×

SCB CIO คาดธนาคารกลางทั่วโลกเตรียมยุติ ‘ขึ้นดอกเบี้ย’ ไตรมาส 2 ปีนี้ หลังเสถียรภาพระบบธนาคารสั่นคลอน

24.03.2023
  • LOADING...

SCB CIO คาดธนาคารกลางหลักมีแนวโน้มหยุดขึ้นดอกเบี้ยในไตรมาส 2 หลังเกิดปัจจัยความเสี่ยงเสถียรภาพสถาบันการเงิน แนะนำสะสมหุ้นกู้คุณภาพสูง, หุ้นจีน A-Share และหุ้นไทย

 

SCB CIO ประเมินหลังเกิดปัจจัยเสี่ยงต่อเสถียรภาพสถาบันการเงิน คาดว่าธนาคารกลางหลักจะเริ่มส่งสัญญาณหยุดขึ้นดอกเบี้ยภายในไตรมาส 2 และเชื่อว่าโอกาสที่จะเกิดความเสี่ยงต่อสถาบันการเงินจนลุกลามกลายเป็นวิกฤตทั้งระบบยังมีค่อนข้างน้อย เพราะส่วนใหญ่เป็นปัญหาเฉพาะตัว และธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา (Fed) ได้ออกมาจัดการสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ฝากเงินและช่วยสภาพคล่องให้กับธนาคารพาณิชย์ได้ค่อนข้างเร็ว แนะหาจังหวะสะสมหุ้นกู้คุณภาพสูง 

 

โดยเชื่อว่าผลของการขึ้นดอกเบี้ยอย่างต่อเนื่องและการระมัดระวังการปล่อยสินเชื่อของธนาคารพาณิชย์ จะทำให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะกลางและยาวลดลงในช่วงครึ่งหลังของปี 2023 รวมทั้งหุ้นจีน A-Share และหุ้นไทยที่ Valuation น่าสนใจและมีแนวโน้มกำไรที่ฟื้นตัวในระยะข้างหน้า

 

กำพล อดิเรกสมบัติ ผู้อำนวยการอาวุโส และหัวหน้าทีม SCB Chief Investment Office (SCB CIO) ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า จากประเด็นความกังวลการแห่ถอนเงิน (Bank Run) ในสหรัฐฯ ทำให้ Fed ต้องออกมาตรการเพื่อจัดการคุ้มครองเงินฝากของธนาคารที่ถูกปิด และดูแลสภาพคล่องให้กับธนาคารที่จะมีปัญหานี้ในอนาคต 

 

โดยสาเหตุหลักที่ทำให้ธนาคารขนาดกลางในสหรัฐฯ ประสบปัญหาคือ

 

  1. โครงสร้างฐานลูกค้าที่มีการกระจุกตัว (Client Base Concentration) 
  2. การบริหารสินทรัพย์และหนี้สินที่ผิดพลาด (Asset-Liability Mismatching) 

 

อย่างไรก็ตาม SCB CIO เชื่อว่าโอกาสที่จะลุกลามกลายเป็นวิกฤตทั้งระบบยังมีค่อนข้างน้อย เพราะส่วนใหญ่เป็นปัญหาเฉพาะตัว และ Fed ได้ออกมาจัดการสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ฝากเงินและช่วยสภาพคล่องให้กับธนาคารพาณิชย์ได้ค่อนข้างเร็ว 

 

ส่วนกรณีเสถียรภาพสถาบันการเงินในประเทศสวิตเซอร์แลนด์ SCB CIO ตั้งข้อสังเกตว่า แม้ UBS ตกลงเข้าซื้อ Credit Suisse โดยมีธนาคารกลางสวิตเซอร์แลนด์ช่วยเหลือเรื่องสภาพคล่อง แต่หนึ่งในเงื่อนไขที่สร้างความประหลาดใจให้ตลาดคือ การที่หน่วยงานกำกับดูแลด้านการเงินของสวิตเซอร์แลนด์ (FINMA) ได้มีคำสั่งให้ผู้ถือหน่วยตราสารที่นับเป็นเงินกองทุนชั้นที่ 1 หรือ Additional Tier 1 (AT1) ซึ่งมีมูลค่าประมาณ 1.7 หมื่นล้านดอลลาร์ ต้องรับความเสียหายไปด้วย โดยมูลค่า AT1 ส่วนนี้กลายเป็นศูนย์ 

 

ดังนั้น SCB CIO มองว่าการเข้าซื้อกิจการครั้งนี้จะช่วยลดความกังวลเสถียรภาพของระบบการเงินได้ในระดับหนึ่ง แต่น่าจะทำให้ธนาคารพาณิชย์ในยุโรปต้องถือสินทรัพย์ที่มีสภาพคล่องมากขึ้นและเข้มงวดขึ้นในการปล่อยสินเชื่อ ซึ่งจะทำให้เศรษฐกิจชะลอตัวได้มากขึ้นในระยะข้างหน้า  

 

ทั้งนี้ รูปแบบการเข้าช่วยเหลือเป็นการเน้นรักษาเสถียรภาพระบบการเงินโดยรวมและดูแลผู้ฝากเงิน ขณะที่ผู้ถือหุ้นและ AT1 ต้องรับความเสียหายด้วย เป็นมาตรการช่วยเหลือที่เห็นได้ทั้งในกรณีสหรัฐฯ และสวิตเซอร์แลนด์ โดยเราเชื่อว่าธนาคารพาณิชย์ที่มีความเสี่ยงด้านสภาพคล่องและฐานทุนจะยังต้องเผชิญความเสี่ยงจากการถูกประเมินอันดับและแนวโน้มความน่าเชื่อถือ (Credit Rating and Outlook Downgrade Risk) และต้นทุนทางการเงินที่สูงขึ้นต่อไป โดยประเด็นเหล่านี้จะทำให้ธนาคารพาณิชย์ระมัดระวังในการปล่อยกู้สินเชื่อมากขึ้น และน่าจะส่งผลให้เศรษฐกิจโลกโดยรวมยังมีแนวโน้มชะลอตัวต่อ 

 

จากความเสี่ยงเสถียรภาพสถาบันการเงินจะทำให้ธนาคารกลางหลักมีแนวโน้มหยุดขึ้นดอกเบี้ยในไตรมาส 2 โดยในกรณีของ Fed จะนำประเด็นรอยร้าวที่เกิดขึ้นในระบบการเงิน (แม้จะมีการอุดรอยร้าวนี้ไปบ้างแล้ว) มาเป็นปัจจัยที่ใช้ตัดสินใจ เพราะในการดำเนินนโยบายการเงินของ Fed นอกจากประเด็นเงินเฟ้อและการจ้างงานแล้ว ต้องพิจารณาเสถียรภาพระบบการเงิน สถาบันการเงิน ระบบการชำระเงินและการคุ้มครองผู้บริโภคด้วย ทำให้ Fed น่าจะขึ้นดอกเบี้ยอีกเพียง 25% ในการประชุมเดือนพฤษภาคม โดยอัตราดอกเบี้ยนโยบายสูงสุด (Terminal Rate) จะอยู่ที่ 5.00-5.25% และคงดอกเบี้ยไว้ระดับนี้จนถึงปลายปี 2023

 

สำหรับกลยุทธ์การลงทุน SCB CIO ประเมินว่ายังเป็นโอกาสดีที่จะสะสมหุ้นกู้คุณภาพสูง (Positive) แม้อัตราเงินเฟ้อในช่วงสั้นจะยังอยู่ในระดับสูง แต่ราคาพลังงานโลกที่ลดลงค่อนข้างเร็วน่าจะทำให้อัตราเงินเฟ้อทั่วไปในช่วงไตรมาสที่ 2 เริ่มมีสัญญาณชะลอลงเร็วขึ้น บวกกับความเสี่ยงที่สูงขึ้นของเสถียรภาพสถาบันการเงิน เราคาดว่า Fed รวมถึงธนาคารกลางหลักอื่นๆ จะเริ่มส่งสัญญาณการหยุดขึ้นดอกเบี้ยในไตรมาส 2 ปี 2023 ทำให้ในช่วงนี้ยังเป็นจังหวะที่ยังทยอยสะสมหุ้นกู้คุณภาพดีได้ โดยเราเชื่อว่าอัตราเงินเฟ้อทั่วไปที่ชะลอลง (จากราคาพลังงานที่ลดลง) รวมถึงตัวเลขทางเศรษฐกิจที่อ่อนแอลง (จากผลของการขึ้นดอกเบี้ยอย่างต่อเนื่องและการระมัดระวังการปล่อยสินเชื่อของธนาคารพาณิชย์) จะทำให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะกลางและยาวลดลงในช่วงครึ่งหลังของปี 2023

 

นอกจากนี้ทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ในเอเชีย (Asian REITs) ยังน่าสนใจจากการเปิดเมือง เปิดประเทศของจีนและอาเซียน ส่งผลบวกต่ออัตราการเช่าและค่าเช่า (Occupancy Rates and Rental Rates) ในอนาคตของ REITs ทั้งในกลุ่มโรงแรม และพื้นที่เชิงพาณิชย์ (Industrial and Warehouse) โดยเฉพาะในไทยและสิงคโปร์ที่กิจกรรมทางเศรษฐกิจมีการพึ่งพาเศรษฐกิจจีนค่อนข้างมาก ขณะที่การเปลี่ยนแปลงของอัตราผลตอบแทนพันธบัตร โดยเฉพาะในกรณีของไทยเริ่มมีจำกัด ทำให้มูลค่าของ REITs ในไทยและสิงคโปร์น่าจะถูกกำหนดด้วยอัตราการเช่าและค่าเช่าที่ฟื้นตัวเป็นหลัก

 

ส่วนการลงทุนในหุ้น (Neutral) แม้มูลค่าเมื่อพิจารณาจากราคาต่อกำไรต่อหุ้น (P/E Ratio) มีความน่าสนใจมากขึ้น แต่ยังมีแรงกดดันจากทั้งต้นทุนทางการเงินที่สูง และแนวโน้มกำไรเติบโตติดลบ จึงควรระมัดระวังกลุ่มที่มีภาระหนี้สูง ด้านผลประกอบการไตรมาส 4 ปี 2022 ที่ออกมาล่าสุดจากตลาดหุ้น ส่วนใหญ่สะท้อน 1. การหดตัวของอัตราการเติบโตกำไรบริษัทจดทะเบียนทำให้เกิดความเสี่ยง กำไรเมื่อเทียบรายปีหดตัวติดต่อกัน 2 ไตรมาส (Earning Recession) และ 2. การลดลงของจำนวนบริษัทที่มีกำไรดีกว่าคาด (Earnings’ Positive Surprises)

 

กำพลกล่าวว่า เราได้ปรับมุมมองหุ้นเวียดนามลงเป็น Slightly Negative (ทยอยขาย) โดยเวียดนามยังเป็นตลาดที่มีศักยภาพในการลงทุนระยะยาว ส่วนสถานการณ์การผิดนัดชำระหนี้หุ้นกู้ มองว่าจะไม่ลุกลามจนกลายเป็นวิกฤตเศรษฐกิจ อย่างไรก็ตาม ความกังวลบนการผิดนัดชำระหนี้หุ้นกู้ ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในภาคอสังหาริมทรัพย์ อาจส่งผลให้มี Sentiment เชิงลบต่อธุรกิจในกลุ่มอสังหาและกลุ่มอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น กลุ่มธนาคาร และกลุ่มธุรกิจก่อสร้าง ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ และผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้นเวียดนาม ขณะที่เสถียรภาพด้านต่างประเทศของเวียดนาม โดยเฉพาะประเด็นเงินทุนสำรองระหว่างประเทศยังจะเป็นประเด็นกดดันต่อไปในช่วง 3-6 เดือนข้างหน้า โดยเรายังแนะนำให้เน้นการลงทุนในตลาดหุ้นจีน (A-Share: Positive / H-Share Slightly Positive) และตลาดหุ้นไทย (Slightly Positive) ที่ Valuation น่าสนใจและมีแนวโน้มกำไรที่ฟื้นตัวในระยะข้างหน้า

 


ข่าวที่เกี่ยวข้อง:


 

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising