กองทัพอากาศยูเครนรายงานว่า รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีป (Intercontinental Ballistic Missile: ICBM) ในระหว่างการโจมตียูเครนวันนี้ (21 พฤศจิกายน) ตามเวลาท้องถิ่น นับเป็นครั้งแรกในสงครามที่ใช้ขีปนาวุธทรงพลังซึ่งสามารถติดตั้งหัวรบนิวเคลียร์และมีระยะยิงไกลหลายพันกิโลเมตร
รายงานดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับจากสหรัฐฯ และอังกฤษโจมตีเป้าหมายในรัสเซียเมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา แม้ว่ารัสเซียจะเคยเตือนว่าการกระทำดังกล่าวจะถือเป็นการยกระดับสงครามครั้งใหญ่ในความขัดแย้งที่ดำเนินมาเกือบจะ 3 ปีแล้ว
ทั้งนี้ ขีปนาวุธข้ามทวีป (ICBM) ถือเป็นอาวุธยุทธศาสตร์ที่ถูกออกแบบมาเพื่อส่งหัวรบนิวเคลียร์ และเป็นส่วนสำคัญของระบบป้องปรามนิวเคลียร์ของรัสเซีย อย่างไรก็ตาม ยูเครนไม่ได้ระบุถึงชนิดของขีปนาวุธหรือหัวรบ และไม่มีข้อบ่งชี้ว่าขีปนาวุธดังกล่าวติดตั้งหัวรบนิวเคลียร์
ขณะที่การโจมตีครั้งนี้มีเป้าหมายไปยังสถานประกอบการและโครงสร้างพื้นฐานสำคัญในเมืองดนีโปร ทางตอนกลาง-ตะวันออกของยูเครน โดยทางการไม่ได้ระบุว่าขีปนาวุธข้ามทวีปมีเป้าหมายที่ใดหรือสร้างความเสียหายใดบ้าง แต่ เซอร์กีย์ ลีแซค ผู้ว่าการภูมิภาคดนีโปรเปตรอฟสก์ กล่าวว่ามีความเสียหายต่อสถานประกอบการอุตสาหกรรมและเกิดเพลิงไหม้ โดยมีผู้ได้รับบาดเจ็บ 2 ราย
นอกจากนี้รัสเซียยังยิงขีปนาวุธไฮเปอร์โซนิกชนิดคินชัลและขีปนาวุธร่อน Kh-101 อีก 7 ลูก ซึ่งถูกสกัดกั้นได้ 6 ลูก ตามรายงานของกองทัพอากาศยูเครน ซึ่งทางด้าน Defense Express ซึ่งเป็นหน่วยงานที่ปรึกษาด้านกลาโหมของยูเครน ตั้งคำถามว่า สหรัฐฯ ในฐานะพันธมิตรหลักของยูเครนได้รับการแจ้งเตือนล่วงหน้าเกี่ยวกับการยิงขีปนาวุธครั้งนี้หรือไม่ เนื่องจากเป็นเงื่อนไขสำคัญในการเปิดระบบเตือนภัยและการตอบโต้ด้วยขีปนาวุธ
อย่างไรก็ตาม รัสเซียซึ่งเริ่มบุกยูเครนตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2022 ยังไม่ได้แสดงความคิดเห็นต่อแถลงการณ์ของกองทัพอากาศยูเครนในครั้งนี้
ภาพ: Service of Ukraine in Dnipropetrovsk Region / Handout via Reuters
อ้างอิง: