บมจ.เอสซีจี แพคเกจจิ้ง (SCGP) รายงานผลประกอบการปี 2565 โดยมีรายได้จากการขายเพิ่มขึ้น 18% ทำได้ 146,068 ล้านบาท หนุนจากธุรกิจบรรจุภัณฑ์เพิ่มขึ้น 11% และธุรกิจเยื่อและกระดาษเพิ่มขึ้น 30% ส่วนธุรกิจใหม่คือรีไซเคิลและส่วนงานอื่นทำได้ 4,576 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม ต้นทุนขายเพิ่มขึ้น 20% ซึ่งเป็นผลจากการขยายธุรกิจ และต้นทุนด้านพลังงานที่ยังคงอยู่ในระดับสูง ทั้งนี้ บริษัทพยายามที่จะบริหารจัดการต้นทุนเชิงรุก เช่น การเพิ่มสัดส่วนการใช้พลังงานทดแทน ซึ่งเพิ่มขึ้นมาเป็น 30.6% จาก 27.3% ในปีก่อนหน้านี้
โดยรวมกำไรสุทธิของ SCGP ลดลง 30% ทำได้ 5,801 ล้านบาท แบ่งเป็นกำไรจากธุรกิจบรรจุภัณฑ์ 4,505 ล้านบาท, ธุรกิจเยื่อและกระดาษ 1,245 ล้านบาท และธุรกิจรีไซเคิลและส่วนงานอื่น 3,674 ล้านบาท ก่อนจะมีการตัดรายการบัญชีซึ่งเป็นการซื้อขายกันภายในหน่วยงาน จำนวน 3,623 ล้านบาท ทั้งนี้ บริษัทมีกำไรจากการดำเนินงานหลักลดลง 23% ทำได้ 5,768 ล้านบาท
ทั้งนี้ คณะกรรมการบริษัทมีมติให้เสนอที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้น เพื่ออนุมัติการจ่ายเงินปันผลสำหรับผลการดำเนินงานของปี 2565 ในอัตราหุ้นละ 0.60 บาท โดยบริษัทได้จ่ายเป็นเงินปันผลงวดระหว่างกาลไปแล้วในอัตราหุ้นละ 0.25 บาท เมื่อวันที่ 24 สิงหาคม 2565 และจะจ่ายเงินปันผลงวดสุดท้ายในอัตราหุ้นละ 0.35 บาท ในวันที่ 24 เมษายน 2566 กำหนดวันไม่ได้สิทธิรับเงินปันผล (XD) วันที่ 4 เมษายน 2566
ส่วนแนวโน้มปี 2566 บริษัทมองว่าการบริโภคในภูมิภาคอาเซียนมีแนวโน้มดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง หนุนจากการฟื้นตัวของการท่องเที่ยว การค้า และบริการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังการเปิดประเทศของจีน ทำให้ความต้องการสินค้าที่จำเป็นสำหรับการบริโภคในแต่ละวัน เช่น กลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม มีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง
อย่างไรก็ตาม สถานการณ์เศรษฐกิจและกิจกรรมการผลิตในอาเซียนจะปรับตัวดีขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไปในช่วงครึ่งปีแรก และคาดว่าจะเห็นสัญญาณการฟื้นตัวอย่างชัดเจนตั้งแต่ช่วงไตรมาส 3/66
ในด้านต้นทุน ราคาพลังงานทั่วโลกคาดว่าจะยังอยู่ในระดับสูงท่ามกลางปัญหาความขัดแย้งระหว่างประเทศที่ยืดเยื้อในยุโรป ขณะที่ค่าขนส่งโดยเฉพาะค่าระวางเรือลดลงอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ไตรมาส 2 ปีก่อน
บทความที่เกี่ยวข้อง
- “นี่เป็นราคาที่เราพึงพอใจทั้ง 2 ฝ่าย” เจ้าของสุกี้ตี๋น้อยกล่าวหลัง Jaymart ควักเงิน 1.2 พันล้านบาทเข้าถือหุ้น 30%
- ADVANC ทุ่ม 32,420 ล้านบาท เข้าซื้อกิจการ 3BB จาก JAS
- กางแผน ‘โอ้กะจู๋’ หลังมี OR เป็นแบ็กอัป เดินหน้าขยายสาขาเพิ่มเป็น 60 แห่ง ขายผักสดและบุก CLMV ก่อน IPO ในปี 2567