วุฒิสภาสหรัฐฯ ผ่านร่างกฎหมายคุ้มครองสมรสเท่าเทียม หวั่นศาลสูงล้มล้างคำตัดสินเมื่อปี 2015

วานนี้ (29 พฤศจิกายน) วุฒิสภาสหรัฐอเมริกา ภายใต้การนำของรองประธานาธิบดีคามาลา แฮร์ริส ในฐานะประธานวุฒิสภาที่พรรคเดโมแครตยังคงครองเสียงข้างมากในสภาสูงนี้อยู่ ได้มีมติผ่านร่างกฎหมายคุ้มครอง ‘สมรสเท่าเทียม’ เนื่องจากหวั่นเกรงว่า ศาลสูงสหรัฐฯ ที่มีสมาชิกคณะตุลาการจากฝั่งรีพับลิกันครองเสียงข้างมากอยู่นั้น จะกลับคำตัดสินที่เคยมีมติให้ผู้มีความหลากหลายทางเพศ (LGBTQIAN+) ในสหรัฐฯ สามารถสมรสกันได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย ตั้งแต่ปี 2015 เป็นต้นมา

โดยร่างกฎหมายดังกล่าว กำหนดให้รัฐบาลกลางสหรัฐฯ จะต้องรับรองการสมรสที่จัดขึ้นอย่างถูกต้องตามกฎหมายของรัฐนั้นๆ เพื่อป้องกันการลิดรอนสิทธิของกลุ่ม LGBTQIAN+ ในสังคมอเมริกัน หากศาลสูงสหรัฐฯ ปรับเปลี่ยนท่าทีและต่อต้านการสมรสของคู่รักเพศเดียวกันในอนาคต

ทางด้าน ชัค ชูเมอร์ ผู้นำเสียงข้างมากในสภาสูงสหรัฐฯ จากพรรคเดโมแครต ระบุว่า “วันนี้แม้จะเป็นการเดินทางที่ยาวนาน แต่ก็ไม่อาจหยุดยั้งการก้าวไปสู่ความเท่าเทียมกันที่มากยิ่งขึ้น ก้าวหน้ายิ่งขึ้นได้”

นอกจากนี้ชูเมอร์ยังแถลงการณ์อีกว่า “การผ่านร่างกฎหมายฉบับนี้ วุฒิสภาสหรัฐฯ กำลังส่งข้อความที่พลเมืองอเมริกันทุกๆ คนจำเป็นต้องได้ยินและได้รับรู้ว่า ไม่ว่าคุณจะเป็นใคร หรือไม่ว่าคุณจะรักใคร คุณก็สมควรได้รับศักดิ์ศรีและการปฏิบัติที่เท่าเทียมกันภายใต้หลักกฎหมาย”

ร่างกฎหมายคุ้มครองสมรสเท่าเทียมนี้ ได้รับมติสนับสนุน 61 ต่อ 36 เสียง จากทั้งหมด 100 เสียง โดยมีวุฒิสมาชิก 3 รายที่งดออกเสียง ขณะที่มีสมาชิกวุฒิสภาสหรัฐฯ จากพรรครีพับลิกัน 12 ราย ตัดสินใจโหวตสนับสนุนร่างกฎหมายนี้ร่วมกันกับสมาชิกวุฒิสภาจากพรรคเดโมแครตอีกจำนวน 49 ราย ซึ่งร่างกฎหมายที่ได้รับการอนุมัตินี้ จะส่งต่อไปยังประธานาธิบดีโจ ไบเดน เพื่อให้ลงนามในกฎหมายต่อไป

เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ศาลสูงสหรัฐฯ มีมติล้มล้างคำตัดสินในคดีที่รู้จักกันในชื่อ Roe v. Wade ที่เคยเกิดขึ้นเมื่อปี 1973 หรือราวครึ่งศตวรรษก่อน โดยคณะตุลาการในวันนั้นมีมติ 7 ต่อ 2 เสียง พิพากษาให้การยุติการตั้งครรภ์ของผู้หญิงเป็นสิทธิตามรัฐธรรมนูญ จึงทำให้คำตัดสินในคดีดังกล่าวนั้น ผูกโยงอยู่กับสิทธิการทำแท้งเสรีในสังคมอเมริกันมานานเกือบ 50 ปี แต่การกลับคำตัดสินที่เกิดขึ้นช่วงกลางปี 2022 จะทำให้การทำแท้งในสหรัฐฯ ไม่เสรีอีกต่อไป แต่ละรัฐสามารถสั่งห้ามการทำแท้งได้ และคาดว่ารัฐต่างๆ ในสหรัฐฯ ราวครึ่งหนึ่งจะออกกฎหมายผลักดันให้การทำแท้งเป็นสิ่งผิดกฎหมาย

โดย คลาเรนซ์ โทมัส หนึ่งในสมาชิกคณะตุลาการศาลสูงสุดของสหรัฐฯ ที่ได้รับการแต่งตั้งในสมัยของอดีตประธานาธิบดีจอร์จ บุช ผู้พ่อ และดำรงตำแหน่งสำคัญนี้มานานกว่า 31 ปี เคยแสดงจุดยืนว่า นอกจากคดีที่เกี่ยวกับการทำแท้งเสรีแล้ว ศาลสูงสหรัฐฯ ควรพิจารณาเกี่ยวกับคำตัดสินคดีเก่าๆ ที่เกี่ยวโยงกับการปกป้องเสรีภาพของปัจเจกชนในประเด็นอื่นๆ อาทิ มติเห็นชอบผ่านร่างกฎหมายสมรสเท่าเทียมเมื่อปี 2015 ซึ่งนี้อาจเป็นหนึ่งในเหตุผลสำคัญที่ทำให้รัฐบาล สภาล่าง และสภาสูงสหรัฐฯ ภายใต้การนำของพรรคเดโมแครตในช่วงเวลานี้ ผ่านร่างกฎหมายคุ้มครองความแตกต่างหลากหลายของผู้คนในสังคมอเมริกันฉบับนี้

แฟ้มภาพ: Josh Edelson / AFP

อ้างอิง: