×

‘SCGP’ วางเป้ารายได้ปีนี้ 1.4 แสนล้านบาท ทุ่มงบลงทุน 1 แสนล้านบาท ขยายธุรกิจ 5 ปียึดตลาดอาเซียน เน้นดีล M&P ต่อเนื่อง

25.01.2022
  • LOADING...
SCGP

บมจ.เอสซีจี แพคเกจจิ้ง หรือ SCGP วางเป้าหมายรายได้ปีนี้ 1.4 แสนล้านบาท โดยมาจากการรับรู้รายได้จากดีลควบรวมกิจการในปีก่อน และกำลังการผลิตใหม่ที่จะเริ่มต้นในปีนี้ พร้อมประกาศลงทุน 5 ปี ด้วยงบ 1 แสนล้านบาท เพื่อครองตลาดในอาเซียน และขยายการลงทุนสู่ภูมิภาคอื่นๆ  

 

วิชาญ จิตร์ภักดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร SCGP กล่าวว่า วางเป้าหมายรายได้จากการขายในปีนี้ที่ 1.4 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2564 ที่มีรายได้จากการขาย 1.2 แสนล้านบาท โดยมาจากการรับรู้รายได้เต็มปีจากดีลที่ควบรวมกิจการในปีที่ผ่านมา และโครงการขยายกำลังการผลิตที่จะแล้วเสร็จในปีนี้ 

 

ขณะเดียวกันบริษัทวางงบลงทุนในช่วง 5 ปี (2565-2569) ไว้ที่ 1 แสนล้านบาท โดยจะใช้ลงทุนเฉลี่ย 2 หมื่นล้านบาทต่อปี สำหรับปี 2565 จะแบ่งเป็นใช้ลงทุนดีล M&P มูลค่า 1 หมื่นล้านบาท และการขยายกำลังการผลิตอีก 1 หมื่นล้านบาท ซึ่งจะช่วยสนับสนุนรายได้เติบโตเฉลี่ย 10% ต่อปี และจะส่งผลให้รายได้เติบโตเป็น 2 เท่า หรือไม่ต่ำกว่า 1.8 แสนล้านบาท ภายในปี 2568 จากฐานปี 2563 ที่มีรายได้ประมาณ 9 หมื่นล้านบาท

 

สำหรับภาพรวมผลการดำเนินงานปี 2564 SCGP มีรายได้จากการขายทั้งสิ้น 124,223 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 34% จากปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 8,294 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 28% จากปีก่อน ขณะที่ EBITDA อยู่ที่ 21,150 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 25% จากปีก่อน 

 

เขากล่าวว่า ผลการดำเนินงานปี 2564 เติบโตอย่างมั่นคงท่ามกลางความท้าทายของเศรษฐกิจที่หลากหลาย เช่น ผลกระทบจากการแพร่ระบาดและการกลายพันธุ์ของโควิด การหยุดชะงักของห่วงโซอุปทาน การขาดแคลนตู้คอนเทนเนอร์ขนส่งสินค้า และอัตราค่าระวางเรือที่อยู่ในระดับสูง สาเหตุหลักของการเติบโตมาจากการบริหารธุรกิจอย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยกลยุทธ์มุ่งนำเสนอสินค้าและบริการที่ตรงความต้องการที่หลากหลายของผู้บริโภค รวมถึงการขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่อง ทั้งในรูปแบบ Organic Expansion และ Merger and Partnership (M&P) และการวางแผนบริหารจัดการสถานการณ์ต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ 

 

ทั้งนี้ ตั้งแต่การเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเมื่อเดือนตุลาคม 2563 จนถึงปัจจุบัน SCGP ได้ขยายการลงทุนในภูมิภาคอาเซียนและภูมิภาคอื่นๆ ใช้เงินลงทุนรวมตลอดอายุโครงการประมาณ 4 หมื่นล้านบาท ทั้งการควบรวมกิจการ (M&P) และการขยายกำลังการผลิตของบริษัท รวม 12 โครงการ ในจำนวนนี้ดำเนินการแล้วเสร็จ 9 โครงการ 

 

ส่วนอีก 3 โครงการอยู่ระหว่างดำเนินการในปัจจุบัน ได้แก่ 

  1. การขยายกำลังการผลิตกระดาษบรรจุภัณฑ์ของ United Pulp and Paper Co., Inc. (UPPC) ประเทศฟิลิปปินส์ อีก 220,000 ตันต่อปี คาดว่าแล้วเสร็จในไตรมาส 1/65 
  2. ขยายกำลังการผลิตบรรจุภัณฑ์อาหารในประเทศไทยและเวียดนามอีก 1,838 ล้านชิ้นต่อปี คาดว่าแล้วเสร็จภายในไตรมาส 2/65 
  3. โครงการก่อสร้างฐานการผลิตบรรจุภัณฑ์กระดาษบรรจุภัณฑ์แห่งใหม่ทางตอนเหนือของประเทศเวียดนาม ภายใต้ Vina Kraft Paper Co., Ltd (VKPC) ด้วยกำลังการผลิต 370,000 ตันต่อปี คาดว่าแล้วเสร็จในปี 2567 

 

สำหรับผลการดำเนินงานในไตรมาส 4/64 SCGP มีรายได้จากการขาย 35,145 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 49% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน มีกำไรสุทธิ 2,115 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 42% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และมี EBITDA เท่ากับ 5,409 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 28% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน จากความต้องการใช้บรรจุภัณฑ์ที่มากขึ้นในกลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม กลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค และบรรจุภัณฑ์อาหาร (Foodservice Products) โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลปลายปี รวมถึงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในหลายประเทศ รวมถึงการรวมผลประกอบการของบริษัทที่ทำ M&P ได้แก่ Go-Pak, Duy Tan, Intan Group และ Deltalab 

 

ส่วนภาพรวมความต้องการใช้บรรจุภัณฑ์ในภูมิภาคอาเซียนช่วงไตรมาส 4/64 ได้แก่ ประเทศไทย เวียดนาม อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ และมาเลเซีย ปรับตัวดีขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า จากความต้องการใช้บรรจุภัณฑ์ในกลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม กลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค กิจกรรมทางเศรษฐกิจและการบริโภคที่ฟื้นตัวหลังจากรัฐบาลประเทศต่างๆ ผ่อนคลายมาตรการควบคุมโควิด โดยเฉพาะประเทศเวียดนามที่ภาคอุตสาหกรรมการผลิตและซัพพลายเชนทยอยฟื้นตัวใกล้เคียงภาวะปกติ ในขณะที่ราคาเยื่อกระดาษปรับลดลงจากประเทศผู้นำเข้ารายหลัก 

 

ทั้งนี้ คณะกรรมการบริษัทเสนอที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปีพิจารณาการจ่ายเงินปันผลสำหรับผลการดำเนินงานของปี 2564 ในอัตรา 0.65 บาทต่อหุ้น ทั้งนี้ บริษัทได้จ่ายเป็นเงินปันผลระหว่างกาลงวดครึ่งปีแรกไปแล้วในอัตราหุ้นละ 0.25 บาท เมื่อวันพุธที่ 25 สิงหาคม 2564 และจะจ่ายเงินปันผลงวดสุดท้ายในอัตรา 0.40 บาทต่อหุ้น ในวันที่ 25 เมษายน 2565 ตามรายชื่อ ณ วันกำหนดรายชื่อผู้มีสิทธิ์รับเงินปันผล ในวันที่ 7 เมษายน 2565 โดยจะขึ้นเครื่องหมาย XD หรือวันที่ไม่มีสิทธิ์รับเงินปันผล ในวันที่ 5 เมษายน 2565 

 


 

ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising