สถานการณ์ในยูเครนภาคตะวันออกกลับมาตึงเครียดและเป็นที่จับตาอีกครั้ง โดย ดมิตรี โคแซค รองเสนาธิการสำนักงานบริหารประธานาธิบดีรัสเซีย เตือนว่า รัฐบาลมอสโกอาจแทรกแซงสถานการณ์ความขัดแย้งในพื้นที่ภาคตะวันออกของยูเครน หากกองทัพรัฐบาลยูเครนเปิดฉากการจู่โจมเต็มรูปแบบใส่กองกำลังแบ่งแยกดินแดนที่รัสเซียให้การสนับสนุน
สถานการณ์สู้รบในพื้นที่ขัดแย้งทางภาคตะวันออกของยูเครนปะทุขึ้นอีกครั้งในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยล่าสุดวานนี้ (8 เมษายน) มีรายงานทหารยูเครนเสียชีวิตอีก 1 นาย ส่งผลให้จำนวนทหารยูเครนที่เสียชีวิตจากการปะทะกับกลุ่มแบ่งแยกดินแดนเพิ่มเป็น 25 คนแล้วในปีนี้ ขณะที่กลุ่มกบฏระบุว่า มีนักรบของตนเสียชีวิต 1 คนเช่นกัน หลังกองทัพยูเครนยิงปืนครกโจมตีหมู่บ้านในแถบชานเมืองโดเนตสก์ ซึ่งเป็นเมืองสำคัญในพื้นที่ขัดแย้ง
ทางด้านกองทัพรัสเซียยิ่งจุดชนวนสถานการณ์ให้ตึงเครียดขึ้น ด้วยการเพิ่มกำลังทหารประจำการในพื้นที่ชายแดนติดกับยูเครน ซึ่งโคแซคชี้ว่า กองทัพรัสเซียอาจเข้าแทรกแซงการสู้รบเพื่อช่วยปกป้องชีวิตของประชาชนในพื้นที่ขัดแย้งที่ส่วนใหญ่พูดภาษารัสเซีย เนื่องจากกังวลว่ากองทัพยูเครนอาจกระทำการสังหารหมู่หากสามารถเข้ายึดพื้นที่ในภูมิภาคดอนบาสส์ ซึ่งเป็นฐานที่มั่นหลักของกลุ่มกบฏ
“ทุกอย่างขึ้นอยู่กับขนาดของสถานการณ์ขัดแย้งที่ปะทุขึ้น” โคแซคกล่าว พร้อมเตือนว่าการขยายความรุนแรง อาจเป็น ‘จุดเริ่มต้นของจุดจบ’ สำหรับยูเครน
สถานการณ์ตึงเครียดที่เพิ่มมากขึ้นทำให้สหรัฐฯ และเยอรมนี ต่างจับตามองและแสดงความกังวล โดย เจน ซากี โฆษกทำเนียบขาว ระบุว่า กองทัพรัสเซียส่งกำลังทหารเข้าประจำการในพื้นที่ชายแดนติดกับยูเครนมากที่สุดนับตั้งแต่ปี 2014 ที่เหตุการณ์ความขัดแย้งทางตะวันออกของยูเครนเริ่มต้นขึ้น ซึ่งสหรัฐฯ แสดงความกังวลอย่างยิ่งต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้น
ด้านนายกรัฐมนตรี อังเกลา แมร์เคิล ของเยอรมนี เปิดเผยว่า ได้หารือวิกฤตประเด็นความขัดแย้งที่เกิดขึ้นในยูเครนกับประธานาธิบดี วลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย พร้อมทั้งเรียกร้องให้รัสเซียลดบรรยากาศตึงเครียดด้วยการถอนกำลังทหารออกจากชายแดน ขณะที่ปูตินกล่าวหายูเครนว่าเป็นฝ่ายจุดไฟความขัดแย้ง
อย่างไรก็ตาม รัสเซียไม่เปิดเผยรายละเอียดจำนวนทหารที่เข้าประจำการในพื้นที่ชายแดน แต่กองทัพยูเครนประเมินจนถึงช่วงสิ้นเดือนมีนาคมที่ผ่านมา คาดว่ามีทหารรัสเซียมากกว่า 20,000 นายอยู่ในพื้นที่ชายแดนติดกับยูเครน
สำหรับรากเหง้าของความขัดแย้งในยูเครนนั้นต้องย้อนกลับไปตั้งแต่ช่วงเดือนมีนาคม ปี 2014 เมื่อรัสเซียประกาศผนวกรวมแคว้นไครเมียของยูเครนเข้าเป็นดินแดนของตนเอง ซึ่งส่งผลให้ชาติตะวันตก ทั้งสหภาพยุโรปและสหรัฐฯ ดำเนินการคว่ำบาตรรัสเซีย
และหลังจากนั้นราว 1 เดือน กองกำลังแบ่งแยกดินแดนในภูมิภาคดอนบาสส์ที่ได้รับการสนับสนุนจากรัสเซีย ก็ได้บุกเข้ายึดพื้นที่แคว้นโดเนตสก์และลูฮานสก์
ขณะที่ประธานาธิบดี โวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ของยูเครน ที่รับตำแหน่งตั้งแต่ปี 2019 พยายามที่จะสร้างสันติภาพและผลักดันให้มีการลงนามข้อตกลงหยุดยิงกับกลุ่มกบฏเมื่อเดือนกรกฎาคมปีที่ผ่านมา แต่ทั้งสองฝ่ายต่างกล่าวหาว่าอีกฝ่ายละเมิดข้อตกลง ทำให้การสู้รบยังคงเกิดขึ้นเป็นระยะ ซึ่งจนถึงปัจจุบันคาดว่ามีผู้เสียชีวิตจากความขัดแย้งในพื้นที่ภาคตะวันออกของยูเครนแล้วมากกว่า 14,000 คน
ภาพ: Scott Peterson / Getty Images
พิสูจน์อักษร: ภาวิกา ขันติศรีสกุล
อ้างอิง:
