เป็นเวลากว่า 8 เดือนแล้วที่ Robinhood แพลตฟอร์มฟู้ดเดลิเวอรีสัญชาติไทย ซึ่งเข้ามาในตลาดด้วยจุดยืนการเป็นแพลตฟอร์มเพื่อคนตัวเล็ก ที่มุ่งช่วยเหลือร้านอาหารโดยเฉพาะร้านเล็กๆ ด้วยการไม่เก็บค่า GP แม้แต่บาทเดียว และ “มีนโยบายที่จะไม่เก็บตลอดไป” ธนา เธียรอัจฉริยะ ประธานกรรมการ บริษัท เพอร์เพิล เวนเจอร์ส จำกัด ผู้พัฒนาและให้บริการ Robinhood กล่าวว่า
Robinhood เติบโตเรื่อยมา โดยเฉพาะในช่วงวันที่ 1-16 พฤษภาคม ซึ่งเป็นช่วงที่รัฐมีมาตรการห้ามนั่งทานในร้าน 6 จังหวัดพื้นที่สีแดง ทำให้ร้านค้าต้องเร่งปรับตัวในการนำร้านขึ้นแพลตฟอร์มออนไลน์และฟู้ดเดลิเวอรี เพื่อให้สามารถพยุงธุรกิจให้พ้นช่วงเวลานี้ไปให้ได้ ผู้บริโภคเองก็หันมาใช้บริการฟู้ดเดลิเวอรีมากขึ้นเช่นกัน อันเนื่องจากมีความกังวลต่อสถานการณ์โควิด-19 และต้องการหลีกเลี่ยงการออกนอกบ้านโดยไม่จำเป็น
ข้อมูลของ Robinhood พบว่า มีปริมาณออร์เดอร์กระจายตัวไปยังร้านค้าต่างๆ มีการสั่งอาหารจากร้านใหม่ๆ เพิ่มขึ้นกว่า 30% มียอดออร์เดอร์ต่อวันเพิ่มขึ้นราว 60% และมียอดสั่งอาหารต่อออร์เดอร์เฉลี่ยสูงขึ้น (Average Ticket Size) จาก 200 บาทต่อออร์เดอร์ เป็น 300 บาทต่อออร์เดอร์
ในส่วนของลูกค้ามีลงทะเบียนใช้งานเฉลี่ยต่อวันเพิ่มขึ้นมากกว่า 100% โดยปัจจุบันมีจำนวนลูกค้าลงทะเบียนใช้งานทั้งสิ้นกว่า 1.1 ล้านคน มีสัดส่วนลูกค้าที่ใช้งานแอปพลิเคชัน Robinhood เป็นประจำ (Active User) เฉลี่ยเพิ่มขึ้นกว่า 30%
โดยพฤติกรรมการสั่งอาหารของผู้บริโภคได้เปลี่ยนจากสั่งอาหารตามช่วงเวลาของมื้ออาหารเป็นสั่งทั้งวัน โดยปริมาณออร์เดอร์ผ่าน Robinhood จะมีจำนวนมากตั้งแต่ช่วง 10.00-19.00 น. ขณะที่เมนูที่ลูกค้านิยมสั่งเปลี่ยนไปในทิศทางของอาหารที่สามารถทานร่วมกันได้หลายคนในครอบครัว แทนการสั่งอาหารสำหรับทานคนเดียว
จะเห็นได้ว่าด้วยจำนวนของออเดอร์ที่เพิ่มขึ้น ได้เป็นความท้าทายในการจัดการดูแล ‘ไรเดอร์’ ที่มีกว่า 15,000 คน โดยเฉพาะระบบการจ่ายงานที่ต้องกระจายอย่างทั่วถึง ซึ่งก่อนหน้านี้ระบบหลังบ้านของไรเดอร์มี Skootar สตาร์ทอัพสัญชาติไทยที่ให้บริการแมสเซนเจอร์เป็นผู้จัดการ แต่หลังจากที่ได้เรียนรู้และศึกษาความต้องการของไรเดอร์แล้ว ทำให้ล่าสุด Robinhood ได้ดึงระบบหลังบ้านการเข้าจัดการเอง ผ่านการเปิดแอปพลิเคชันสำหรับไรเดอร์โดยเฉพาะ
สีหนาท ล่ำซำ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เพอร์เพิล เวนเจอร์ส จำกัด อธิบายว่า แอปพลิเคชันใหม่นี้มีดีไซน์ใหม่ที่ใช้งานง่าย มีระบบการจ่ายงานที่ทั่วถึง Timeout ในการให้บริการลูกค้าลดลง โดยทีมได้ยึด 3 แกนหลักสำคัญในการพัฒนา ได้แก่
- เพิ่มรายได้ ด้วยอัตราค่ารอบใหม่ 2 กิโลเมตรแรกเพิ่มขึ้น 7.5% จากเริ่มต้น 40 บาท เป็น 43 บาท ทำให้วันนี้ Robinhood กลายเป็นแพลตฟอร์มฟู้ดเดลิเวอรีที่ให้อัตราเริ่มต้นสูงที่สุดในไทย โดยสีหนาทอธิบายเพิ่มเติมว่า “จริงๆ แล้วก็ตามจากแอปพลิเคชันอื่น 1-3 บาท” แต่ถ้าจะแตกต่างจริงๆ คือ จะไม่มีการไม่หักเปอร์เซ็นต์จากไรเดอร์ ซึ่ง Robinhood ทำมาตั้งแต่แรก ต่างจากแอปพลิเคชันอื่นที่จะหักเงินในส่วนนี้ 15% ขณะเดียวกัน แอปพลิเคชันใหม่นี้ยังรองรับฟีเจอร์ ‘ทิป’ จากลูกค้า ที่กำลังจะมาในอนาคตอันใกล้
- เพิ่มงาน นอกจากเตรียมขยายบริการสู่ธุรกิจรับ-ส่งของ (Express Services) และบริการด้านสั่งซื้อสินค้าจากซูเปอร์มาร์เก็ต (Mart Service) ในช่วงต้นปี 2565 ซึ่งจะสามารถช่วยสร้างงานเพิ่มขึ้นให้กับไรเดอร์ในช่วง Off-Peak ที่ลูกค้าไม่ได้สั่งอาหารแล้ว แอปพลิเคชันใหม่ยังมาพร้อมกับระบบกระจายงานแบบใหม่
“แต่เดิมนั้นจะใช้ระบบใครมือเร็วกว่าก็กดรับงานได้ก่อน แต่ระบบใหม่นั้นจะกระจายงาน โดยหากมีงานที่เข้ามาใหม่ก็กระจายให้กับผู้ที่ได้รับงานน้อยก่อน ซึ่งจะทำให้งานนั้นทั่วถึงมากยิ่งขึ้น โดยการดึงระบบหลังบ้านมาดูแลเอง ทำให้เราสามารถบริหารจัดการและกำหนดโซนเองได้”
- เพิ่มโอกาส ด้วยการสร้างงานสร้างรายได้ผ่านอาชีพคนส่งอาหารให้ผู้ที่ไม่มีจักรยานยนต์ ภายใต้โครงการ ‘Robinhood EV Bike’ ETRAN และ H SEM ผู้ให้บริการรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าสัญชาติไทย ในการบริการรถจักรยานยนต์ไฟฟ้ามาให้เช่าในราคาวันละ 120 บาท เบื้องต้นจะมี 200 คัน พร้อมจุดเปลี่ยนแบตเตอรี่กว่า 18 จุดทั่วกรุงเทพฯ
ภายในปี 2564 Robinhood ตั้งเป้าว่า จะมีรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าจากพันธมิตรพร้อมให้บริการมากกว่า 1,500 คัน และมีจุดเปลี่ยนแบตเตอรี่กว่า 100 จุดทั่วกรุงเทพฯ และปริมณฑล โดยคาดว่าจะใช้ธนาคารไทยพาณิชย์บางสาขาเป็นจุดปลี่ยนแบตเตอรี่ ด้วยอยู่ในพื้นที่ชุมชนและมีที่จอดรถ
“เราประเมินว่ารถจักรยานยนต์ไฟฟ้าจะช่วยลดค่าใช้จ่ายลงประมาณ 50% จากปกติที่ไรเดอร์ต้องมีค่าใช้จ่ายเป็นค่าน้ำมัน การบำรุงรักษารถ ประกันต่างๆ ซึ่งเฉลี่ยแล้วอยู่ที่ 8,000 บาทต่อเดือน” สีหนาทกล่าวพร้อมเสริมว่า “โดยหากใครที่เช่ารถครบ 1,000 วัน ก็จะมีสิทธิ์เป็นเจ้าของรถไปเลย โดยจ่ายเพิ่มอีกเพียง 1,000 บาท”
ตลอดระยะเวลา 8 เดือนที่ผ่านมา มีตัวเลขที่น่าสนใจใน Robinhood คือ
- มีระยะทางวิ่งทั้งหมด 8.2 ล้านกิโลเมตร
- มีการรับงานทั้งหมด 3.1 ล้านงาน
- ไรเดอร์ 1.5 หมื่นคน เพิ่มขึ้นจาก 5,000 คนในช่วง 3 เดือนแรก
- จตุจักร ห้วยขวาง ลาดพร้าว เป็นโซนที่คนขับรถงานเยอะที่สุด
- ไรเดอร์มีรายได้มากที่สุดต่อวัน 2,500 บาท แต่ถ้าเป็นรายเดือนมากที่สุดคือ 35,000 กว่าบาท แต่เฉลี่ยแล้วไรเดอร์มีรายได้ 1,000 บาทต่อวัน
- 44 งานต่อวัน เป็นจำนวนที่ไรเดอร์ 1 คนรับงานมากที่สุด
- 78.79 กิโลเมตร เป็นงานที่ไปส่งไกลที่สุด โดยส่งปลาแซลมอน 1 กิโลกรัมจากลาดพร้าววังหินไปบางกระเจ้า
- 9 วินาที คือเวลาเฉลี่ยในการรับงาน
สีหนาทกล่าวต่อว่า ในส่วนของไรเดอร์ยังมีความท้าทายหลายข้อที่ทาง Robinhood ต้องหาทางออก เช่น การที่ฝนตกแล้วไรเดอร์มักไม่อยากขับ ซึ่งมาจากความกังวลเรื่องความปลอดภัย โดยหาวิธีดึงดูดความสนใจไปพร้อมๆ กับวิธีดูแลในเรื่องความปลอดภัย หรือการที่วันอาทิตย์ไรเดอร์บางส่วนจะหยุดวิ่งงาน ทำให้ลูกค้ารอนานขึ้นกว่าจะมีคนรับงาน เป็นต้น
ทั้งนี้ ภายในสิ้นปี 2564 Robinhood ตั้งเป้าหมายที่จะมีจำนวนร้านอาหารให้บริการบนแพลตฟอร์มจำนวน 150,000 ร้าน จำนวนลูกค้าดาวน์โหลด 1.5 ล้านราย ไรเดอร์ประมาณ 20,000 คน จำนวนออร์เดอร์เฉลี่ยต่อวันประมาณ 25,000 ออร์เดอร์ และยังมีแผนจะขยายไปต่างจังหวัด โดยเริ่มจากเชียงใหม่และชลบุรีในช่วงต้นปีหน้า
พิสูจน์อักษร: วรรษมล สิงหโกมล
