×

‘ไทยพาณิชย์ จูเลียส แบร์’ ชูกลยุทธ์ ‘The New Wave of Wealth’ มุ่งสู่ International Private Banking ชั้นนำของเมืองไทยในปี 2568

11.05.2023
  • LOADING...
SCB Julius Baer

‘ไทยพาณิชย์ จูเลียส แบร์’ ชูกลยุทธ์ ‘The New Wave of Wealth’ เดินหน้าสู่คลื่นลูกใหม่ธุรกิจบริหารความมั่งคั่งระดับสูง มุ่งสู่ International Private Banking ชั้นนำของเมืองไทยในปี 2568

 

บริษัทหลักทรัพย์ ไทยพาณิชย์ จูเลียส แบร์ จำกัด (SCB Julius Baer) บริษัทร่วมทุนระหว่าง ‘ธนาคารไทยพาณิชย์’ และ ‘จูเลียส แบร์’ (Julius Baer) นำทัพผู้บริหารระดับสูงเปิดวิสัยทัศน์ทิศทางการดำเนินธุรกิจเจาะตลาดกลุ่มลูกค้าผู้มีความมั่งคั่งระดับสูงของเมืองไทย ชูกลยุทธ์ ‘The New Wave of Wealth’ เดินหน้าสู่คลื่นลูกใหม่ของธุรกิจบริหารความมั่งคั่งระดับสูงปี 2566 เชื่อมสองโลกการลงทุนแบบไร้รอยต่อ พร้อมจุดแข็งด้านการบริการแบบ Human Touch เพื่อมุ่งสู่ International Private Banking ชั้นนำของเมืองไทยในปี 2568 

 

นำโดย มร.ฟิลลิปป์ ริคเคนแบเคอร์ (Philipp Rickenbacher) ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร จูเลียส แบร์ กรุ๊ป พร้อมด้วย กฤษณ์ จันทโนทก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) และ ลลิตภัทร ธรณวิกรัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ ไทยพาณิชย์ จูเลียส แบร์ จำกัด ให้เกียรติร่วมงานเมื่อเร็วๆ นี้ ณ โรงแรม คิมป์ตัน มาลัย กรุงเทพฯ

 

SCB Julius Baer SCB Julius Baer

 

มร.ฟิลลิปป์ ริคเคนแบเคอร์ (Philipp Rickenbacher) ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร จูเลียส แบร์ กรุ๊ป กล่าวว่า “จูเลียส แบร์ มีความมุ่งมั่นในการขยายตลาดธุรกิจบริหารความมั่งคั่งระดับสูงในเอเชีย โดยเอเชียนับเป็นบ้านแห่งที่สองของเรา และสำหรับประเทศไทยนั้นถือเป็นหนึ่งในประเทศที่เราให้ความสำคัญในการขยายขอบเขตการให้บริการ เรามองว่ายังคงมีโอกาสอีกมากมายสำหรับธุรกิจบริหารความมั่งคั่งระดับสูงในประเทศไทย ความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ระหว่าง ‘จูเลียส แบร์’ (Julius Baer) ผู้นำตลาดธุรกิจบริหารความมั่งคั่งชั้นนำระดับโลก และ ‘ธนาคารไทยพาณิชย์’ ผ่านการดำเนินธุรกิจของ ‘ไทยพาณิชย์ จูเลียส แบร์’ จะสามารถนำเสนอประสบการณ์ด้านการบริการความมั่งคั่งแบบเหนือระดับให้กับลูกค้าของเรา ด้วยการผสานความเชี่ยวชาญด้านธุรกิจบริหารความมั่งคั่งระดับสากลของจูเลียส แบร์ เข้ากับจุดแข็งของธนาคารไทยพาณิชย์ ซึ่งเป็นธนาคารชั้นนำของประเทศที่มีความเข้าใจกลุ่มลูกค้าผู้มีความมั่งคั่งระดับสูงในประเทศไทยอย่างลึกซึ้ง และเครือข่ายที่กว้างขวาง ช่วยให้เราสามารถให้คำแนะนำที่ตรงเป้าหมายได้อย่างล้ำสมัยและมีประสิทธิภาพอย่างแท้จริง เหมาะสมกับตลาดเมืองไทย

 

 

กฤษณ์ จันทโนทก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารไทยพาณิชย์ เปิดเผยว่า “ปัจจุบัน SCB WEALTH มีฐานลูกค้าเวลท์ที่มีสินทรัพย์สุทธิภายใต้การบริหาร (AUM) ตั้งแต่ 2 ล้านบาทขึ้นไป กว่า 400,000 ราย ซึ่งรวมถึงกลุ่มลูกค้าที่มีความมั่งคั่งระดับสูง (High Net Worth Individuals) คิดเป็นส่วนแบ่งการตลาดกว่า 40% และมีแผนงานขยายฐานลูกค้าเติบโตอย่างต่อเนื่องมากกว่า 12% ต่อปี โดยเฉพาะในกลุ่ม Young Affluent ที่มีความสนใจในการวางแผนการลงทุนที่เติบโตต่อเนื่อง ผ่านการนำเสนอผลิตภัณฑ์การเงินการลงทุนที่หลากหลาย และเป็น Open Architecture รวมถึงการขยายฐานลูกค้านักลงทุน Digital Investors ผ่านการพัฒนา Wealth Platform ที่ตอบโจทย์เป้าหมายการลงทุนที่ครบวงจร

 

SCB Julius Baer

 

ลลิตภัทร ธรณวิกรัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ ไทยพาณิชย์ จูเลียส แบร์ จำกัด กล่าวว่า “สำหรับปี 2566 การปรับนโยบายการเงินเริ่มกลับมาเป็นปกติ หลังจากที่มีการใช้นโยบายที่ตึงตัวอย่างมากในปีที่ผ่านมา ทั้งนี้ กระบวนการ Disinflationary ในสหรัฐอเมริกายังคงดำเนินต่อไป แต่ยังคงมีความผันผวนในระดับสูงจากความเปราะบางเชิงโครงสร้างในด้านอุปทาน กลยุทธ์การลงทุนเราแนะนำให้เข้าลงทุนในตราสารหนี้ภาคเอกชนที่คุณภาพดี ลดการลงทุนในตราสารหนี้ที่มีความเสี่ยงสูง (High Yield Bond) ขณะที่การลงทุนในหุ้นเรายังแนะนำให้ใช้กลยุทธ์แบบ Barbell คือลงทุนทั้งในกลุ่มที่เป็น Secular Growth ที่ยังคงมีการเติบโตที่ดีผสมกับหุ้นคุณภาพที่เป็นกลุ่มปลอดภัย (Defensive) โดยกลุ่มอุตสาหกรรมที่เราให้น้ำหนักการลงทุนเชิงบวกคือกลุ่มเทคโนโลยี (Technology) กลุ่มสุขภาพ (Healthcare) และกลุ่มสื่อสาร (Communication)”

 

SCB Julius Baer

 

ในปี 2566 เพื่อเดินหน้าสู่คลื่นลูกใหม่ของธุรกิจบริหารความมั่งคั่งระดับสูง ไทยพาณิชย์ จูเลียส แบร์ นำเอากลยุทธ์ ‘The New Wave of Wealth’ มาใช้เป็นแกนหลักในการดำเนินธุรกิจ ตอกย้ำจุดยืนของการเป็นผู้นำด้านบริหารความมั่งคั่ง ซึ่งครอบคลุมและครบวงจรที่สุด เพื่อเจาะกลุ่มทายาทคนรุ่นใหม่ ซึ่งประกอบด้วย 3 แกนสำคัญ ได้แก่         

 

  1. Onshore & Offshore Investment: ลูกค้าไทยพาณิชย์ จูเลียส แบร์ สามารถลงทุนทั้งในประเทศ (Onshore) และต่างประเทศ (Offshore) ซึ่งถือเป็น House แรกและที่เดียวในประเทศไทยที่สามารถดูแลและให้บริการแบบครบวงจร 

 

  1. Human Touch: บริการที่เข้าใจกลุ่มลูกค้าคนไทยอย่างแท้จริง ด้วยผู้จัดการธุรกิจสัมพันธ์ หรือ Relationship Manager (RM) คนไทยที่มีความรู้ ความเข้าใจตลาดเมืองไทย เข้าใจความต้องการของลูกค้าทั้งในเชิงวัฒนธรรม วิถีชีวิต และแนวคิดของคนไทยด้วยกัน พร้อมที่จะให้บริการได้ทันทีด้วยการให้บริการแบบ Human Touch โดยมีเทคโนโลยีมาสนับสนุน (Human Touch with Digital Support)

 

  1. Seamless Access: การให้บริการผ่าน Open Product Platform ด้วยผลิตภัณฑ์การลงทุนที่หลากหลาย และการวางแผนการส่งต่อความมั่งคั่ง (Wealth Planning) รวมทั้งบริการที่ดีที่สุด เพื่อช่วยให้ลูกค้าสามารถลงทุนได้อย่างอิสระ ทำให้สามารถกำหนดกลยุทธ์การลงทุนที่สร้างผลตอบแทนที่ดีที่สุด ตรงกับความต้องการของลูกค้าเฉพาะบุคคล (Tailored Made) และเข้าถึงการลงทุนทั่วโลกได้อย่างแท้จริง

ข่าวที่เกี่ยวข้อง


 

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising