สิ่งที่เป็นความปรารถนาสูงสุดของผู้ที่มีฐานะมั่งคั่งคือการบริหารจัดการเงินทองและทรัพย์สินของตนเองให้ได้ผลตอบแทนที่น่าพอใจต่อเนื่องในระยะยาว นอกจากมั่งคั่งแล้ว ต้องมั่นคงด้วย
ธนาคารไทยพาณิชย์ประกาศตีลังกากลับหัว สร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้กับวงการธนาคารไทย หนึ่งในเป้าหมายสำคัญคือการขยายฐานลูกค้ากลุ่ม Wealth ให้เติบโตไปพร้อมกับก้าวใหม่ของธนาคาร จึงเกิด SCB Investment Center มิติใหม่ของการบริหารความมั่งคั่งส่วนบุคคลขึ้น และนี่คือแนวคิดของ ‘ศลิษา หาญพานิช’ ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสาย FIRST และผู้บริหารสาย Segment Management ธนาคารไทยพาณิชย์ ที่ถ่ายทอดกับสำนักข่าว THE STANDARD
กองทัพที่ปรึกษาทางการเงินมืออาชีพพร้อมปรับพอร์ตเพื่อความมั่งคั่ง
แม่ทัพใหญ่ของสายงาน Wealth เล่าให้ฟังว่า ปัจจุบัน SCB Investment Center เปิดให้บริการสำหรับลูกค้า Wealth โดยเฉพาะ ซึ่งมีทรัพย์สินกับธนาคารในกลุ่ม SCB PRIVATE BANKING SCB FIRST และ SCB PRIME มี 4 สาขาซึ่งอยู่ในห้างสรรพสินค้าชั้นนำคือ เซ็นทรัลเวิลด์ เซ็นทรัลพระราม 2 เซ็นทรัลขอนแก่น และเซ็นทรัลนครราชสีมา โดยจะเน้นพื้นที่ที่มีประชากรหนาแน่นเพื่อให้เข้าถึงลูกค้าได้มากที่สุด
แผนสำคัญคือการขยายสาขาที่รวดเร็ว โดย SCB ตั้งเป้าว่าปี 2561 นี้จะเปิด SCB Investment Center เพิ่มเป็นกว่า 30 แห่งทั่วประเทศ ซึ่งครึ่งหนึ่งจะไปเติมทุกจุดศักยภาพในกรุงเทพมหานครและอีกครึ่งหนึ่งจะไปขยายในพื้นที่หัวเมืองสำคัญทั้งเชียงใหม่หรือภูเก็ต เป็นต้น ส่วนปี 2562 ตั้งเป้าจะเพิ่มเป็น 60 สาขาและมองถึงหลักร้อยแห่งในอนาคตอันใกล้
สำหรับลูกค้า SCB PRIME คือผู้ที่มีสินทรัพย์กับทางธนาคาร 2-10 ล้านบาท SCB FIRST คือผู้ที่มีสินทรัพย์กับธนาคารตั้งแต่ 10 ล้านบาทขึ้นไป ขณะที่ลูกค้า SCB PRIVATE BANKING จะมีสินทรัพย์กับธนาคารตั้งแต่ 50 ล้านบาทเป็นต้นไป ซึ่งถือเป็นระดับสูงสุดในปัจจุบัน และล่าสุดคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ หรือ ก.ล.ต. เพิ่งจะประกาศเกณฑ์ใหม่ของบรรดามหาเศรษฐีที่มีสินทรัพย์สุทธิตั้งแต่ 70 ล้านบาทเป็นต้นไป จะถือเป็นนักลงทุนรายใหญ่พิเศษ (Ultra High Net Worth – UHNW) ธนาคารไทยพาณิชย์ก็คิดใหญ่เตรียมบริการสำหรับลูกค้ากลุ่มพิเศษนี้เอาไว้แล้ว โดยผู้ที่จะเป็นลูกค้ากลุ่มนี้คาดว่าจะมีสินทรัพย์ไม่น้อยกว่าหนึ่งพันล้านบาท ซึ่งถือว่าท้าทายมาก และทุกสายตาของวงการ Wealth Management จะต้องหันมามอง
สิ่งที่ธนาคารไทยพาณิชย์พบคือ ลูกค้ากลุ่ม Wealth ส่วนใหญ่เลือกลงทุนในสินทรัพย์ที่ความเสี่ยงต่ำอย่างเช่น เงินฝากประจำ พันธบัตร หรือลงทุนในกองทุนที่สภาพคล่องดี ความเสี่ยงไม่มาก เช่น กองทุนตลาดเงิน เป็นต้น ทั้งที่ลูกค้าสามารถปรับพอร์ตการลงทุนให้ดีขึ้นเหมาะสมกับระดับความเสี่ยงที่รับได้ของตนเอง เพื่อที่จะได้ผลตอบแทนที่ดีขึ้นได้ สาเหตุสำคัญคือการเข้าถึงข้อมูลด้านการลงทุนและข้อจำกัดด้านเวลาในการศึกษาทางเลือกในการลงทุน เนื่องจากลูกค้ากลุ่ม Wealth นี้จะเป็นเจ้าของธุรกิจแทบทั้งหมด จึงไม่มีเวลาเพียงพอที่จะบริหารจัดการสินทรัพย์ของตนเอง บางส่วนยังมีความรู้ความเข้าใจที่ไม่ครอบคลุม จึงเลือกลงทุนที่ไม่เสี่ยงเอาไว้ก่อน นี่จึงเป็นโอกาสสำคัญที่จะให้คำปรึกษาบรรดาลูกค้ากลุ่ม Wealth ที่ SCB Investment Center
“ที่ SCB Investment Center เราเป็นศูนย์กลางด้านข้อมูลการลงทุนที่เน้นให้คำปรึกษาด้านการลงทุนอย่างมืออาชีพกับลูกค้า ที่นี่เราจะจัดงานสัมมนาให้ความรู้ด้านการเงินอย่างรอบด้านเกือบทุกวัน นำเสนอข้อมูลทุกประเภทสินทรัพย์ทั้งการลงทุนในหุ้น กองทุน หรืออสังหาริมทรัพย์
“ที่พิเศษคือ เราให้คำแนะนำเรื่อง Passion Investment ซึ่งสะท้อนว่า SCB Investment Center คือแหล่งรวมข้อมูลด้านการลงทุนทุกมิติกระทั่งการลงทุนในมุมของไลฟ์สไตล์หรือสินค้าที่มีมูลค่าในตัวเองอย่างรองเท้า กระเป๋า ซึ่งตรงกับความสนใจของลูกค้าแต่ละคน บางคนชอบรองเท้าผ้าใบมาก ก็ถือเป็นการลงทุน นำมาซื้อขายแลกเปลี่ยนกันได้ เราจะพยายามทำเรื่องของไลฟ์สไตล์มากขึ้น”
สิ่งที่ถือว่า SCB Investment Center กินขาดคือ การให้คำปรึกษาโดยตรงจาก CIO Office ซึ่งนำโดย ศรชัย สุเนต์ตา ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ Investment Advisory ธนาคารไทยพาณิชย์ ในฐานะผู้ดูแลหน่วยงาน Chief Investment Officer (CIO) ซึ่งผู้เชี่ยวชาญจาก CIO Office ที่จะสนทนาผ่านวิดีโอคอนเฟอเรนซ์กับลูกค้า แนะนำพอร์ตที่เหมาะสม วิเคราะห์ผลตอบแทน ระดับความเสี่ยงที่รับได้ และช่วยให้คำแนะนำเพื่อพอร์ตการลงทุนที่ดีกว่า ส่วนนี้ธนาคารไทยพาณิชย์ค่อนข้างมั่นใจว่ายังไม่มีแบงก์ไหนใส่ใจเรื่องการลงทุนของลูกค้าขนาดนี้
Touchpoint หลักเมื่อลูกค้าก้าวเข้าสู่ SCB Investment Center คือ ส่วนบริการข้อมูลด้วยตนเอง Self-Learner เป็นทัชสกรีนอัจฉริยะขนาดใหญ่ที่สามารถเลือกติดตามข่าวสารที่อัปเดตที่สุด ข้อมูลการลงทุนที่รอบด้าน ทั้งหุ้น กองทุน และทางเลือกของผลิตภัณฑ์ทางการเงินอื่นๆ ที่น่าสนใจผ่านหน้าจอขนาดใหญ่ และยังหาข้อมูลและตารางงานสัมมนาต่างๆ ได้ที่จุดนี้ด้วย
ห้องขนาดใหญ่ที่จุได้มากกว่า 50 คนคือ Co-Investment Space ซึ่งนอกจากจะใช้เป็นห้องสัมมนาและจัดการประชุมแล้ว ยังมี Digital Wall ขนาดใหญ่ที่นำเสนอข้อมูล ราคาหน่วยลงทุนแบบเรียลไทม์ และสุดยอดคอนเทนต์จาก Thomson Reuters ที่รวบรวมข้อมูลข่าวสารความเคลื่อนไหวในตลาดสำคัญๆ ทั่วทุกมุมโลก
อีกจุดขายสำคัญคือ Investment Room ที่เป็นเหมือนห้องค้าของสถาบันการเงินที่เปิดให้ลูกค้ารายย่อยสามารถใช้บริการได้เช่นเดียวกับนักลงทุนสถาบันและผู้จัดการกองทุนต่างๆ เข้าถึงข้อมูลตลาดเงินตลาดทุนได้ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลพื้นฐานของแต่ละบริษัท ข่าว บทวิเคราะห์ หรือกระทั่งข้อมูลของการลงทุนรูปแบบใหม่ๆ อย่างเงินดิจิทัลก็มีเช่นกัน ขณะนี้ทาง SCB Investment Center อยู่ระหว่างพัฒนาระบบเพื่อตอบโจทย์ทุกความต้องการด้านการลงทุน โดยในอนาคตลูกค้าแต่ละคนจะได้รับ News Alert จากธนาคารในรูปแบบที่สอดคล้องกลับสไตล์การลงทุนเฉพาะบุคคล เช่น หากลงทุนในสินทรัพย์ที่ประเทศอังกฤษอยู่ ถ้ามีความเคลื่อนไหวที่เกี่ยวข้องทั้งเรื่อง Brexit หรือประเด็นที่อาจมีผลต่อทิศทางการลงทุน ระบบก็จะแจ้งเตือนข่าวให้นักลงทุนรายนั้นๆ รับทราบ และยังสามารถนัดหมายเพื่อปรับกลยุทธ์การลงทุนที่เหมาะสมกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป ด้วยที่ปรึกษามืออาชีพและระบบฐานข้อมูลที่ครอบคลุมเพื่อการวิเคราะห์และตัดสินใจในการลงทุนด้วย
เจ้าหน้าที่ให้คำปรึกษาจะคอยดูแลลูกค้าที่ก้าวเข้ามาใน SCB Investment Center อย่างดีที่สุด มีห้องประชุมที่สามารถใช้งานและพูดคุยกับที่ปรึกษาทางการเงินได้อย่างเป็นส่วนตัว นอกจากนี้ยังสามารถใช้ติดต่อกับผู้เชี่ยวชาญจาก CIO Office บล.ไทยพาณิชย์ (SCBS) และ บลจ.ไทยพาณิชย์ (SCBAM) ที่พร้อมเข้ามาดูแลให้คำปรึกษาผ่านวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ด้วย
นอกจากนี้ ธนาคารไทยพาณิชย์ยังสร้างความอุ่นใจให้กับลูกค้าผ่านสิทธิพิเศษขั้นสุดอย่าง Safe Deposit Box สำหรับเก็บทรัพย์สินมีค่า โดยใช้ข้อมูลชีวภาพ (Bio Matrix) ซึ่งลูกค้าสามารถเลือกใช้การสแกนม่านตาหรือลายนิ้วมือร่วมกับการป้อนรหัส PIN ซึ่งทรัพย์สินของลูกค้าจะถูกดูแลอย่างดีที่สุดด้วยระบบรักษาความปลอดภัยที่เป็นเลิศ
“SCB Investment Center แต่ละแห่งขนาดพื้นที่อาจแตกต่างกัน แต่สิ่งที่ต้องมีคือเรื่องของข้อมูลและเจ้าหน้าที่ที่ให้คำแนะนำแบบมืออาชีพ เราวางแผนจะเปิด แบบ Stand Alone เร็วๆ นี้”
สำหรับเทคโนโลยีที่ใช้นั้น ปัจจุบันกรณีทำธุรกรรมทั่วไป ลูกค้าสามารถทำผ่าน SCB EASY App ที่ใช้กันอย่างแพร่หลาย และในอนาคตธนาคารจะมีเครื่องมือการวางแผนบริหารจัดการความมั่งคั่งโดยใช้ปัญญาประดิษฐ์หรือ AI ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มสำคัญที่จะให้คำปรึกษาด้านการลงทุนอย่างมีประสิทธิภาพบนฐานข้อมูลเรียลไทม์
จุดแข็งสำคัญที่สร้างความแตกต่างให้กับ SCB Investment Center คือ การให้คำปรึกษาและแนะนำผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่หลากหลายโดยมืออาชีพ ตอบโจทย์ทุกความต้องการสำหรับลูกค้ากลุ่ม Wealth นอกจากนี้ยังมี CIO Office ซึ่งยังไม่มีแบงก์ใดให้บริการที่พิเศษขนาดนี้ ผู้บริหารด้านการลงทุนแนะนำลูกค้าได้โดยตรง ขณะเดียวกันผู้ให้คำปรึกษาทุกคนล้วนเป็นมืออาชีพผ่านการฝึกอบรมอย่างเข้มข้นจาก Wealth Academy ที่ธนาคารไทยพาณิชย์ทุ่มงบประมาณมหาศาลเพื่อสร้างทรัพยากรบุคคลที่มีคุณภาพ
“คนส่วนใหญ่คิดว่าการลงทุนเป็นเรื่องยาก จริงๆ ไม่ใช่เรื่องยาก แค่เราไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นอย่างไรมากกว่า ที่ SCB Investment Center มีอะไรมากกว่าที่เราคุ้นชินแน่นอน อยากให้เข้ามาค้นหา เราจะให้ข้อมูลที่ครบถ้วนสำหรับการลงทุน ทำให้ลูกค้าเติบโตไปกับเรา” ศลิษาตบท้าย
จุดเริ่มต้นของการบริหารความมั่งคั่งมิติใหม่เกิดขึ้นแล้ว และคงต้องรอดูแต่ละก้าวของธนาคารไทยพาณิชย์จากนี้ต่อไป
อ้างอิง: