TASTE: Sarnies カフェ Sukhumvit ลุค Minimal Japanese พร้อมเปิดเมนูใหม่

เชื่อว่าสายฮอปปิ้งคงคุ้นเคยกับชื่อของ Sarnies กันมาบ้างในฐานะคาเฟ่สัญชาติสิงคโปร์ หลังจากครองใจชาวเจริญกรุงไปถึง 2 สาขา และอีก 1 สาขาที่ซอยต้นสน ตอนนี้ก็ได้มีโอกาสเปิดสาขาใหม่ที่พร้อมพงษ์ ที่เรียกได้ว่าเป็นการกลับมาเยือนถิ่นครั้งสำคัญ เพราะเพิ่งเปิดป๊อปอัพไปเมื่อต้นปี แถมยังเป็นโลเคชันแรกในกรุงเทพฯ ก่อนที่พวกเขาจะเปิดสาขาหลักแบบจริงๆ จังๆ ในเจริญกรุงด้วย

ความตั้งใจที่จะเฟรนด์ลีกับทุกๆ โลเคชันที่พวกเขาเลือกไปเปิดร้าน คาแรกเตอร์ของแต่ละสาขาจึงสะท้อนกิมมิกเล็กๆ บางอย่างของโลเคชันนั้นๆ เสมอ นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไม Sarnies Sukhumvit ในสาขาพร้อมพงษ์ ถึงมีกลิ่นอายญี่ปุ่น ก็เพราะมีชาวญี่ปุ่นอาศัยอยู่เยอะมาก จนแทบจะกลายเป็นชุมชนญี่ปุ่นไปแล้วนั่นเอง

Sarnies Sukhumvit ตั้งอยู่ในตึกแถวสองคูหาต้นซอยสุขุมวิท 37 ที่บรรยากาศภายในร้านดูเป็นกันเอง ลุคเรียบง่ายในแบบฉบับของ Minimal Japanese ไม่ว่าจะเป็นการใช้วัสดุไม้โทนสีอ่อน เส้นสายโค้งมน และบรรดาต้นไม้สีเขียวที่มาสร้างความสบายตาและอบอุ่นใจในระหว่างการนั่งกินอาหาร และที่สำคัญมีโต๊ะด้านนอกไว้สำหรับนั่งชิลได้ในวันที่อากาศดีด้วย

ในส่วนอาหารของที่นี่เปิด All Day Dining มีครบจบในร้านเดียว ทั้งกาแฟ อาหารคาว หวาน ไปยันค็อกเทล โดยเมนูช่วงเช้าและเย็นจะมีความแตกต่างกันเล็กน้อย ซึ่งเมนูที่เสิร์ฟส่วนใหญ่เป็นเมนูใหม่แทบทั้งหมด และมีซิกเนเจอร์บางเมนูของร้านที่ไม่ควรพลาดผสมปนเปกันไป รวมถึงมีการนำเมนูเก่ามาทวิตส์ใส่วัตถุดิบและกลิ่นอายความเป็นญี่ปุ่นเพิ่มเติม ให้ทุกคนอินกับกิมมิกของร้านมากยิ่งขึ้น

เริ่มต้นเมนูบรันช์กันด้วย Miso Kombu Eggs Benedict (400 บาท) ไข่เบเนดิกต์ เสิร์ฟคู่กับแซลมอนรมควันจากบ้านอาบุริและต้นหอมญี่ปุ่นผัด วางบนขนมปังมัฟฟินอังกฤษซาวโดว์ ราดด้วยซอสสาหร่ายคอมบุมิโซะฮอลแลนเดส ปรุงรสปิดท้ายด้วยชิจิมิหรือพริกปรุงรสสไตล์ญี่ปุ่น และใส่วาซาบิเล็กน้อยเพื่อเพิ่มรสชาติเผ็ดซ่า แต่ไม่ได้ฉุนจนขึ้นจมูกมากจนเกินไป คนที่ไม่คุ้นกับวาซาบิก็กินได้แบบสบายๆ

Miso Kombu Eggs Benedict (400 บาท)

Hamaguri Vongole (450 บาท) เมนูทวิตส์มาจากเมนูพาสต้าคลาสสิกของร้าน เป็นพาสต้าเส้นอุด้งสไตล์ญี่ปุ่นผัดกับหอยลายตลับ เพิ่มรสชาติอูมามิด้วยสาเกและน้ำซุปเนยคอมบุ โรยด้วยพริกป่น ต้นหอม และเกล็ดขนมปังชาวโดว์ที่มีความกรุบกรอบเล็กน้อย

Hamaguri Vongole (450 บาท) และ Land of Milk & Honey (420 บาท)

มาถึงอีกเมนูแชริ่งที่เรียกได้ว่าเป็นไฮไลต์ของ Sarnies เลยก็ว่าได้ Land of Milk & Honey (420 บาท)

พิซซ่าแป้งซาวโดว์หน้าเปปเปอโรนี อบมาในเตาถ่านขนาดใหญ่กลางร้าน ตัวแป้งบางและมีซอสมะเขือเทศเป็นเบส จัดเต็มทั้งชีสมอสซาเรลลาและชีสครีมสดสตราชาเทลลา รสออกเค็ม เผ็ดนิดๆ และหอมน้ำผึ้งหน่อยๆ แถมปิดท้ายมื้อนี้ด้วย Kinako (140 บาท) กาแฟเดอร์ตี้ใส่ถั่วเหลืองคั่วแบบโฮมเมดที่หอมหวานแบบกำลังดี

Kinako (140 บาท)

ส่วนเมนูในมื้อค่ำ ขอเปิดด้วยจานเบาๆ อย่าง Wood-fired Maitake (320 บาท) เห็ดไมตาเกะสดมิกซ์ยูซุ ที่ให้รสชาติเปรี้ยวและเค็ม ก่อนจะเข้าอบในเตาถ่านไม้ กินคู่กับซอสการ์ลิกแล็บเนห์หรือซอสกรีกโยเกิร์ตผสมกับเกลือ ที่ให้สัมผัสที่หนักแน่นและเข้มข้น สุดท้ายจานหลักคือ Miso Black Cod (680 บาท) สเต๊กปลาแบล็กคอดหมักด้วยมิโซะ สาเก และมิริน ประมาณ 3 วัน จากนั้นนำไปซูวีให้สุกได้ที่ แล้วเสิร์ฟคู่กับซอสโรเมสโกและบรอกโคลินี แนะนำให้บีบมะนาว เพื่อตัดรสเปรี้ยวจากความเค็มมันของตัวเนื้อปลา

Miso Black Cod (680 บาท) และ Yuzu Margarita

ส่วนเครื่องดื่ม ทางร้านแนะนำ Yuzu Margarita เครื่องดื่มทวิสต์มาจากค็อกเทลพื้นฐานอย่างมาร์การิตา โดยผสมโชจูหรือวอดก้าญี่ปุ่น เข้ากับยูซุที่รสชาติเปรี้ยวนำและให้ความสดชื่น ตกแต่งเกลือพลัมรอบแก้วเป็นอันครบ ใครที่ชอบค็อกเทลสายผลไม้จิบง่ายสบายๆ น่าจะถูกใจ นอกจากนี้ยังมีเครื่องดื่มไฮบอล หรือค็อกเทลที่คนญี่ปุ่นคลั่งไคล้มาให้เลือกลิ้มลองกันตามใจชอบอีกหลายเมนูเลย

ถ้าใครมองหาร้านนั่งสบายๆ ระหว่างวัน หรือดินเนอร์หลังเลิกงานในย่านพร้อมพงษ์ โดยมีโจทย์ว่าอยากกินทั้งเมนูคาว หวาน และเครื่องดื่ม ต้องถูกจริตกับที่นี่แน่นอน เพราะมีเมนูให้เลือกเยอะมากๆ แถมยังเป็น Pet Friendly เปิดต้อนรับสัตว์เลี้ยงตัวโปรดของทุกคนด้วย

You may also like: Roots, Nana Coffee Roasters