×

อ่านเกม Samsung รุกตลาด ‘หน้าจอพับ’ ด้วย Galaxy Z Fold3 และ Z Flip3 บอกอะไรเรา

27.08.2021
  • LOADING...
Samsung Galaxy Z Fold3 Z Flip3

HIGHLIGHTS

8 Mins. Read
  • เมื่อ Samsung เปิดตัว Galaxy Z Fold3 ออกมา ต้องยอมรับว่าพวกเขาทำได้น่าประทับใจมากๆ เมื่อสามารถเอาเพนพอยต์ความต้องการของผู้บริโภคมาพัฒนาเป็นฟีเจอร์ต่างๆ บน Galaxy Z Fold3 ได้ตรงจุด เช่น ความสามารถในการใช้งานปากกา S Pen และความทนทานของหน้าจอและตัวเครื่อง มาตรฐานการทนน้ำ IPX8
  • Samsung เลือกปรับกลยุทธ์รุกตลาดหน้าจอพับได้ด้วยการทำราคาให้ถูกลงจากรุ่นก่อนถึงราวๆ 8,000-12,000 บาท สะท้อนให้เห็นถึงความเข้าใจในสถานการณ์โลก บวกกับการโน้มตัวลงมาหาผู้บริโภคให้ใกล้ชิดกว่าก่อน
  • มีการประเมินจาก Counterpoint Research ว่าภายในปี 2023 ตลาดสมาร์ทโฟนหน้าจอพับได้จะมีสัดส่วนการเติบโตในเชิงการจัดจำหน่ายขยายขึ้นเพิ่มถึง 10 เท่าตัวเลยทีเดียว หรือเทียบเป็นจำนวนเครื่องราว 90 ล้านเครื่องที่ถูกขายทั่วโลก โดย Samsung จะครองแชร์เป็นลำดับหนึ่งที่ 75%

“นี่คือมาตรฐานใหม่ของสมาร์ทโฟน เข้าถึงได้ง่ายขึ้น ทนทานกว่าเดิม และถูกออกแบบในเชิงวิศวกรรมมาเพื่อประสบการณ์แบบไร้รอยต่อสำหรับโลกอนาคต”

 

สิ้นเสียงประกาศกร้าวของ Dr.TM Roh หรือ โรห์แทมุน (Roh Tae-Moon) ประธานฝ่าย โมบายล์ คอมมูนิเคชัน ซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ ในงาน Galaxy Unpacked August 2021 ที่จบลงไปเมื่อวันที่ 11 สิงหาคมที่ผ่านมา ผู้คนทั่วโลก และสาธารณชนได้ยลโฉมสมาร์ทโฟนหน้าจอพับได้รุ่นใหม่ทั้ง 2 โมเดลซีรีส์ Galaxy Z Fold3 และ Z Flip3 อย่างเป็นทางการโดยพร้อมเพรียง

 

แต่ก่อนจะร่ายยาววิเคราะห์การเปิดตัวสมาร์ทโฟนหน้าจอพับได้ทั้ง 2 โมเดลของปีนี้ Galaxy Z Fold3 และ Z Flip3 สะท้อนให้เห็นถึงอะไร และกำลังบอกอะไรเรา? เรามาสรุปสั้นๆ กันอีกสักครั้งว่าทั้ง Galaxy Z Fold3 และ Z Flip3 มีไฮไลต์ที่น่าสนใจในส่วนใดบ้าง

 

สำหรับ Galazy Z Fold3 นับเป็นสมาร์ทโฟนหน้าจอพับได้โมเดลแฟลกชิปไฮเอนด์ในเจเนอเรชันที่ 3 ของซีรีส์ Fold แล้ว มาพร้อมกับไฮไลต์สำคัญคือการซ่อนกล้องหน้าไว้ใต้จอพับด้านในแบบ UDC (Under Display Camera) โดยเคลมว่าเป็นมือถือจอพับได้ที่ซ่อนกล้องไว้ใต้จอสำเร็จเครื่องแรกของโลก ไม่เพียงเท่านั้น จอพับได้ขนาด 7.6 นิ้วใน Z Fold3 ยังถูกออกแบบให้ทนขึ้น และรองรับการใช้ปากกา S Pen จดๆ เขียนๆ วาดภาพลงไปแล้ว

 

ส่วน Galaxy Z Flip ปีนี้ ข้ามจากโมเดล Z Flip2 มาเป็น Z Flip3 ไปเลย เพื่อความง่ายในแง่ของการจำชื่อรุ่นที่จะพ้องไปกับซีรีส์พี่ใหญ่อย่าง Z Fold จุดต่างที่ชัดที่สุดจากรุ่นก่อนหน้าคือการขยายจอสี่เหลี่ยมด้านนอกให้ใหญ่ขึ้นเป็นจอแบบ Informative Screen ขนาด 1.9 นิ้ว (ใหญ่กว่าจอแบบเดิม Indicator ในรุ่นก่อนถึง 4 เท่า เพื่อให้มีประโยชน์ในเชิงการใช้งานกว่าเดิม) เช่น การพรีวิวรูปถ่ายให้คนที่ถูกถ่ายได้เห็น หรือการแสดงผลพรีวิวข้อความโซเชียล เมสเสจต่างๆ และดูตารางการทำงาน เป็นต้น

 

ประเด็นหลักอาจจะไม่ได้อยู่ที่ฟีเจอร์ที่เปลี่ยนไป หรือรูปโฉมภายนอกเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่เรายังจับสัญญาณบางอย่างจากการเปิดตัวทั้ง Galaxy Z Fold3 และ Galaxy Z Flip3 ออกมาว่ามีประเด็นที่น่าสนใจอีกมาก โดยเฉพาะจุดมุ่งหมาย และเป้าหมายที่ Samsung อยากวิ่งไปยังอนาคตข้างหน้าต่อจากนี้ในเส้นทางการแข่งขันของสังเวียนสมาร์ทโฟน

 

Samsung Galaxy Z Fold3 Z Flip3

การใช้งานในโหมด Multi-Active Window ที่เปิดได้สูงสุดพร้อมกัน 3 แอปพลิเคชันบนจอขนาด 7.6 นิ้วในเวลาเดียวกัน คือเอกลักษณ์และลายเซ็นของ Galaxy Z Fold

 

‘รับฟัง’ เสียงผู้บริโภคแล้วปรับตัวเข้ากับสถานการณ์ให้ไว

ข้ามเรื่องการลงรายละเอียดลึกด้านประสบการณ์ความพึงพอใจที่ผู้ใช้งานจะได้รับไปก่อน เพราะถ้าเราว่ากันแค่แฟกต์ในแง่สเปกแบบตรงๆ หลังการเปิดตัว Galaxy Z Fold3 และ Galaxy Z Flip3 เราพบว่า สมาร์ทโฟนหน้าจอพับได้ทั้งสองโมเดลใหม่นี้เป็นสัญญาณชี้วัดที่สะท้อนให้เห็นถึงความตั้งใจของ Samsung ในการอุด ‘รอยรั่ว’ ความต้องการของผู้บริโภคได้เป็นอย่างดี และสมบูรณ์แบบเป็นที่สุดเท่าที่ Samsung จะสามารถทำได้ในเวลานี้

 

เริ่มจากซีรีส์ Fold ก่อน หลังเปิดตัว Galaxy Fold รุ่นแรกไปเมื่อต้นปี 2019 ในฐานะสมาร์ทโฟนหน้าจอพับได้เครื่องแรกของโลกที่งาน Samsung Galaxy Unpacked 2019 เนื่องในวาระฉลองครบรอบ 10 ปีไลน์อัพสมาร์ทโฟนตระกูล Samsung Galaxy 

 

ตอนนั้นสิ่งที่เกิดขึ้นตามมาติดจากเสียงชื่นชมในด้านนวัตกรรม กลับเป็นเสียงวิพากษ์วิจารณ์เรื่องความไม่แข็งแรงมากพอของเทคโนโลยีจอพับ ซึ่งอาจจะยังไม่สมบูรณ์พร้อมเท่าที่ควร (ไม่แปลก เพราะเป็นค่ายผู้พัฒนาสมาร์ทโฟนรายแรกของโลกที่สามารถนำเสนอนวัตกรรมนี้ออกสู่สาธารณชน และมือผู้บริโภคได้สำเร็จ)

 

ไหนจะปัญหาเรื่องฟิล์มปกคลุมบริเวณหน้าจอเครื่อง หรือการที่สิ่งแปลกปลอม หรือฝุ่น สามารถเข้าไปติดบริเวณกลไกบานพับ (Hinge) ได้ง่ายจนเกินไป และอาจนำไปสู่ปัญหาจอแตกหักได้ในที่สุด

 

สิ่งที่ Samsung ไม่รอช้าและเลือกทำทันทีคือการเลื่อนกำหนดการวางจำหน่าย Galaxy Fold ออกไปก่อน และแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นให้ได้รอบด้าน ทั้งความแข็งแรงของหน้าจอ การทำความเข้าใจกับผู้ซื้อเรื่องการห้ามลอกฟิล์มหน้าจอออก เรื่อยไปจนถึงดีเทลเล็กๆ น้อยๆ ที่จะช่วยให้หน้าจอพับได้ของพวกเขาใน Galaxy Fold แข็งแรงขึ้นกว่าเดิม 

 

ในที่สุดอีก 7 เดือนให้หลัง ในเดือนกันยายนปีเดียวกัน Samsung ก็สามารถเข็นสมาร์ทโฟน Galaxy Fold ที่ได้ชื่อว่าเป็นสมาร์ทโฟนหน้าจอพับได้รุ่นแรกของโลกที่ไม่ใช่โมเดลโปรโตไทป์ แต่เป็น Fully Commercial Product แบบ 100% วางจำหน่ายให้กับผู้ที่สนใจ และใฝ่ฝันในนวัตกรรมหน้าจอพับได้ได้จริงๆ

 

ตามมาด้วยการเปิดตัว Galaxy Z Fold2 เมื่อปีที่แล้ว พร้อมการปรับขนาดหน้าจอให้ใหญ่ขึ้นเป็น 7.6 นิ้ว (ใหญ่กว่าโมเดลแรก 0.3 นิ้ว) และเพิ่มความแข็งแรงทนทานให้กับกลไกบานพับ Hideaway Hinge ที่ทำให้ Galaxy Z Fold2 สามารถกางเครื่องออกได้ที่ระดับ 75-115 องศา เพื่อตั้งใช้งานบนพื้นราบได้ในองศาที่หลากหลายไม่จำกัดแค่การกางและพับเท่านั้น

 

แต่สุดท้ายแล้ว ความต้องการของผู้บริโภคที่คาดหวังจาก Samsung ก็ยังขยายขอบเขตออกไปเรื่อยๆ และก็ต้องยอมรับว่าไม่ใช่สิ่งที่ผิดหรือแปลก เนื่องจากผู้ใช้งานสมาร์ทโฟนในไลน์อัพ Galaxy Z Fold เป็นกลุ่มผู้บริโภคที่ยินดีที่จะจ่ายเงินเพื่อให้พวกเขาได้มาซึ่งเทคโนโลยีที่ดีที่สุดอยู่แล้ว (สนนราคาจำหน่ายที่ 69,900 บาททั้ง Galaxy Fold และ Galaxy Z Fold2)

 

ตอนนั้นผู้เขียนจำได้ว่า เรื่องความแข็งแรงทนทานของ Galaxy Z Fold2 นั้น Samsung ได้พัฒนามาจนถึงจุดที่ทำให้ผู้ใช้งานจำนวนมากรู้สึก ‘สบายใจ’ และอุ่นใจได้แล้ว แต่เมื่อเป็นแฟลกชิประดับไฮเอนด์ คนใช้ Galaxy Z Fold2 จึงคาดหวังว่าสมาร์ทโฟนของพวกเขาจะต้องรองรับฟีเจอร์การใช้งานที่หลากหลายด้วย และหนึ่งในนั้นก็คือ ‘การทำงานร่วมกับปากกา S Pen’ ซึ่งเป็นเหมือน Signature Iconic ฟีเจอร์ที่มีมาใน Galaxy Note Series มาอย่างยาวนาน และได้รับการยอมรับจากอุตสาหกรรมสมาร์ทโฟนโลก

 

แม้จะยังไม่แน่ชัด แต่เราเชื่อว่า Samsung เองเล็งเห็นและมองถึงความเป็นไปได้ในการพัฒนาฟีเจอร์นี้ให้กับเจ้า Galaxy Z Fold Series มานานแล้ว เพียงแต่ด้วยปัจจัยของการเป็นหน้าจอพับได้ ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ยังค่อนข้างมีความใหม่มากๆ  ไม่แปลกที่พวกเขาจะต้องใช้ระยะเวลาในการซุ่มพัฒนายาวนานเป็นพิเศษ

 

กระทั่งต้นปีที่ผ่านมาที่ Samsung ได้เปิดตัว Galaxy S21 Ultra 5G ซึ่งมาพร้อมกับความสามารถในการรองรับการใช้งานปากกา S Pen บวกกับข่าวยืนยันที่ว่าพวกเขาจะไม่เปิดตัว Galaxy Note Series ใหม่ออกมาในปีนี้ ก็ยิ่งทำให้ความคาดหวังในตัว Galaxy Z Fold Series เพิ่มสูงขึ้นมากเป็นพิเศษ เพราะนั่นจะเท่ากับว่า Galaxy Z Fold จะเป็นซีรีส์แฟลกชิปลำดับสุดท้ายของ Samsung ส่งท้ายศักราช 2021 นี้พอดี 

 

และแล้วเมื่อ Samsung เปิดตัว Galaxy Z Fold3 ออกมา ก็ต้องยอมรับว่าพวกเขาทำได้น่าประทับใจมากๆ เมื่อสามารถเอาเสียงเรียกร้อง เพนพอยต์ความต้องการของผู้บริโภคมาพัฒนาเป็นฟีเจอร์ต่างๆ บน Galaxy Z Fold3 ให้ครอบคลุมรอบด้านมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้

 

ที่ชัดที่สุดคือความสามารถในการรองรับปากกา S Pen (แต่ปากกายังต้องซื้อแยก และตัวเครื่องไม่มีช่องเก็บปากกา) ที่น่าจะตอบโจทย์ผู้ใช้งานกลุ่มผู้บริหารเป็นอย่างมาก รวมถึงบรรดานักลงทุนที่ถนัดกับการจดบันทึก การเทรดหุ้น เทรดคริปโตฯ ที่ทำให้คุณสามารถพอร์ตกราฟ หรือเก็บรายละเอียดข้อมูลต่างๆ ได้สะดวกขึ้นมากๆ (ต้องใช้ S Pen ที่ใช้งานกับ Galaxy Z Fold3 ได้เท่านั้น ไม่สามารถใช้ S Pen จาก Galaxy S21 มาใช้งานด้วยได้)

 

Samsung Galaxy Z Fold3 Z Flip3

จุดขายใน Galaxy Z Fold3 คือการเพิ่มความสามารถให้รองรับการใช้งานคู่กับปากกา S Pen หลังจากที่มีผู้ใช้งานจำนวนมากเรียกร้องมาตั้งแต่รุ่นก่อนๆ

 

ส่วนตัว Galaxy Z Flip3 ก็ไม่น้อยหน้า หลังจากที่โมเดลแรกมาพร้อมกับจอด้านนอกใกล้แถบกล้องหลังแบบ Indicator Screen ซึ่งประโยชน์เชิงการใช้งานได้จริงค่อนข้างน้อยมากๆ มาคราวนี้พวกเขาก็นำเอาความคิดเห็นของผู้ใช้งานไปปรับต่อยอด จนพัฒนาออกมาเป็นจอนอกแบบ Informative Screen ขนาด 1.9 นิ้ว ที่สามารถดูภาพพรีวิวถ่ายรูปได้ใหญ่ขึ้น เช็กข้อความ ข้อมูล รายละเอียดต่างๆ ได้ในแบบที่ดีกว่าเก่าสุดๆ

 

ขณะที่ราคาจำหน่าย (Price Point) ก็เป็นอีกจุดที่ Samsung ทำให้เห็นว่าพวกเขาไม่ได้เอาตัวเองเป็นศูนย์กลางที่ตั้งในแง่การพัฒนาสินค้าออกมาจำหน่ายในท้องตลาด โดยเฉพาะในช่วงสภาวะวิกฤตโรคระบาดและเศรษฐกิจเช่นนี้ ที่ผู้คนอาจมีกำลังจับจ่ายน้อยลง ประกอบกับตัวเทคโนโลยีเองก็เริ่มพัฒนาขึ้นเรื่อยๆ (ต้นทุนเทคโนโลยีเริ่มมีราคาถูกลง)

 

นั่นจึงทำให้ทั้ง Galaxy Z Fold3 และ Z Flip3 ที่เปิดตัวออกมาในคราวนี้ มีราคาวางจำหน่ายที่ถูกลงกว่ารุ่นก่อนหน้าแทบทั้งสิ้น

 

  • Z Fold3 ถูกลงจากรุ่นก่อนถึง 12,000 บาท และ 8,000 บาท โดยวางจำหน่ายด้วยราคาเปิดตัวที่ 57,900 บาท (256GB) และ 61,900 บาท (512GB) (Galaxy Fold และ Galaxy Z Fold2 เปิดตัวที่ 69,900 บาท) ซึ่งเป็นครั้งแรกที่โมเดล Z Fold มีขนาดความจุมาเป็นทางเลือกให้กับผู้ใช้งาน
  • Z Flip3 ถูกลงจากรุ่นก่อนถึง 10,000 บาท และ 8,000 บาท โดยวางจำหน่ายด้วยราคาเปิดตัวที่ 34,900 บาท (128GB) และ 36,900 บาท (256GB) (Galaxy Z Flip เปิดตัวที่ 44,900 บาท)

 

Samsung Galaxy Z Fold3 Z Flip3

จอ Informative Screen ขนาด 1.9 นิ้ว บน Galaxy Z Flip3 ที่ใช้ประโยชน์ได้หลากหลายกว่าเดิม

 

พัฒนาจริง วางจำหน่ายได้จริง กลยุทธ์ดันตัวเองสู่การเป็นเจ้าตลาดนวัตกรรมสมาร์ทโฟนของ Samsung

อย่างที่ได้กล่าวไปในตอนต้นของบทความชิ้นนี้ จุดตัดที่ทำให้ภาพลักษณ์ของ Samsung ในแง่การเป็นผู้นำนวัตกรรมหน้าจอพับได้ และนวัตกรรมอื่นๆ ของอุตสาหกรรมสมาร์ทโฟน ณ เวลานี้ คือการที่พวกเขาสามารถพัฒนาสินค้าหรือเทคโนโลยีนั้นๆ ไปจนถึงขั้นที่สามารถจัดจำหน่ายส่งตรงนวัตกรรมทั้งหลายไปอยู่ในมือผู้บริโภค ผู้ใช้งานได้จริง โดยไม่ทิ้งเรื่องคุณภาพของสินค้า และประสิทธิภาพขั้นสูงสุด

 

ซึ่งในประเด็นนี้ เราจะเห็นว่าที่ผ่านมา ค่ายผู้พัฒนาสมาร์ทโฟนจากจีนก็สามารถพัฒนา Concept Idea จอพับ หรือยืดหดที่หลากหลายไม่ต่างจาก Samsung เช่นกัน แต่ส่วนใหญ่ก็ยังคงเป็น Prototype ต่างจาก Samsung ที่ชิงเริ่มนับหนึ่งประเดิมสนามได้เร็วกว่าใคร

 

นั่นจึงทำให้อิมเมจ หรือภาพลักษณ์ Samsung ถูกติดป้ายว่าเป็นค่ายสมาร์ทโฟนผู้พัฒนาหน้าจอพับได้ (Foldable Smartphone) ได้อย่างโดดเด่น และชัดเจนที่สุดในท้องตลาด ทิ้งห่างคู่แข่งหลายเจ้าไปหลายช่วงตัว

 

นีล ชาห์ (Neil Shah) รองประธานฝ่ายวิจัยของ Counterpoint Research แสดงความเห็นและทรรศนะที่น่าสนใจในช่วงเปิดตัว Galaxy Z Fold3 และ Z Flip3 เอาไว้ว่า “ที่ผ่านมากลยุทธ์การเปิดตัวสมาร์ทโฟนรุ่นเรือธงแบบคู่ขนานของ Samsung มักจะแบ่งเซกเมนต์ได้ชัดเจนมาโดยตลอด ตั้งแต่ S Series ที่นำเสนอฟีเจอร์ที่ใหม่และยอดเยี่ยมที่สุด ตามมาด้วย Note Series ที่ให้ความสำคัญกับขนาดจอที่ใหญ่ขึ้น รองรับการใช้งานคู่กับปากกา ตอบโจทย์มิติด้านโปรดักต์ทิวิตี้ได้อย่างหลากหลาย”

 

อย่างไรก็ดี ชาห์บอกว่าสมาร์ทโฟนจอบิ๊กขนาด 6 นิ้วหรือมากกว่าจากทั้ง S Series และ Note Series ได้กลายเป็นเรื่องธรรมดา (Norm) ของอุตสาหกรรมไปแล้ว ซึ่งตัว Note เองก็สูญเสียจุดต่างในเรื่องของความสามารถในการรองรับการใช้งานคู่กับปากกาไป (S21 รองรับการใช้งานปากกา S Pen ได้ จึงทำให้นักวิเคราะห์หลายคนประเมินว่า ความจำเป็นในการเปิดตัว Note Series โมเดลใหม่ในปีนี้จึงอาจจะพลอยลดลงไปด้วย)

 

“ดังนั้นผมมองว่า การแทนที่สมาร์ทโฟนในตระกูล Note Series ของ Samsung ด้วยสมาร์ทโฟนกลุ่มหน้าจอพับได้ ซึ่งเป็นปัจจัยใหม่ (เพิ่มความต่างในแง่ดีไซน์ และความพรีเมียมของตัวผลิตภัณฑ์) ซึ่งมาพร้อมกับจอที่ใหญ่ขึ้น และความสามารถในการใช้งานคู่กับปากกา S Pen จึงทำให้ Samsung สามารถฉีกตัวเองจากคู่แข่ง และตลาดสมาร์ทโฟนแบบพรีเมียมทั่วๆ ไปได้ในเวลาเดียวกันอย่างมีนัยสำคัญ” 

 

ตรงตามทรรศนะของนักวิเคราะห์จาก Counterpoint Research เป๊ะๆ การเปิดตัว Galaxy Z Fold3 และ Z Flip3 ในครั้งนี้ของ Samsung ไม่เพียงแต่จะทำให้ภาพลักษณ์ความเป็นผู้นำตลาดสมาร์ทโฟนหน้าจอพับได้ชัดเจนขึ้นเท่านั้น แต่ยังทำให้พวกเขาสามารถยกระดับเซกเมนต์พรีเมียมของตัวเองให้มีความไฮเอนด์ และก้าวขึ้นไปอีกระดับ จนทำให้คู่แข่งจำนวนไม่น้อยต้องชำเลืองมองตาปริบๆ

 

ในแง่ความต้องการของ Samsung จริงอยู่ที่พวกเขาตั้งเป้าจะสร้าง Brand Image ของการเป็นเจ้านวัตกรรมที่แข็งแกร่งผ่านการเปิดตัวสมาร์ทโฟนหน้าจอพับได้ แต่ในมิติเชิงคู่ขนานไปพร้อมๆ กัน พวกเขายังให้ความสำคัญกับผู้บริโภคเป็นอย่างมากอีกด้วย

 

Samsung Galaxy Z Fold3 Z Flip3

โรห์แทมุน (Roh Tae-Moon) ประธานฝ่าย โมบายล์ คอมมูนิเคชัน ซัมซุง อิเลคโทรนิคส์

 

ครั้งหนึ่งในช่วงก่อนจะเปิดตัว Galaxy Z Fold3 5G และ Z Flip3 5G โรห์แทมุน (Roh Tae-Moon) ประธานฝ่าย โมบายล์ คอมมูนิเคชัน ซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ เคยให้สัมภาษณ์เอาไว้ว่า ความตั้งใจของเขาและ Samsung ในการพัฒนาสมาร์ทโฟนนวัตกรรมหน้าจอพับได้ออกมาก็เพราะ Samsung ยึดถือคติที่ว่า ‘ผู้คน’ คือหัวใจและศูนย์กลางของทุกสิ่ง เวลาที่จะพัฒนานวัตกรรม

 

“เรารับฟังพวกคุณทุกคนอยู่เสมอเพื่อให้มั่นใจได้ว่า ทุกๆ อุปกรณ์ดีไวซ์และประสบการณ์ที่เราพัฒนาขึ้นมานั้นจะสะท้อนให้เห็นว่าเราได้สรรสร้างนวัตกรรมที่มีความหมายจริงๆ เราอยากเติมเต็มประสบการณ์ให้กับทุกๆ ชีวิต ผ่านกล้องที่ยอดเยี่ยม มุมมองภาพผ่านหน้าจอแบบเต็มอิ่ม คมชัดสวยงาม และแบตเตอรี่ที่อึด รวมถึงความปลอดภัยของระบบตัวเครื่อง เราให้ความสำคัญโฟกัสเฉพาะแต่สิ่งที่มีความหมายกับคุณจริงๆ

 

“ผมรู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างมากที่จะบอกว่า สมาร์ทโฟนหน้าจอพับได้ในเจนที่ 3 ของเราจะเปิดประสบการณ์การใช้งานสมาร์ทโฟนแบบ Multitasking ที่น่าอัศจรรย์ เสริมไปด้วยความแข็งแรง คงทน ให้กับผู้คนทั่วโลก”

 

อย่างไรก็ดี ประเด็นสำคัญที่เราเชื่อว่า Samsung เองจะประมาทไม่ได้เป็นอันขาด คือภาพรวมตลาดสมาร์ทโฟนทั่วโลก ที่ ณ เวลานี้ (นับจนถึงไตรมาส 2/2021) แม้พวกเขาจะยังคงเป็นเจ้าตลาดในลำดับที่ 1 อยู่ จากยอดจัดส่งสมาร์ทโฟนทั่วโลกที่ 58 ล้านเครื่อง แต่ส่วนแบ่งในตลาดของพวกเขาก็ลดลงมาอยู่ที่ 18% (-2% จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว)

 

ส่วนคู่แข่งก็กำลังไล่กวดชนิดหายใจรดต้นคอในสามอันดับแรกหรือ Top 3 เจ้าตลาดสมาร์ทโฟนโลกกันแบบดุเดือด ซึ่งต่างฝ่ายต่างก็ต้องแข่งขันกันงัดนวัตกรรมในห้อง R&D ที่พวกเขาซุ่มพัฒนาอยู่เข็นออกมาเขย่าความตื่นเต้นให้กับผู้บริโภคและตลาดให้ได้อย่างต่อเนื่อง เพื่อขับเคี่ยวห้ำหั่นกันชนิดถึงพริกถึงขิง และช่วงชิงความเป็นผู้นำเจ้าตลาดดังที่ Samsung ครองบัลลังก์อยู่ในตอนนี้

 

เพราะฉะนั้น นอกเหนือจากความต่างและความโดดเด่นในแง่ของการเป็นผู้นำนวัตกรรมสมาร์ทโฟน Samsung ก็จะต้องรักษาความเหนียวแน่นและโพสิชันของตัวเองในการเป็นผู้นำตลาดสมาร์ทโฟนโลกให้ได้ด้วยเช่นกัน ซึ่งประเด็นนี้เองก็ถือเป็นความท้าทายที่หลายฝ่าย และนักวิเคราะห์ทั่วโลกกำลังให้การจับตามองมากเป็นพิเศษ 

 

 

จับตาตลาดสมาร์ทโฟนหน้าจอพับได้ เมื่อ Samsung หวังสร้างมาตรฐานใหม่ ด้านนักวิเคราะห์เชื่อตลาดโตอีก 10 เท่าใน 2 ปี

การที่แม่ทัพใหญ่ของ Samsung กล้าเคลมในงานเปิดตัว Unpacked ว่า Galaxy Z Fold3 และ Z Flip3 จะเป็นเหมือนการ Set New Standard ของวงการสมาร์ทโฟนโลกนั้น ย่อมพิสูจน์ให้เห็นว่าพวกเขามองเห็นสัญญาณอะไรบางอย่างที่น่าสนใจ

 

หนึ่งคือ การที่พวกเขาพาตัวเองเข้ามาเปิดตลาดนี้ได้เร็วกว่าใคร ย่อมไม่แปลกที่ในอนาคตอาจจะมีคู่แข่งในตลาดอีกไม่น้อยที่เปิดตัวผลิตภัณฑ์ในเซกเมนต์จอพับ หรือยืดหด ที่มีรูปแบบการใช้งานเป็นเหมือนไฮบริด Phablet นี้

 

แต่อีกความหมายหนึ่งคือ เมื่อ Samsung สร้างภาพจำในการเปิดตัวหน้าจอพับได้ออกสู่ตลาดจนเจนจัด ย่อมหมายความว่าในอนาคตข้างหน้า หากพวกเขาเปิดตัวสมาร์ทโฟนหน้าจอพับ ฯลฯ ที่มีรูปแบบการใช้งานใหม่ๆ ที่สร้างสรรค์ออกมาอีก ก็อาจจะทำให้ผู้เล่นในตลาดรายอื่นๆ ต้องจับตา และพัฒนาออกมาให้ได้เหมือนๆ กับพวกเขานั่นเอง ตัวอย่างเช่น การพัฒนาให้ใช้งานคู่ปากกา หรือการซ่อนกล้องใต้จอ เป็นต้น (เหมือนที่ก่อนหน้านี้ คู่แข่งอย่าง Apple เคยได้รับการยอมรับในเชิงการ Set Standard ให้กับโลกสมาร์ทโฟน ผ่านทั้งรอยบาก Notch, กล้องหลายตัว หรือการสแกนหน้าผ่านสมาร์ทโฟนมาก่อน ทั้งๆ ที่มีค่ายอื่นทำมาก่อนแล้ว)

 

ซึ่งเราเชื่อว่านั่นคือนิยามความหมายการสร้างมาตรฐานใหม่ของโลกสมาร์ทโฟนที่แท้จริงที่ โรห์แทมุน ต้องการจะสื่อ

 

ปิดท้ายด้วยงานวิจัยในตลาดสมาร์ทโฟนหน้าจอพับได้จาก Counterpoint Research ที่น่าจะฉายภาพรวมแนวโน้มตลาดสมาร์ทโฟนหน้าจอพับได้ที่น่าจะเกิดขึ้นต่อจากนี้ได้เป็นอย่างดี โดย Counterpoint Research เชื่อว่า ภาพรวมการจัดจำหน่ายสมาร์ทโฟนหน้าจอพับได้ในปีนี้จะยังทรงตัวที่ราวๆ 9 ล้านเครื่อง (โต 3 เท่าจากปี 2020) ซึ่ง Samsung ยังครองแชร์ใหญ่ในตลาดที่ 88%

 

อย่างไรก็ดี พวกเขาประเมินว่าภายในปี 2023 ตลาดสมาร์ทโฟนหน้าจอพับได้จะมีสัดส่วนการเติบโตในเชิงการจัดจำหน่ายขยายเพิ่มขึ้นถึง 10 เท่าตัวเลยทีเดียว สะท้อนจากการที่ OEMs ผู้รับผลิตหลายรายก็เริ่มเบนเข็มมาในทิศทางนี้มากขึ้น โดยคาดว่าเจ้าตลาดก็จะยังคงเป็น Samsung เจ้าเดิมที่มีแชร์ในสัดส่วน 75%

 

สำคัญที่สุดคือการที่ Counterpoint Research ชี้ว่า กลยุทธ์การเพิ่มดีไซน์การใช้งานให้ตอบโจทย์หลากหลายของ Samsung ผ่าน Galaxy Z Fold3 และ Z Flip3 เพื่อเจาะตลาดกลุ่มคนรุ่นใหม่ และโน้มตัวลงมาหาพวกเขาด้วยราคาที่เป็นมิตรมากขึ้นก็จะทำให้ผู้บริโภค และทั้งตลาดเริ่มมีกำลังที่จะ Adopt เทคโนโลยีของพวกเขาได้ง่ายขึ้นตามไปด้วย

 

ดูเหมือนว่าสงครามสมาร์ทโฟนหน้าจอพับได้นี้เริ่มจะฉายแววความสนุกมากขึ้นเรื่อยๆ แล้ว ที่เหลือต่อจากนี้ ผู้บริโภคอย่างเรามีแต่ได้กับได้ล้วนๆ กับการได้สัมผัสนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยขึ้นเรื่อยๆ ด้วยราคาที่เริ่มจับต้องได้จริงเช่นกัน

FYI
  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising