หุ้นของบริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) หรือ SIRI กลายเป็นหุ้นที่มีการซื้อขายเป็นอันดับ 1 ในช่วงหลายวันที่ผ่านมา โดยมีปัจจัยสำคัญมาจากการประกาศขยายพอร์ตจากธุรกิจอสังหาฯ สู่ธุรกิจการเงินและหลักทรัพย์ ด้วยการทุ่ม 2,000 ล้านบาท เข้าถือเป็นอันดับ 1 ด้วยสัดส่วน 15% ใน XSpring (XPG) หรือ บริษัท เอ็กซ์สปริง แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) โดยนับตั้งแต่วันที่ประกาศแผน 14 พฤษภาคม หุ้นราคาขึ้นมาแล้ว 40% คำถามคือ XSpring จะทำให้ธุรกิจของแสนสิริขยายตัวได้ในมิติไหน
วรางคณา อัครสถาพร ประธานผู้บริหารสายงานการเงิน บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) ให้สัมภาษณ์ในรายการ Morning Wealth ของ THE STANDARD WEALTH ว่า การเข้าลงทุนดังกล่าวเป็นการมองเห็นจากโอกาส เพราะตอนนี้หลายๆ คนแม้แต่คนรุ่นใหม่หันมาลงทุนในคริปโตเคอร์เรนซี หรือสินทรัพย์ดิจิทัลมากขึ้น ทำให้มองเห็นถึงมูลค่าของ XSpring ที่กำลังจะเริ่มออกผลิตภัณฑ์ต่างๆ แล้ว
ในแถลงการณ์ที่ออกเมื่อวันที่ 14 พฤษภาคมที่ผ่านมา แสนสิริระบุว่า XSpring มีใบอนุญาตการดำเนินธุรกิจ Digital Financial Services ในด้าน ‘บริการซื้อขายโทเคนดิจิทัลเต็มรูปแบบ’ ผ่านบริษัท SE Digital (เอสอี ดิจิทัล) ในฐานะ ICO Portal ที่เสนอขายโทเคนดิจิทัลให้แก่นักลงทุน ที่ได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) แล้ว
โดยการมีใบอนุญาตดังกล่าวที่จะทำให้ XSpring สามารถเดินหน้าออกโทเคนดิจิทัลที่มีสินทรัพย์เป็นหลักค้ำประกันเป็นรายแรกในประเทศไทยได้ในอนาคตอันใกล้นี้
วรางคณา ขยายความว่า ก่อนที่แสนสิริจะเข้าไปลงทุนใน XSpring ทาง XSpring ได้หาดีลต่างๆ สำหรับออกโทเคนดิจิทัลไว้แล้ว ซึ่งตอนนี้มีในไปป์ไลน์ประมาณ 7-8 ดีลแล้ว โดยยังไม่มีดีลไหนที่เป็นของแสนสิริ ซึ่งตอนนี้แสนสิริกำลังพิจารณาอยู่ว่า สินทรัพย์ไหนที่จะสามารถนำมาทำเป็นโทเคนดิจิทัล หรือ ICO ได้บ้าง
ทำ ICO ได้ต้องเป็นสินทรัพย์ที่สร้างกระแสรายได้สม่ำเสมอ
แม่ทัพการเงินแสนสิริกล่าวกับ THE STANDARD WEALTH ว่า ตามกฎของ ก.ล.ต. สินทรัพย์ที่จะสามารถนำไปทำ ICO ได้นั้นจะต้องมีรายได้หรือกระแสเงินสดที่เข้ามาสม่ำเสมอ เพื่อสร้างผลตอบแทนให้กับผู้ถือ ICO
ตัวอย่างเช่น ปลายปีนี้แสนสิริกำลังจะเปิดโรงแรม The Standard (เดอะ สแตนดาร์ด) ซึ่งเป็นแบรนด์ในธุรกิจบูติกโฮเทลที่หัวหิน โดยโรงแรมนี้สามารถนำมาทำ ICO ได้ เพราะมีรายได้จากค่าเช่าห้องและค่าอาหาร
“แต่อย่างไรตามเป็นเพียงการยกตัวอย่างเท่านั้น ไม่ได้หมายความว่าแสนสิริจะทำ โรงแรม The Standard ที่หัวหินมาทำเป็น ICO” วรางคณา กล่าวพร้อมเสริมว่า ด้วยกฎดังกล่าวทำให้ไม่สามารถนำโครงการทั้งคอนโดมิเนียมหรือบ้านเดี่ยวที่กำลังอยู่ในระหว่างขายมาทำเป็น ICO ได้ แต่แสนสิริก็ได้ศึกษาเตรียมพร้อมไว้ตลอดเวลา ทั้งนี้ โทเคนดิจิทัลที่จะทำต้องอ้างอิงหรือมีกระแสรายรับจากอสังหาริมทรัพย์ (Real Estate ICO) เท่านั้น
“เราเริ่มศึกษาการลงทุนอื่นๆ มาตั้งแต่ปี 2560 เนื่องจากเห็นเทรนด์เกี่ยวกับสินทรัพย์ดิจิทัลที่กำลังมา แต่ในช่วงเวลา 2-3 ปีก่อนสำหรับประเทศไทย ยังเป็นเรื่องที่เร็วเกินไป แต่ตอนนี้ด้วยหลายอย่างที่กว้างขึ้น ทั้งผู้บริโภคหรือหน่วยงานที่ดูแล เราเลยสนใจลงทุนเรื่องนี้อย่างจริงจัง และเทรนด์ที่จะเริ่มนับหนึ่งใหม่ ในวันที่เทรนด์นี้มาแน่ๆ เราก็เข้าลงทุนใน XSpring เพื่อต่อยอดได้เลย”
อย่างไรก็ตามวรางคณายอมรับว่า การทำ ICO มีความท้าทายอยู่ที่ต้องใช้เวลาเพื่อ Educate ให้กับลูกค้าเพื่อทำความเข้าใจเกี่ยวกับการลงทุนใน ICO ซึ่งแตกต่างจากคริปโตเคอร์เรนซีที่หลายคนเข้าใจอยู่แล้ว
สร้างรายได้ใหม่จากการประมูลหนี้
ขณะเดียวกันไม่ได้มีเพียงใบอนุญาตด้านบริการซื้อขายโทเคนดิจิทัลเต็มรูปแบบเท่านั้น ที่แสนสิริสามารถต่อยอดธุรกิจจากการเข้าลงทุนใน XSpring แต่หนึ่งในนั้นยังมีใบอนุญาต Asset Management หรือ การบริหารจัดการสินทรัพย์ที่สามารถซื้อหนี้จากธนาคารที่เปิดประมูลมาตีทรัพย์ ชำระหนี้ ประนอมหนี้ และนำสินทรัพย์ออกมาขายได้
ตอนนี้แสนสิริกำลังศึกษาเรื่องดังกล่าวอยู่ และจะมีการดำเนินการในเรื่องนี้ โดยภายในปลายเดือนนี้จะมีธนาคารแห่งหนึ่งเปิดประมูล ซึ่งแสนสิริก็จะเข้าประมูลด้วย และยังมีอีกแห่งที่จะเปิดในเดือนมิถุนายน
วรางคณาระบุว่า หนี้ที่จะประมูลนั้นจะต้องเป็นหนี้ที่เกี่ยวข้องกับอสังหาริมทรัพย์ หรือ NPA เท่านั้น ซึ่งหนี้ที่นำมาประมูลนั้นธนาคารบางแห่งจะแบ่งออกเป็นกองเล็กๆ มูลค่า 50-400 ล้านบาท บางแห่งจะทำเป็นกองขนาดใหญ่มูลค่า 1,000 ล้านบาทขึ้นไป ซึ่งสำหรับปีแรกคาดว่าจะมีการลงทุนไม่มากนัก ประมาณ 1,000-2,000 ล้านบาท โดยเป็นส่วนที่แสนสิริลงทุนเองประมาณ 500-1,000 ล้านบาท ซึ่งวิธีการเข้าประมูลจะมีทั้งร่วมทุนคนละครึ่งกับ XSpring หรือแสนสิริลงทุนเองทั้งหมดก็มี
“สิ่งที่เราจะได้ประโยชน์จากการดำเนินการดังกล่าวคือการหารายได้ใหม่ๆ ให้กับแสนสิริ ซึ่งเราเองมี ‘พลัส พร็อพเพอร์ตี้’ บริษัทลูกที่เป็นตัวแทนการซื้อ ขาย เช่า บ้าน คอนโดฯ อยู่แล้ว เรามีรายได้จากตรงนี้ ขณะเดียวกันแสนสิริยังสามารถสร้าง Relations กับธนาคารโดยการช่วยลดหนี้ และสามารถนำเงินดังกล่าววนกลับมาปล่อยกู้ให้กับลูกค้าเราได้”
รับจ่ายด้วยคริปโตเคอร์เรนซีที่กำลังศึกษาอยู่
ด้านหนึ่งในกระแสที่มาแรงในวันนี้คือ การรับชำระด้วยคริปโตเคอร์เรนซี ซึ่งวรางคณากล่าวว่ากำลังศึกษาอยู่ โดยเฉพาะความชัดเจนในเรื่องของภาษี หากมีความชัดเจนเมื่อไรแสนสิริคงพร้อมที่จะรับการจ่ายด้วยคริปโตเคอร์เรนซี
โดยเบื้องต้นคริปโตเคอร์เรนซีที่จะรับต้องเป็นสกุลที่ได้รับความนิยม เช่น บิตคอยน์ โดยหากรับจริงแสนสิริจะไม่นำตัวเองไปเสี่ยงโดยการถือเป็นคริปโตฯ แต่จะถูกแลกเปลี่ยนเป็นเงินบาทในทันที ซึ่งจะลดความเสี่ยงให้กับธุรกิจได้
“ตอนนี้แสนสิริยังไม่มีความคิดที่จะเข้าไปลงทุนในคริปโตเคอร์เรนซี เพราะอยากทำเป็น ICO ก่อน เนื่องจากค่อนข้างปลอดภัยทั้งในมุมของแสนสิริและลูกค้าด้วย แต่อย่างไรก็ตามในเรื่องของการลงทุนในคริปโตเคอร์เรนซี เรามีการศึกษาเพื่อเตรียมความพร้อมไว้ตลอดเวลา”
อสังหาฯ ยังได้รับผลกระทบจากโควิด-19
ในส่วนของผลกระทบจากการระบาดของโรคโควิด-19 ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ก็เป็นหนึ่งในธุรกิจที่ได้รับผลกระทบเหมือนธุรกิจอื่นๆ สำหรับแสนสิริได้มีการปรับตัวไปเยอะแล้วในปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะการรักษาสภาพคล่องที่ทำต่อเนื่องมาจนถึงปีนี้
วรางคณาขยายความต่อว่า ปีนี้สิ่งที่เปลี่ยนแปลงไปคือยอมรับว่า จากภาวะเศรษฐกิจเองทำให้ลูกค้ามีกำลังซื้อที่อาจจะลดลง เพราะฉะนั้นในปีนี้โปรดักต์ของแสนสิริที่จะเปิดตัวกว่า 80-90% จะอยู่ในราคาที่จับต้องได้มากขึ้น
“สิ้นเดือนนี้แสนสิริกำลังจะเปิดตัวคอนโดมิเนียมแบรนด์ใหม่ชื่อ เดอะ มูฟ (THE MUVE) แต่เดิมราคาคอนโดฯ ของเราแม้จะเป็นราคาที่ถูกที่สุดก็จะอยู่ประมาณล้านปลายๆ แต่ตัวใหม่อยู่ทำเลใจกลางเมืองแต่ราคาเริ่มต้นอยู่ที่ประมาณ 1.49 ล้านบาท”
ด้านกำลังซื้อกลุ่มที่ยังมีอยู่คือระดับพรีเมียมที่ได้รับผลกระทบน้อย ส่วนระดับกลาง-ล่าง ค่อนข้างเซอร์ไพรส์เหมือนกันคือมียอดขายที่ค่อนข้างดี ซึ่งไม่ใช่แค่แสนสิริเท่านั้น แต่บริษัทอื่นๆ ก็เป็นเหมือนกัน แสดงว่าคนไทยยังมีกำลังซื้ออยู่ แต่สิ่งสำคัญที่มองข้ามไปไม่ได้เลยคือ ต้องมีการมอนิเตอร์ตลอดเวลา เพราะตลาดเปลี่ยนไปค่อนข้างเร็ว
พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์
