สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้ประกาศการใช้มาตรการลงโทษทางแพ่งกับบริษัท เจเคเอ็น โกลบอล กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ JKN และ จักรพงษ์ จักราจุฑาธิบดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ในกรณีเผยแพร่ข้อมูลที่อาจทำให้เกิดความเข้าใจผิดเกี่ยวกับการขายธุรกิจองค์กรนางงามจักรวาล
ตามที่ ก.ล.ต. ได้รับข้อมูลจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเมื่อเดือนเมษายน 2567 และตรวจสอบเพิ่มเติม พบว่าเมื่อวันที่ 22 มกราคม 2567 JKN โดยนายจักรพงษ์ได้ชี้แจงต่อตลาดหลักทรัพย์ฯ ผ่านระบบ SETLink ว่า บริษัทยังไม่มีข้อสรุปในการขายธุรกิจองค์กรนางงามจักรวาล (Miss Universe Organization: MUO) ให้แก่ ราอูล โรชา เศรษฐีชาวเม็กซิกัน แม้ได้มีการติดต่อกับนักลงทุนหลายรายและศึกษาข้อเสนอมาระยะหนึ่งแล้วก็ตาม
อย่างไรก็ตาม ข้อเท็จจริงที่ ก.ล.ต. ตรวจพบคือ JKN Global Content Pte. Ltd. ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ JKN ได้ดำเนินการขายหุ้นของ JKN Legacy, Inc. ที่ดำเนินธุรกิจและครอบครองลิขสิทธิ์นางงามจักรวาลให้แก่ Legacy Holding Group USA Inc. ไปแล้วเมื่อวันที่ 20 ตุลาคม 2566 ในสัดส่วนร้อยละ 50 ของหุ้นทั้งหมด
โดย Legacy Holding Group USA Inc. มี ราอูล โรชา เป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ทำให้ข้อความที่ JKN เผยแพร่ไม่ตรงกับข้อเท็จจริงและอาจก่อให้เกิดความสำคัญผิดในสาระสำคัญที่อาจมีผลกระทบต่อการตัดสินใจลงทุนในหลักทรัพย์ JKN
การกระทำดังกล่าวของ JKN เป็นการฝ่าฝืนมาตรา 240 แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 โดยมีโทษตามมาตรา 296 วรรคหนึ่ง มาตรา 296/2 และมาตรการลงโทษทางแพ่งตามมาตรา 317/4 และ 317/5 ส่วนนายจักรพงษ์ในฐานะผู้รับผิดชอบในการดำเนินงานของนิติบุคคลที่เป็นเหตุให้ JKN กระทำความผิด จึงต้องรับโทษเดียวกันตามมาตรา 300 ประกอบมาตรา 240 แห่งพระราชบัญญัติเดียวกัน
คณะกรรมการพิจารณามาตรการลงโทษทางแพ่ง (ค.ม.พ.) จึงมีมติให้ผู้กระทำความผิดทั้งสองรายชำระค่าปรับทางแพ่งและชดใช้ค่าใช้จ่ายในการตรวจสอบ รวมเป็นเงินรายละ 2,062,039 บาท รวมทั้งสิ้น 4,124,078 บาท นอกจากนี้ ยังห้ามนายจักรพงษ์เป็นกรรมการหรือผู้บริหารในบริษัทที่ออกหลักทรัพย์หรือบริษัทหลักทรัพย์เป็นเวลา 56 เดือน
ทั้งนี้ มาตรการลงโทษทางแพ่งจะมีผลเมื่อผู้กระทำความผิดลงนามในบันทึกการยินยอมปฏิบัติตามที่ ค.ม.พ. กำหนด หากไม่ยินยอม ก.ล.ต. จะขอให้พนักงานอัยการฟ้องคดีต่อศาลแพ่งเพื่อขอให้ศาลกำหนดมาตรการลงโทษทางแพ่งในอัตราสูงสุดที่กฎหมายบัญญัติ โดยเงินค่าปรับที่ได้รับจะถือเป็นรายได้แผ่นดินที่ต้องนำส่งกระทรวงการคลังต่อไป
ภาพ: ณาฌารัฐ ภักดีอาสา / THE STANDARD WEALTH