่าไร ผลิตออกมาเป็นซีรีส์ หนัง หรือหนังสั้น สำหรับเขาแล้วทุกคอนเทนต์นับเป็น ‘Stories’ ที่ Netflix ต้องการกระจายเรื่องราวที่น่าสนใจเหล่านี้ไปทั่วโลก

 

เขายังยกตัวอย่างการทำงานซีรีส์ Narcos: Mexico ที่ถ่ายทำและใช้ทีมงานในประเทศเม็กซิโก ซึ่งแกนเรื่องสงครามยาเสพติดก็เป็นเนื้อหาที่ทั่วโลกเข้าใจได้ร่วมกัน หรือการกระจายกำลังการผลิตไปทั่วโลก เช่น คริส เฮมส์เวิร์ธ กำลังถ่ายหนังเรื่อง Dhaka ในประเทศอินเดีย และจะยกกองมาถ่ายทำที่ประเทศไทยด้วย, การทำงานของผู้กำกับอย่าง ไมเคิล เบย์, มาร์ติน สกอร์เซซี รวมถึงนักแสดงแถวหน้าอย่าง เบน แอฟเฟล็ก, เจค จิลเลนฮาล, ไรอัน เรย์โนลด์ส ที่มาร่วมงานกับ Netflix ก็เพื่อเปลี่ยนจากภาพยนตร์บนจอใหญ่ไปสู่หน้าจอที่คนทั่วโลกรับชมได้ไม่ต่างกัน

 

 

“เราไม่เพอร์เฟกต์ เราเรียนรู้จากทุกๆ ความผิดพลาด”

– ท็อดด์ เยลลิน, Vice President of Product

 

ท็อดด์กล่าวบนเวทีชัดเจนว่า Netflix ไม่ได้สมบูรณ์แบบ แต่ทุกๆ ความไม่สมบูรณ์นั้นกลับเป็นบทเรียนให้ได้รู้ว่าจะทำให้ดีขึ้นได้อย่างไร ในช่วงหนึ่งของการพูดบนเวที จึงเป็นการบอกเล่าว่าเขาและทีมงานตั้งใจอย่างไรในการศึกษาข้อมูลที่ได้รับจากผู้ชมทั่วโลก ทั้งเรื่องสถิติการรับชมแบบพากย์เสียง การเลือกซับไตเติล หรือกระทั่งความชอบภาพหน้าปกของหนังหรือซีรีส์ที่ปรากฏบนหน้าจอของผู้ชมที่แตกต่างไป

 

“เราทำงานเพื่อตอบโจทย์ลูกค้าเพียงคนเดียว มันไม่จำเป็นเลยว่าคุณอายุเท่าไร เพศไหน อยู่ประเทศอะไร เราสนใจแค่ว่าคุณชอบเรื่องราวแบบไหน ชอบดูสารคดี ชอบหนังโรแมนติกคอเมดี้ หรือชอบหนังสยองขวัญ เราก็จะคัดเลือกให้ตรงกับความสนใจของคุณ

 

“อย่างที่เกาหลีดู Netflix ผ่านสตรีมมิงอินเทอร์เน็ตสูงสุดในโลก ซึ่งตรงกับความเป็นจริงที่ว่าประเทศเกาหลีระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ตแข็งแรง ในขณะที่อินเดียเป็นประเทศที่รับชมผ่านการดาวน์โหลดสูงสุดของโลก หรือที่ญี่ปุ่นก็แตกต่างจากที่อื่น ตรงที่เป็นประเทศที่ดู Netflix ในห้องน้ำสูงที่สุดในโลก ซึ่งเป็นเรื่องที่ผมเองก็แปลกใจ ตอนที่ไปโตเกียวผมก็ลองดูซีรีส์จากในห้องน้ำเพื่อทำความเข้าใจวัฒนธรรมนี้ด้วย ซึ่งทุกอย่างคือสิ่งที่ผมได้เรียนรู้จากการไปพบผู้ชมของเราทั่วโลก”

 

 

What’s Next?

จากบริษัทขายและให้เช่าดีวีดีที่ก่อตั้งในปี 1997 ถึงวันนี้กลายเป็นสตรีมมิงแพลตฟอร์มที่เปลี่ยนวิถีชีวิตผู้คนทั่วโลก ในปี 2017 Netflix ทำรายได้ 11,693 ล้านเหรียญสหรัฐ รายได้สุทธิ 559 ล้านเหรียญสหรัฐ พร้อมพนักงานในองค์กร 5,500 คน

 

น่าสนใจว่าก้าวต่อไปต่อจากนี้จะเป็นอย่างไร รวมถึงอุตสาหกรรมภาพยนตร์ที่ Netflix เริ่มชิมลางด้วยการฉายแบบจำกัดโรงก่อนปล่อยฉายในแพลตฟอร์ม อย่างเช่น The Ballad of Buster Scruggs ผลงานล่าสุดของสองผู้กำกับตระกูลโคเอน, Outlaw King ผลงานกำกับของ เดวิด แมคเคนซี, Roma หนังขาวดำที่ได้รับคำนิยมล้นหลามจากทุกเทศกาลภาพยนตร์, Bird Box ที่ได้ ซานดร้า บูลล็อก มาแสดงนำ รวมถึงภาพยนตร์ Mowgli ที่ผู้กำกับ แอนดี้ เซอร์คิส มาร่วมงานที่สิงคโปร์ในครั้งนี้ด้วย

 

สำหรับคำถามเกี่ยวกับ Disney Plus ผู้เข้ามาชิงส่วนแบ่งตลาดสตรีมมิงรายใหม่ในปีหน้า ทาง รีด แฮสติงส์ ได้ให้คำตอบอย่างสบายใจว่า พวกเขายังคงเชื่อมั่นใน Netflix ทั้งยังมองว่าเป็นข้อดีสำหรับผู้ชมที่มีโอกาสเลือกที่หลากหลายขึ้น และเชื่อว่าผู้ชมจะรับเป็นสมาชิกให้กับทุกแพลตฟอร์มถ้าหากพวกเขาสนใจ

 

พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising