×

หุ้นไทยผวาโควิด-19 รอบ 2 – SCBS หั่นเป้า SET เหลือ 1,428 จุด

โดย efinanceThai
14.07.2020
  • LOADING...

ตลาดหุ้นไทยปิดการซื้อขายวันที่ 13 กรกฎาคมที่ผ่านมา ที่ระดับ 1,342.37 จุด ลดลง 8.13 จุด หรือ 0.60% มูลค่าการซื้อขาย 6.23 หมื่นล้านบาท หลังจากเกิดความกังวลถึงการระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) ในประเทศระลอก 2 จากข้อมูลล่าสุดของทางศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. เปิดเผยว่า มีผู้ป่วยโรคโควิด-19 จำนวน 2 ราย ในจังหวัดระยองและกรุงเทพมหานครไม่กักตัวในสถานที่ควบคุมของรัฐ (State Quarantine)

โดยกรณีที่จังหวัดระยอง เป็นชายสัญชาติอียิปต์ อายุ 43 ปี อาชีพทหาร เดินทางมาถึงไทยเมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม เข้าพักที่จังหวัดระยอง และตรวจหาเชื้อในวันที่ 10 กรกฎาคม ผลตรวจพบเชื้อวันที่ 12 กรกฎาคม ไม่มีอาการ ขณะนี้เดินทางกลับประเทศไปแล้ว แต่มีรายงานว่าผู้ป่วยดังกล่าวได้เข้าพักที่โรงแรมแห่งหนึ่งในอำเภอเมือง จังหวัดระยอง และได้ออกไปเดินห้างสรรพสินค้า ซึ่งทาง ศบค. กำลังตรวจสอบข้อมูล

ส่วนในกรุงเทพมหานคร เป็นเด็กอายุ 9 ขวบ ที่เดินทางมาพร้อมคณะทูตและครอบครัว จากภูมิภาคแอฟริกา และมีรายงานไปเมื่อวันที่ 11กรกฎาคม โดยก่อนเข้ามาประเทศไทย ครอบครัวดังกล่าวรวมทั้งสิ้น 5 คนไปตรวจหาเชื้อที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งที่ประเทศซูดาน ผลตรวจทุกคนไม่พบเชื้อโควิด-19 และการคัดกรองของไทยตอนแรกไม่มีอาการ แต่เมื่อนำตัวอย่างส่งตรวจพบว่ามีเชื้อ

ขณะเดียวกันบิดาได้นำผู้ป่วยเข้ารักษาที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ และทางเจ้าหน้าที่ของคณะทูตได้นำสมาชิกครอบครัวที่เหลือไปอาศัยอยู่ในคอนโดมิเนียมแห่งหนึ่งในกรุงเทพมหานคร วันที่ 11 กรกฎาคม ผลตรวจแพทย์ตรวจพบปอดอักเสบ จึงส่งต่อผู้ป่วยมารักษาต่อที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง

SCBS หั่น SET ปีนี้เหลือ 1,428 จุด หวั่นโควิดรอบ 2-การเมืองกดดัน
สุกิจ อุดมศิริกุล กรรมการผู้จัดการ สายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ ไทยพาณิชย์ จำกัด (SCBS) เปิดเผยว่า ได้ปรับลดเป้าดัชนีหุ้นปีนี้มาอยู่ที่ 1,428 จุด จากเดิม 1,450 จุด เนื่องจากยังมีความไม่แน่นอนในระยะยาวทั้งภาวะเศรษฐกิจในประเทศและต่างประเทศ โดยเฉพาะปัจจัยการเมืองและกังวลการระบาดของโควิด-19 รอบ 2 รวมถึงแนวโน้มอัตราการผิดนัดชำระหนี้สูงขึ้นของธุรกิจขนาดเล็กและกลาง และความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์

โดยได้ปรับลดประมาณการกำไรบริษัทจดทะเบียน (EPS) ลงเหลือ 62.57 บาทต่อหุ้น หรือลดลง 27% จากปีก่อนที่อยู่ 86.19 บาทต่อหุ้น และลดลงจากไตรมาส 2/63 ที่ 68 บาทต่อหุ้น หรือลดลง 22% จากแรงกดดันโควิด-19 จะกระทบกำไรบริษัทจดทะเบียนในปีนี้ค่อนข้างมาก เพราะเศรษฐกิจฟื้นตัวช้ากว่าคาด

ขณะที่มุมมองในปีหน้าคาดเห็นการฟื้นตัวกลับมา หลังผ่านพ้นวิกฤตไปแล้ว คาดว่าดัชนีตลาดหุ้นไทยปีหน้าอยู่ที่ 1,430 จุด และอัตราการเติบโตกำไรของบริษัทจดทะเบียนจะพลิกกลับมาเป็นบวกได้ 28% หรือ 79.96 บาทต่อหุ้น

ปัจจัยในประเทศที่ต้องติดตามคือ การปรับคณะรัฐมนตรีและทีมเศรษฐกิจชุดใหม่ เนื่องจากมีผลต่อความเชื่อมั่นนักลงทุนในระยะต่อไป โดยเฉพาะมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุนโครงการขนาดใหญ่ของภาครัฐในช่วงครึ่งปีหลัง หากแผนกระตุ้นเศรษฐกิจชุดใหม่ออกมาไม่ทันในช่วงไตรมาส 3/63 จะส่งผลกระทบต่อภาพรวมเศรษฐกิจ โดยเฉพาะการท่องเที่ยว เพราะเป็นกลุ่มที่สร้างรายได้หลักให้กับประเทศ

เปิดกลยุทธ์ เน้นกลุ่ม Defensive-หุ้นวัฏจักร
สำหรับกลยุทธ์การลงทุนในไตรมาสที่ 3/63 แนะนำสร้างพอร์ตลงทุนเป็น 2 รูปแบบ เน้นเลือกหุ้นกลุ่มอาหาร ค้าปลีก ขนส่ง และไอซีที ได้แก่ พอร์ตลงทุนแบบ Defensive ซึ่งประกอบด้วย Top Picks จากไตรมาส 2/63 ได้แก่ บริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด (มหาชน) หรือ BDMS, บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BEM, บริษัท บีทีเอส กรุ๊ปโฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ BTS และ บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ CPF และหุ้น Defensive ใหม่ที่คาดว่าจะให้ผลตอบแทนสูงกว่าตลาด เช่น บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ ADVANC, บริษัท บางกอก เชน ฮอสปิทอล จำกัด (มหาชน) หรือ BCH

ส่วนอีกพอร์ตลงทุนเชิงกลยุทธ์ (Tactical Portfolio) หรือเล่นตามรอบเพื่อเก็งกำไรในระยะ 3 เดือน โดยเน้นหุ้นที่ปรับตัวตามวัฏจักรเศรษฐกิจโลกและวัฏจักรเศรษฐกิจในประเทศที่มีคุณภาพดี เช่น ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BBL, บริษัท ดิ เอราวัณ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ ERW, บริษัท อินโดรามา เวนเจอร์ส จำกัด (มหาชน) หรือ IVL และ บริษัท ฮานา ไมโครอิเล็คโทรนิคส จำกัด (มหาชน) หรือ HANA

ASPS หวั่นทำประชาชนสนใจแผนกระตุ้นท่องเที่ยวลดลง
เทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม รองกรรมการผู้อำนวยการสายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด (ASPS) กล่าวว่า ยอมรับว่าหากมีการระบาดของโควิด-19 ระลอก 2 จะกระทบกับความเชื่อมั่นของนักลงทุนค่อนข้างมาก และอาจส่งผลให้ดัชนีตลาดหุ้นอาจย่อตัวลง รวมถึงมีแรงเทขายทำกำไรออกมา

ส่วนความกังวลต่อนโยบายว่าจะกระทบนโยบายกระตุ้นการท่องเที่ยวของรัฐบาลหรือไม่นั้น เบื้องต้นคาดว่านโยบายต่างๆ จะยังดำเนินการต่อไปตามแผนของรัฐบาล เนื่องจากยังไม่ยืนยันการระบาด แต่ที่ต้องจับตาคือความเชื่อมั่นของประชาชน ที่อาจจะตอบรับนโยบายดังกล่าวน้อยกว่าที่ควรจะเป็น เนื่องจากทั้ง 2 จังหวัดเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญของไทย

“สำหรับที่ผ่านมา ผลหลักๆ มาจากโควิด-19 ที่กระทบกับตัวเลขเศรษฐกิจหลายตัว โดยเฉพาะอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (GDP) ที่ปรับลดลงถึง 10% ซึ่งไม่มีใครตอบได้ว่าโควิด-19 จะยาวนานแค่ไหน แต่มองว่าในระยะต่อไปดัชนียังคงย่อตัวลง หรืออาจเห็นการปรับฐานอีก” เทิดศักดิ์กล่าว

ส่วนดัชนีหุ้นไทยในระยะต่อไป ประเมินแนวรับที่ 1,270-1,280 จุด แนวต้านที่ 1,350 จุด ด้านกลยุทธ์ในการลงทุน แนะนำให้นักลงทุนมีความระมัดระวังในการลงทุนเป็นพิเศษ

จับตาบาทอาจกลับมาอ่อนค่า หนุนหุ้นอิเล็กทรอนิกส์
กรภัทร วรเชษฐ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยและบริการการลงทุน-กลยุทธ์การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ โนมูระ พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) หรือ CNS เปิดเผยว่า จากที่ ศบค. รายงานพบผู้ป่วยโควิด-19 นอกสถานที่ควบคุมของรัฐ ส่งผลให้ตลาดหุ้นเกิดความกังวลเพิ่มขึ้น และยังทำให้ค่าเงินบาทอ่อนตัวลงอีกด้วย

ประเมินแนวรับและแนวต้านของดัชนีหุ้นไทยทั้งสัปดาห์อยู่ในกรอบ 1,334-1,365 จุด ส่วนกลยุทธ์ลงทุน แนะนำนักลงทุนเลือกหุ้นรายตัวที่ได้อานิสงส์จากค่าเงินบาทอ่อนค่า ประกอบด้วย บริษัท เคซีอี อีเลคโทรนิคส์ จำกัด (มหาชน) หรือ KCE, บริษัท เดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ DELTA, บริษัท ฮานา ไมโครอิเล็คโทรนิคส จำกัด (มหาชน) หรือ HANA และบริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหารจำกัด (มหาชน) หรือ CPF เป็นต้น

ด้าน เบญจพล สุทธิ์วนิช ผู้ช่วยกรรมการจัดการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ เอเชีย เวลท์ จำกัด เปิดเผยว่า หุ้นไทยช่วงเช้าที่บวกมากกว่า 10 จุด แต่ในช่วงบ่ายถูกเทขายอย่างหนัก เนื่องจากความกังวลเรื่องการแพร่ระบาดโควิด-19 รอบ 2 ในประเทศ หลังจาก ศบค. รายงานพบผู้ป่วยโควิด-19 ที่ไม่ได้อยู่ในสถานที่ควบคุมของรัฐ ฝ่ายวิจัยฯ ยังประเมินแนวรับและแนวต้านในสัปดาห์นี้อยู่ในกรอบ 1,335-1,379 จุด

 

 

พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising