ทุกธุรกิจต่างมีเป้าหมายที่จะเติบโตทั้งยอดขาย ส่วนแบ่งการตลาด และความแข็งแกร่งของแบรนด์ แต่สิ่งที่สะท้อนความสามารถในการดำเนินธุรกิจในระยะยาวกลับเป็นเรื่องที่มากกว่าผลกำไร นั่นคือการพัฒนาธุรกิจอย่างยั่งยืนด้วยการสร้างคุณค่ากับทุกส่วนที่เกี่ยวข้องกับองค์กร ทั้งลูกค้า คู่ค้า หรือกระทั่งแรงงานระดับปฏิบัติการก็ตาม
บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SC Asset หนึ่งในผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์แถวหน้าของประเทศ ยังมุ่งมั่นขับเคลื่อนองค์กรเพื่อความสุขของแต่ละก้าวที่เติบโตขึ้น สำนักข่าว THE STANDARD ขอนำเสนอบางแง่มุมจาก ‘สุดารัตน์ เจริญเกตุมงคล หัวหน้าสายงาน บริหารลูกค้าและการพัฒนาธุรกิจอย่างยั่งยืน’ ของ SC Asset ผ่านบทความนี้
เริ่มจากจุดเริ่มต้นที่ดี เพื่อความสุขของทุกส่วนในธุรกิจ
“วิสัยทัศน์ของเราคือ For Good Mornings สร้างเช้าวันใหม่ เราเชื่อว่าชีวิตที่ดีมาจากจุดเริ่มต้นที่ดี เราทำหน้าที่ส่งมอบสินค้าที่มีคุณภาพและสร้างนวัตกรรมเพื่อให้ลูกค้ามีทั้งเวลาที่เพิ่มมากขึ้นและมีพลัง เรื่องบ้านขอให้เป็นหน้าที่ของเรา ถ้าไม่ต้องมาห่วงเรื่องบ้าน เราก็จะมีเวลาทำสิ่งใหม่ๆ และทำให้โลกใบนี้น่าอยู่ขึ้น”
สุดารัตน์เน้นย้ำถึงหลักสำคัญของ SC Asset ในการพัฒนาที่อยู่อาศัยภายใต้แบรนด์ของตน ซึ่งธุรกิจนี้มีระบบนิเวศที่ประกอบด้วยหลายส่วน ไม่สามารถทำสิ่งต่างๆ ได้เองตามลำพัง การร่วมมือกันสร้างสรรค์ (Co-Creation) คือสิ่งที่องค์กรนี้เชื่อเสมอมา สำหรับการพัฒนาที่ยั่งยืนนั้นต้องใส่ใจทุกกระบวนการตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ ไปถึงการส่งมอบ ซึ่งต้องคิดละเอียดตั้งแต่การจัดหาวัตถุดิบ การออกแบบ การก่อสร้าง การตลาด การขาย และบริการหลังการขาย ซึ่งต้องให้ความสำคัญทุกขั้นตอน
สำหรับ SC Asset ได้นำเป้าหมายการพัฒนาความยั่งยืนของสหประชาชาติ (UN SDGs) มาเป็นหมุดหมายสำคัญของแนวทางการขับเคลื่อนธุรกิจ ซึ่งเลือกดำเนินการ 6 ประเด็นคือ
- Good Health and Well-Being คือการมีสุขภาวะในการดำรงชีวิต และส่งเสริมความเป็นอยู่ที่ดีของทุกคนในทุกช่วงอายุ
- Quality Education คือการได้รับการศึกษาที่มีคุณภาพอย่างเท่าเทียมและทั่วถึง รวมทั้งส่งเสริมโอกาสในการเรียนรู้ตลอดชีวิตแก่ทุกคน
- Innovation and Infrastructure พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่พร้อมรับการเปลี่ยนแปลง ส่งเสริมการปรับตัว ให้เป็นอุตสาหกรรมอย่างยั่งยืน ทั่วถึง และสนับสนุนนวัตกรรม
- Sustainable Cities and Communities ทำให้เมืองและการตั้งถิ่นฐานมีความปลอดภัย พร้อมรับการเปลี่ยนแปลงอย่างยั่งยืน
- Responsible Consumption and Production การผลิตและบริโภคที่รับผิดชอบอย่างยั่งยืน
- Partnerships for the Goals เสริมสร้างความเข้มแข็งในการปฏิบัติงานให้เกิดผล และสร้างพลังการเป็นหุ้นส่วนความร่วมมือระดับสากลต่อการพัฒนาที่ยั่งยืน
ในฐานะองค์กรขนาดใหญ่ มีพนักงานเกือบ 1,000 คน ซึ่งเป็นพื้นฐานในการทำธุรกิจ สุดารัตน์เล่าว่าที่นี่เน้นเรื่องการพัฒนาคน (People Development) ซึ่งคนในองค์กรต้องมีความสุขในการทำงาน มีสมดุลชีวิตที่ดีด้วย
“เรามียิมให้พนักงานใช้ออกกำลังกาย พวกเขาจะได้มีคุณภาพชีวิตที่ดี อย่างทุกวันพฤหัสฯ พนักงานก็เลิกงานได้เร็วขึ้น ได้หยุดงานในวันเกิด หรืออย่างวันศุกร์สิ้นเดือนก็จะออกจากออฟฟิศได้เร็วขึ้นด้วย เอาเวลาที่เหลือไปใช้ชีวิตกับครอบครัวหรือทำเรื่องที่ให้ความสุขกับตัวเองดีกว่า”
นอกจากนี้ อีกส่วนที่สำคัญคือบรรดาคู่ค้า ซึ่ง SC Asset มองเป็นหุ้นส่วนต่อกัน (Partnership) ซึ่งมีผู้รับเหมาก่อสร้างกว่า 40 ราย ซึ่งควรที่จะเติบโตไปด้วยกัน จากนี้จะไม่เพิ่มปริมาณของคู่ค้า แต่จะเน้นเพิ่มคุณภาพของงานแทน โดยวัดจากพอร์ตโฟลิโอของแต่ละราย ซึ่งแบ่งเป็นขนาดเล็ก (S) กลาง (M) และใหญ่ (L) เพื่อกระตุ้นให้ผู้รับเหมาก่อสร้างรับงานจาก SC Asset ได้มากขึ้น ซึ่งเปิดโอกาสให้แต่ละรายพัฒนาศักยภาพของตนเอง และขยับระดับธุรกิจขึ้นไปได้อีก
ผู้ที่สำคัญที่สุดก็คือลูกค้าทุกคน SC Asset ปรับใช้แนวคิดการออกแบบกระบวนการธุรกิจ โดยยึดผู้อยู่อาศัยเป็นศูนย์กลาง (Human Centric) การตอบโจทย์ความต้องการของผู้คนตามไลฟ์สไตล์ที่แตกต่างกันไป นี่คือความสามารถในการแข่งขันของโลกธุรกิจปัจจุบัน แบรนด์ใดทำสินค้าและบริการได้โดนใจและได้ใจของลูกค้าก็จะได้เปรียบกว่า
“เรื่องไลฟ์สไตล์นี่สำคัญ ส่วนตลาด (Segment) ของลูกค้าเดี๋ยวนี้ละเอียดขึ้น คนเราเป็นตัวของตัวเองมากขึ้น เราต้องตอบโจทย์ตรงนั้นให้ได้ เรามี Contact Centre เป็น Touch Point ทั้งการทำแบบสำรวจ เก็บข้อมูล และเราก็มีทีมโซเชียลมีเดียที่ลูกค้าสามารถติดต่อได้ตามช่องทางที่ต้องการ ทีมบริการลูกค้า 1749 ของเราทำงานตลอด 24 ชั่วโมง เราจึงทราบความต้องการของลูกค้าได้รวดเร็ว และนำเสียงสะท้อนเหล่านั้นกลับมาต่อยอด เราไม่ได้สร้างแค่บ้าน แต่เราสร้าง Living Solution ที่เป็นมากกว่าบ้าน คือการอยู่อาศัยเพื่อตอบโจทย์การใช้ชีวิตของผู้คน”
SC Asset จะใช้ ‘ลำดับขั้นความต้องการของมาสโลว์ ( Maslow’s hierarchy of needs)’ เพื่อจัดลำดับความต้องการ และเลือกตอบโจทย์แต่ละส่วนได้ตรงจุดมากขึ้น ซึ่งมนุษย์เราจะตอบสนองความต้องการทางกาย (Physiological Needs) ก่อนเป็นพื้นฐาน จากนั้นจะเป็นความต้องการด้านความปลอดภัย (Safety Needs) ความต้องการเชิงสังคม (Social Needs) การแสวงหาความภาคภูมิใจในตัวเอง (Esteem Needs)และการเข้าใจตัวเองอย่างถ่องแท้ (Self-Actualization)
สิ่งที่ผู้คนในยุคสมัยที่เร่งรีบตามการแข่งขันของโลกนี้ สุดารัตน์พบว่าคนเมืองทั้งหลายมีเวลาที่กำจัดมากขึ้นเรื่อยๆ การทำความรู้จักกับเพื่อนบ้านหรือคนในชุมชนดูจะเป็นเรื่องยาก เพราะไม่มีจุดเริ่มต้นหรือกิจกรรมร่วมกัน ซึ่งใจลึกๆ คนเรายังมีความต้องการเชิงสังคมอยู่ SC Asset จึงคิดย้อนกลับไปถึงความอบอุ่นของสังคมไทยยุคก่อนที่เรามีปฏิสัมพันธ์กับเพื่อนบ้านอย่างใกล้ชิด นำสิ่งของมาแลกเปลี่ยนกันเองได้ จึงเกิดโครงการ ‘ฟาร์มรัก ปลูกผัก ปลูกเพื่อน’ ขึ้นมาเมื่อ 4 ปีก่อน ซึ่งส่งเสริมให้ลูกบ้านของ SC Asset ปลูกผักสวนครัวและนำมาแลกเปลี่ยนกันเองในชุมชม ซึ่งจะเกิดความสัมพันธ์ผ่านกิจกรรมนี้ ปัจจุบันมีกว่า 20 โครงการแล้ว ซึ่งเกิดเครือข่ายของลูกบ้านแต่ละแห่งสำหรับการแลกเปลี่ยนพูดคุยกัน
“จากนั้นเราก็ต่อยอดเป็นโครงการ ‘สร้างมิตรชิดรั้ว’ เราอยากเป็นสื่อกลางที่เชื่อมโยงระหว่างลูกบ้านและสังคม เดี๋ยวนี้แต่ละบ้านมีเสื้อผ้าล้นตู้เต็มไปหมด เราก็ชวนลูกค้าบริจาคเสื้อผ้าและของใช้ในครัวเรือนผ่านกิจกรรมที่เราไปจัดตามโครงการต่างๆ ได้ของมาเยอะมาก ตอบโจทย์เรื่องสิ่งแวดล้อมด้วย เป้าของเราในปี 2561 นี้คือรับบริจาคของ 4 หมื่นชิ้น จากลูกบ้านและอาคารสำนักงานให้เช่าของเรานี่แหละ”
ของที่รวบรวมได้จะนำไปมอบให้กับผู้ที่ขาดโอกาสทางสังคม เช่นแรงงานก่อสร้าง พนักงานรักษาความปลอดภัย หรือคนสวนของโครงการ เพื่อช่วยลดค่าครองชีพจากสิ่งของสภาพดีเหล่านี้ ตัวเลขล่าสุดของมูลค่าสิ่งของที่ส่งต่อด้วยน้ำใจนี้ใกล้แตะ 1 ล้านบาทแล้ว ถือว่าผลตอบรับดีมาก
“คนเหล่านี้สร้างบ้านให้เรา เขากำลังทำงานฝีมือ งานก่อสร้างเป็นงานคราฟต์ เราอยากขอบคุณพวกเขา ทำ Pop-Up Store เพราะอยากให้เขารู้สึกเหมือนได้ไปช้อปปิ้งในห้างสรรพสินค้าเอง ให้เขาได้เลือก แต่ละคนก็จะมีแต้ม เช่น คนละ 2,000 แต้ม เอาไว้ใช้แลกของเหมือนการจับจ่ายจริง เราแลกกับคำมั่นสัญญาของพวกเขาว่าจะทำงานให้ดีได้อย่างไรบ้าง เราไม่ได้คาดหวังอะไรที่ยิ่งใหญ่หรือเกินกำลัง แต่ให้เขารู้ว่าเราอยากขอบคุณ”
นอกจากนี้ยังต่อยอดของบริจาคที่สภาพดีและเป็นของแบรนด์เนมเช่น ชุดเดรสสุภาพสตรี หรือกระเป๋า เพื่อนำไปขายหารายได้ต่อยอดกิจกรรมการกุศล โดยทำงานร่วมกับ DRESS THE DREAM ซึ่งเป็นองค์กรเพื่อสังคม ขายของผ่าน Online Platform โดยจะเริ่มขายสินค้าในเดือนกันยายนนี้ พร้อมทั้งจะมีกิจกรรมโรดโชว์ตามสถานที่ต่างๆ ด้วย
เติมความรู้เชิงช่าง เพื่อยกระดับสู่การเป็นผู้ประกอบการ
“อีกเรื่องที่เราภูมิใจก็คือ SC Able บริษัทย่อยของเราที่จะช่วยสอนให้ความรู้ และซ่อมแซม เพื่อตอบโจทย์งานซ่อมให้ได้คุณภาพ เรามี Able Academy ที่จับมือกับ Fixzy แพลตฟอร์มให้บริการด้านงานช่างชั้นนำเพื่อสอนทีมช่าง ภายใต้หลักสูตรที่เราออกแบบ ซึ่งไม่ได้ตอบโจทย์แต่ของ SC Asset อย่างเดียว เราสอนฟรี คนที่มาเรียนก็สามารถไปรับงานที่อื่นได้ไม่มีข้อผูกมัดใดๆ จะเป็นคนไทยหรือต่างด้าวก็มาเรียนได้ ถือเป็นการช่วยพัฒนาคุณภาพการก่อสร้างให้อุตสาหกรรมเรา เราทำเรื่องนี้มา 2 ปีแล้ว”
นอกจากการพัฒนาศักยภาพของช่างแล้ว SC Asset ยังมีแผนสร้างโอกาสทางธุรกิจสำหรับผู้ที่ต้องการเติบโตเป็นผู้ประกอบการหรือเถ้าแก่น้อยด้วย โดยจะสอนตั้งแต่การคำนวณราคา การบริหารจัดการ ไปจนถึงการบริหารทีม เพื่อผลักดันให้พวกเขาก้าวไปสู่การเป็น SMEs ที่แข็งแรงด้วยตัวเอง
สุดารัตน์เชื่อว่าการพัฒนาธุรกิจที่ยั่งยืนต้องก้าวไปด้วยกันทั้งองค์กร ทุกคน ทุกแผนก แม้แต่ละส่วนมีหน้าที่แตกต่างกัน แต่จะต้องมีวิสัยทัศน์เป็นภาพเดียวกัน ซึ่งทุกคนจะมีความปรารถนาที่แรงกล้า (Passion) เป็นตัวขับเคลื่อนในการทำสิ่งที่ดีๆ ต่อไป
จุดเริ่มต้นของความยั่งยืนอาจเป็น Passion แห่งการให้นี่เอง
พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์
