×

รอน ดีแซนทิส: บุรุษผู้เดียวที่มีโอกาสล้ม โดนัลด์ ทรัมป์ ในการเลือกตั้งขั้นต้นของพรรครีพับลิกัน

30.05.2023
  • LOADING...
Ron DeSantis

เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว รอน ดีแซนทิส ผู้ว่าการรัฐฟลอริดาคนปัจจุบัน ประกาศตัวอย่างเป็นทางการในการลงชิงชัยเป็นผู้แทนพรรครีพับลิกัน เพื่อไปแย่งชิงตำแหน่งประธานาธิบดีกับ โจ ไบเดน จากพรรคเดโมแครต ในเดือนพฤศจิกายน ปี 2024 โดยดีแซนทิสได้ประกาศตัวผ่านบทสนทนากับ อีลอน มัสก์ บน Twitter Spaces แทนที่จะเป็นการปราศรัยใหญ่ที่รายล้อมไปด้วยผู้สนับสนุนนับพันคนเหมือนนักการเมืองคนอื่นๆ

 

ไม่เหมือนปี 2020

 

การสรรหาผู้แทนพรรครีพับลิกัน เพื่อไปแย่งชิงตำแหน่งประธานาธิบดีในการเลือกตั้งทั่วไปปี 2024 จะไม่เหมือนกับปี 2020 ที่ทรัมป์ได้เป็นผู้แทนพรรคโดยไม่มีคู่แข่งหรือมีการเลือกตั้งอย่างจริงจัง ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกประหลาดใจแต่อย่างใด เพราะตอนนั้นทรัมป์ยังนั่งเก้าอี้ประธานาธิบดีอยู่ และก็เป็นธรรมเนียมปฏิบัติว่า นักการเมืองคนอื่นๆ ในพรรคจะไม่ลงเลือกตั้งขั้นต้น หากประธานาธิบดีคนปัจจุบันประสงค์ที่จะลงเลือกตั้งอีกเป็นสมัยที่ 2

 

แต่สำหรับปี 2024 ทรัมป์ไม่ได้เป็นประธานาธิบดีคนปัจจุบันอีกต่อไป และมีนักการเมืองจำนวนหนึ่งในพรรคที่ต้องการคนรุ่นใหม่มาเป็นผู้นำพรรค เพราะพวกเขามองว่าทรัมป์กลายเป็นสินค้าที่มีตำหนิไปเสียแล้ว จากเหตุการณ์จลาจลที่รัฐสภาเมื่อวันที่ 6 มกราคม ปี 2020

 

ดีแซนทิสคือคู่แข่งคนสำคัญที่สุดของทรัมป์

 

ถึงแม้ว่า ณ ตอนนี้จะมีนักการเมืองรุ่นใหญ่หลายคนเปิดตัวอย่างเป็นทางการแล้วว่าจะลงชิงชัยเป็นผู้แทนพรรครีพับลิกัน แต่ดีแซนทิสถือได้ว่าเป็นนักการเมืองคนเดียวที่มีโอกาสล้มอดีตประธานาธิบดีและอดีตผู้แทนพรรครีพับลิกัน 2 สมัยอย่าง โดนัลด์ ทรัมป์ ได้ เพราะดีแซนทิสเป็นผู้สมัครรายเดียวที่มีคะแนนนิยมเป็นกอบเป็นกำ (ผลโพลระบุว่า คะแนนนิยมของเขาอยู่ในช่วงประมาณ 20-30%) 

 

ในขณะที่ผู้สมัครคนอื่นๆ เช่น นิกกี เฮลีย์ อดีตผู้ว่าการรัฐเซาท์แคโรไลนา, ทิม สกอตต์ สมาชิกวุฒิสภาจากรัฐเซาท์แคโรไลนา และ ไมค์ เพนซ์ อดีตรองประธานาธิบดี ต่างมีคะแนนนิยมที่ต่ำกว่า 5% ทั้งสิ้น

 

ดีแซนทิสถือว่าเป็นนักการเมืองที่โดดเด่นในฐานะผู้ว่าการรัฐฟลอริดา ซึ่งเป็นรัฐที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 3 ของสหรัฐฯ โดยเขาเริ่มมีชื่อเสียงโด่งดังระดับประเทศในช่วงที่มีการระบาดของโควิด โดยเขาใช้นโยบายคลายล็อกดาวน์และการบังคับใส่หน้ากากอนามัยเร็วกว่ารัฐอื่นๆ (และเร็วกว่าที่ CDC แนะนำ) ทำให้เขากลายเป็นฮีโร่ของฝ่ายขวาที่ไม่พอใจมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสที่พวกเขามองว่าเป็นการละเมิดสิทธิส่วนบุคคล

 

นอกจากนี้ดีแซนทิสยังได้รับความนิยมชมชอบจากฐานเสียงฝ่ายขวาของพรรคจากนโยบายทางสังคมหลายๆ อย่างของเขาในฐานะผู้ว่าการรัฐฟลอริดา เช่น การห้ามสอนเรื่องเพศทางเลือกให้กับนักเรียนชั้นประถม (ที่ถูกเรียกว่ากฎหมาย Don’t Say Gay) และการดับเครื่องชนกับบริษัทดิสนีย์ โทษฐานที่ออกมาวิจารณ์กฎหมายนี้, การผ่านกฎหมายห้ามทำแท้งหลังอายุครรภ์ครบ 6 สัปดาห์ และการส่งต่อผู้อพยพข้ามแดนที่มาขอลี้ภัยจากรัฐฟลอริดาไปยังรัฐของเดโมแครตอย่างแมสซาชูเซตส์

 

แต่มนตร์เสน่ห์ของทรัมป์ก็ยังไม่เสื่อมคลาย

 

คะแนนนิยมของดีแซนทิสพุ่งขึ้นมาจนเกือบจะเท่ากับทรัมป์ในช่วงหลังการเลือกตั้งกลางเทอมในเดือนพฤศจิกายน ปี 2022 ซึ่งผลการเลือกตั้งในครั้งนั้นอาจเรียกได้ว่าเป็นความพ่ายแพ้ของทรัมป์ เพราะผู้สมัครหลายคนที่เป็นนักการเมืองในอาณัติของทรัมป์ เช่น นพ.เมห์เมต ออซ, เบลก มาสเตอร์ และ เฮอร์เชล วอล์กเกอร์ ต่างพ่ายแพ้การเลือกตั้งแบบหมดรูป ทำให้พรรคเดโมแครตได้ครองเสียงข้างมากในสภาสูงต่อไป 

 

ในทางตรงกันข้าม ดีแซนทิสสามารถเอาชนะคู่แข่งของเขาจากพรรคเดโมแครตในการเลือกตั้งผู้ว่าการรัฐสมัยที่ 2 ได้อย่างถล่มทลายถึงเกือบ 20% ทั้งๆ ที่รัฐฟลอริดาเป็นรัฐสีแดงอ่อนๆ เท่านั้น

 

ผลการเลือกตั้งกลางเทอมนี้ทำให้สมาชิกพรรครีพับลิกันหลายคนเริ่มกังวลว่า เหตุจลาจลที่รัฐสภาอาจทำให้ภาพลักษณ์ของทรัมป์เสียหายชนิดกู่ไม่กลับ และอาจทำให้เขาไม่สามารถเอาชนะไบเดนในการเลือกตั้งทั่วไปในปี 2024 ได้ และหลายคนก็เริ่มหันไปมองดีแซนทิสที่เป็นนักการเมืองสายอนุรักษนิยมขนานแท้ แต่สามารถเอาชนะการเลือกตั้งในรัฐขนาดใหญ่ได้อย่างถล่มทลาย

 

ทรัมป์เองก็ทราบดีว่าดีแซนทิสคือภัยที่น่ากลัวที่สุดของเขา และก็เริ่มโจมตีดีแซนทิสนับตั้งแต่หลังการเลือกตั้งกลางเทอม โดยเขาเลือกโจมตีดีแซนทิสใน 2 ประเด็นหลัก ได้แก่ 

 

  1. ทรัมป์โจมตีดีแซนทิสว่า มีแนวคิดเศรษฐกิจแบบขวาจัด และมีนโยบายที่จะตัดงบประมาณโครงการรัฐสวัสดิการที่เป็นที่นิยมของชาวอเมริกันอย่าง Social Security และ Medicare โดยนำหลักฐานมาจากการที่ดีแซนทิสเคยโหวตเห็นด้วยกับร่างงบประมาณที่มีการตัดค่าใช้จ่ายเหล่านี้ ในช่วงที่เขาเคยเป็นสมาชิกผู้แทนราษฎรจากรัฐฟลอริดา ในขณะที่ทรัมป์เองเป็น Populist ที่ไม่เคยมีแนวคิดจะแตะต้องโครงการรัฐสวัสดิการเหล่านั้น
  2. โจมตีว่าดีแซนทิสมีบุคลิกที่แปลกประหลาด เช่น เหตุการณ์ที่เขาใช้นิ้วมือกินพุดดิ้ง โดยไม่สนใจว่ามีคนอื่นๆ จ้องมองอยู่

 

ซึ่งการโจมตีของทรัมป์ก็ดูเหมือนจะได้ผล เพราะคะแนนนิยมของทั้งคู่จากที่เคยสูสีกันเมื่อปลายปีที่แล้ว กลับกลายเป็นว่าทรัมป์นำห่างกว่า 30% จากการสำรวจล่าสุด ซึ่งเราก็คงต้องมาดูกันต่อว่า เมื่อดีแซนทิสประกาศตัวและเริ่มหาเสียงอย่างเป็นทางการแล้ว คะแนนของเขาจะตีตื้นขึ้นมาแค่ไหน โดยที่ดีแซนทิสยังมีความหวังอีกว่า นักการเมืองคนอื่นที่มีคะแนนต่ำสิบอาจขอถอนตัวจากการลงสมัคร ก่อนที่จะเริ่มมีการลงคะแนนเสียงจริงๆ ที่รัฐไอโอวา และคะแนนของนักการเมืองเหล่านั้นก็อาจจะเทมาที่เขา เพราะนั่นคือคะแนนของสมาชิกพรรคที่ไม่เอาทรัมป์

 

ภาพ: Thomas Simonetti for The Washington Post via Getty Images

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising