×

Ryan Gosling กับการสร้างนิยามใหม่ของนักแสดงฮอลลีวูดที่ไม่ขอเดินตามใคร

12.11.2017
  • LOADING...

HIGHLIGHTS

6 Mins. Read
  • ไรอัน กอสลิง เกิดที่ประเทศแคนาดา ในครอบครัวที่พ่อเป็นเซลขายกระดาษ โดยชีวิตในวัยเด็กของไรอันถือได้ว่าซับซ้อนและมีความเคร่งครัด เพราะครอบครัวนับถือนิกายมอรมอนของศาสนาคริสต์
  • ตอนอายุ 12 ขวบ ไรอันได้ไปออดิชันรายการวาไรตี้โชว์ The Mickey Mouse Club ของ Disney Channel และได้รับเลือกให้เป็นหนึ่งในสมาชิกของรายการร่วมกับบริตนีย์ สเปียร์ส, คริสตินา อากีเลรา และจัสติน ทิมเบอร์เลก
  • พอจบเรื่อง The Notebook ไรอันไม่ได้เล่นเกมดั้งเดิมของฮอลลีวูดด้วยการรับเล่นบทพระเอกหล่อและภูมิฐาน แต่ไรอันกลับเลือกเล่นหนังทุนต่ำแค่ 700,000 เหรียญสหรัฐ เรื่อง Half Nelson ในปี 2006 กับบทบาทอาจารย์ที่มีอาการติดยา
  • บทบาทที่ไรอันชื่นชอบที่สุดตลอดชีวิตก็คือบทพ่อของลูกสาว 2 คน เอสเมอรัลดา อแมดา กอสลิง และอแมดา ลี กอสลิง ชีวิตจริงของเขากับคู่ชีวิต อีวา เมนเดส ซึ่งไรอันกับอีวาถือได้ว่าเป็นคู่ดาราฮอลลีวูดที่มีความส่วนตัวสูงสุดในวงการก็ว่าได้

Drake คือหนึ่งในแรปเปอร์ที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดตลอดกาล, The Weeknd คือคนที่ยอดเพลงถูกสตรีมมากกว่าห้าพันล้านครั้งปีที่แล้ว, จิม แคร์รีย์ คือนักแสดงตลกที่เรียกว่าเป็น ‘ตำนาน’, เซลีน ดิออน คือนักร้องสาวดิวาที่ยังขายตั๋วหมดทุกคอนเสิร์ต, จัสติน ทรูโด เป็นประธานาธิบดีแบบอย่างของโลกยุค 4.0, ส่วนอีกหนึ่งจัสตินอย่าง จัสติน บีเบอร์ ก็ไม่ต้องพูดเยอะเรื่องความสำเร็จ

     

ทำไมถึงต้องพูดถึงคนเหล่านี้? เหตุผลง่ายๆ พวกเขาคือชาวแคนาดาทั้งหมดที่ต่างเป็นตัวแปรสำคัญบนเวทีโลกในหลากหลายแขนง แต่ก็มีอีกหนึ่งคนที่ต้องพูดถึง นั่นก็คือ ไรอัน กอสลิง (Ryan Gosling) นักแสดงชายระดับแถวหน้าของฮอลลีวูดที่ผู้ชายหลายคนอยากเป็นเพื่อน ส่วนผู้หญิงทั่วโลกก็ได้ตั้งรูปเขาเป็นวอลล์เปเปอร์มือถือ และอยากถาม อีวา เมนเดส (Eva Mendes) ว่า “ชาติที่แล้วเธอทำบุญมาด้วยอะไร?”

 

รายการ The Mickey Mouse Club (ไรอันอยู่ซ้ายล่างติดกับบริตนีย์ สเปียร์ส)

 

 

ไรอัน กอสลิง เกิดเมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน 1980 เมืองลอนดอน รัฐออนโตริโอ ประเทศแคนาดา คุณพ่อทำงานเป็นเซลขายกระดาษ ชีวิตในวัยเด็กของไรอันถือได้ว่ามีความซับซ้อนและมีความเคร่งครัด เพราะครอบครัวนับถือนิกายมอรมอนของศาสนาคริสต์ พอไปโรงเรียน ไรอันก็เจอปัญหาโดนกลั่นแกล้งจากเพื่อนๆ ทั้งยังเคยเป็นโรคสมาธิสั้น (ADHD) จนตอนหลังแม่เขาตัดสินใจสอนหนังสือไรอันเองที่บ้าน

     

แต่สิ่งที่ไรอันหลงรักและมีความสามารถคือการแสดงออก ซึ่งตอนอายุ 8 ขวบ ไรอันได้เริ่มทำงานเป็นนักร้องสมัครเล่นตามงานแต่งงาน ร้องคู่กับพี่สาวและคุณน้าที่เป็นเอลวิส เพรสลีย์ตัวปลอม พออายุ 12 ขวบ ไรอันก็ได้ไปออดิชันรายการวาไรตี้โชว์ The Mickey Mouse Club ของ Disney Channel และก็ได้รับเลือกให้เป็นหนึ่งในสมาชิกของรายการ ร่วมกับบริตนีย์ สเปียร์ส, คริสตินา อากีเลรา และจัสติน ทิมเบอร์เลก ในปี 1993 ด้วยความที่รายการถ่ายทำกันที่ Walt Disney World Resort ที่รัฐฟลอริดา สหรัฐอเมริกา ไรอันกับแม่จึงต้องย้ายมาที่นี่ ระหว่างนั้นไรอันกับจัสติน ทิมเบอร์เลกก็สนิทกันมาก จน 6 เดือนหลังของรายการ แม่ของจัสตินต้องเป็นผู้ปกครองตามกฎหมาย (Legal Guardian) ให้ไรอัน เพราะช่วงนั้นคุณแม่ของเขาต้องย้ายกลับไปทำงานที่ประเทศแคนาดา

     

พอรายการ The Mickey Mouse Club จบลง ไรอันกลับไม่ได้เลือกเส้นทางสายดนตรีทีนป๊อปเหมือนสมาชิกคนอื่นๆ ที่ประสบความสำเร็จอย่างถล่มทลาย แต่เขาเลือกงานแสดง และสนใจจะเป็นนักแสดงเต็มตัว ไรอันเริ่มไปแสดงรายการโทรทัศน์สำหรับเด็ก ทั้ง Goosebumps (1996) ที่ดัดแปลงจากหนังสือยอดฮิตของ R.L. Stine และซีรีส์เรื่อง Young Hercules (1998-1999) ที่ไปถ่ายทำไกลถึงประเทศนิวซีแลนด์ จนมาถึงช่วงหนึ่งที่ไรอันเจอปัญหาว่าผู้คนติดภาพลักษณ์การเป็นนักแสดงเด็กของเขา ทำให้พลาดบทบาทที่ดูโตเป็นผู้ใหญ่

 

The Notebook (2004)

Half Nelson (2006)

 

หลังปี 2000 เข้าสหัสวรรษใหม่ ไรอันก็วิวัฒนาการตัวเองและเริ่มโชว์ชั้นเชิงกับบทบาทที่เขาเลือกเล่น โดยไม่ได้เลือกไปทางหนังใหญ่ทุนหนาที่เป็นบันไดทางลัดสำหรับนักแสดงฮอลลีวูด (ซึ่งแน่นอนว่าพลาดก็ตกลงมาง่ายเช่นกัน) ในปี 2001 ไรอันเลือกรับบทนีโอนาซีเชื้อสายยิวในหนังเรื่อง The Believer พอปี 2002 ก็รับบทเป็นมือสังหารในหนัง Murder by Numbers ที่เล่นคู่กับ แซนดรา บูลล็อก ซึ่งทั้งคู่คบหากันในชีวิตจริงด้วย

     

ในปี 2004 ไรอันก็โชว์อีกมิติหนึ่งกับการเล่นเป็นพระเอกหนังโรแมนติกเรื่อง The Notebook คู่กับราเชล แม็กอาดัมส์ ที่ดัดแปลงจากหนังสือของนิโคลัส สปาร์ก หนังเรื่องนี้มาพร้อมฉากจูบในสายฝนสุดคลาสสิก และเป็นจุดเปลี่ยนในฐานะนักแสดงของไรอันที่ทำให้เขาเริ่มขยับจากปลายแถวของฮอลลีวูดมาอยู่หน้าแถวและเริ่มเป็นที่หมายปองในวงการ

     

แต่สิ่งที่น่าชื่นชม คือ พอจบเรื่อง The Notebook ไรอันกลับไม่ยอมเล่นเกมดั้งเดิมของฮอลลีวูด ด้วยการรับบทพระเอกหล่อและภูมิฐาน ย้ายไปอยู่บ้านใหญ่โตย่าน Bel-Air หรือรับเป็นพรีเซนเตอร์สินค้าทำเงินเป็นร้อยๆ ล้านเหรียญสหรัฐ แต่ไรอันกลับเลือกเล่นหนังทุนต่ำแค่ 700,000 เหรียญสหรัฐ เรื่อง Half Nelson ในปี 2006 กับบทบาทอาจารย์ที่มีอาการติดยา ซึ่งเรื่องนี้ไรอันก็ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงออสการ์เป็นครั้งแรกในสาขานักแสดงนำชายยอดเยี่ยม

     

ส่วนในชีวิตจริง ไรอันก็เลือกใช้ชีวิตอยู่ย่าน Skid Row ที่ลอสแอนเจลิส ซึ่งเป็นหนึ่งในย่านที่ยากจนที่สุดและเต็มไปด้วยโฮมเลส โดยไรอันให้เหตุผลว่าเลือกที่จะอยู่แถวนี้เพราะรู้สึกว่าคนมีความจริงใจมากกว่า

 

La La Land (2016)

Drive (2011)

 

อีกอย่างหนึ่งที่ไรอันเลือกทำอยู่เสมอ คือ การใช้พลังชื่อเสียงของตัวเองไปในทางที่เป็นประโยชน์ แม้ว่าช่วงก่อนที่จะมาโด่งดังสุดๆ ในช่วง 6 ปีหลัง กับหนังเรื่อง La La Land, Crazy, Stupid, Love, Drive หรือ Blade Runner 2049 ไรอันเป็นนักแสดงที่รักสัตว์และเคยออกมาต่อว่า McDonald’s และ KFC ฐานะตัวแทนกลุ่มพิทักษ์สัตว์ Peta ต่อต้านเรื่องการนำไก่ที่ผ่านการฆ่าแบบผิดหลักการด้วยการใช้เครื่องถอนขน รวมถึงปัญหาต่างๆ ในประเทศทวีปแอฟริกาก็เป็นอีกหนึ่งประเด็นที่ไรอันมีส่วนช่วยเหลืออยู่ตลอด อาทิ การไปถ่ายทำสารคดีเรื่องผู้ลี้ภัย Darfur ในประเทศชาด ปี 2005 และการไปสาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโกกับองค์กร Enough Project เพื่อไปศึกษาผลกระทบของผู้รอดชีวิตจากสงครามในประเทศ

     

แต่ถ้าต้องเดาบทบาทที่ไรอันชื่นชอบที่สุดตลอดชีวิต ก็คือบทพ่อของลูกสาว 2 คน เอสเมอรัลดา อแมดา กอสลิง และอแมดา ลี กอสลิง ในชีวิตจริงของเขากับคู่ชีวิต อีวา เมนเดส นักแสดงสาวเชื้อสายคิวบา

     

ไรอันกับอีวาถือได้ว่าเป็นคู่ดาราฮอลลีวูดที่มีความส่วนตัวสูงสุดในวงการก็ว่าได้ เสิร์ชใน Google เราจะไม่เห็นรูปที่ครอบครัวนี้ถ่ายลงนิตยสารหรือลงในอินสตาแกรมตัวเอง (มีแต่รูปของเหล่าปาปารัซซีที่ไปแอบถ่ายลูกๆ) ซึ่งเป็นสิ่งที่น่ายกย่อง เพราะในสมัยนี้ดาราเซเลบต่างมาร์เก็ตติ้งลูกตัวเองกันตั้งแต่ก่อนเกิด และทำเงินกันมหาศาล เห็นได้ตั้งแต่ แอนเจลินา โจลี กับ แบรด พิตต์ จนถึง บียอนเซ่ และ เจย์-ซี ที่เป็นเจ้าแม่การโปรโมตช่องทางอินสตาแกรม

     

แน่นอนว่าไรอันกับอีวาเป็นคนของประชาชน แต่ถ้ามองจริงๆ การที่พวกเขาเลือกที่จะไม่โปรโมตลูกตัวเองก็เหมือนเป็นการให้เกียรติลูกๆ เพราะเขาไม่ได้เลือกเกิดเป็นดารา และเขาก็ควรมีสิทธิ์เลือกเหมือนมนุษย์ทุกคนว่าอยากหรือไม่อยากออกสื่อ ซึ่งเราเชื่อว่าพอลูกๆ ของพวกเขาโตขึ้น และถ้าอยากทำงานวงการบันเทิง เราก็คงจะได้เห็นพวกเขาในที่สุด

     

สิ่งที่ทำให้ไรอันได้รับความนิยมมาโดยตลอด คือ เขาเป็นนักแสดงที่มีเปลือกหลายชั้นและผ่านช่วงชีวิตมาหลากหลายเหมือนมนุษย์ทุกคน ไรอันมีทั้งความแข็ง ตลก นุ่มนวล เซนซิทีฟอยู่ในตัว นั่นทำให้เขาเป็นนักแสดงที่ทำให้คนดูไม่เบื่อ และคิดล่วงหน้าไม่ได้ว่าจะเล่นบทอะไร

     

ในเดือนตุลาคมปีหน้า เราจะได้เห็นไรอัน กอสลิง ในหนังเรื่อง First Man ที่กำกับโดยเดเมียน ชาเซลล์ ผู้กำกับจาก La La Land หนังเล่าเรื่องราวการเดินทางไปดวงจันทร์ครั้งแรกของ นีล อาร์มสตรอง นักบินอวกาศนาซาในยุค 60s นี่น่าจะเป็นอีกหนึ่งโปรเจกต์ที่ช่วยส่งให้ไรอันโดดเด่นยิ่งขึ้นในอุตสาหกรรมฮอลลีวูด และเราก็น่าจะได้เห็น meme ต่างๆ ผุดขึ้นมาเป็นว่าเล่นว่า ‘Thank God for Ryan Gosling’

 

อ้างอิง:

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising