วานนี้ (24 ตุลาคม) ริชิ ซูนัค อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังในสมัยรัฐบาลของ บอริส จอห์นสัน กลายเป็นผู้สมัครชิงตำแหน่งสำคัญเหล่านี้เพียงคนเดียวในการชิงชัยเก้าอี้หัวหน้าพรรคคอนเซอร์เวทีฟ หลังจากที่จอห์นสัน รวมถึง เพนนี มอร์ดอนต์ ผู้นำสภาสามัญหรือสภาล่างในรัฐสภาอังกฤษประกาศถอนตัว
ส่งผลให้ซูนัคจะเป็นผู้นำพรรคคอนเซอร์เวทีฟ และนายกรัฐมนตรีสหราชอาณาจักรคนใหม่ ต่อจาก ลิซ ทรัสส์ ที่เพิ่งประกาศลาออกจากตำแหน่งจากความผิดพลาดในการดำเนินนโยบายเศรษฐกิจ หลังดำรงตำแหน่งได้เพียง 45 วัน และทำให้เธอกลายเป็นนายกรัฐมนตรีที่ดำรงตำแหน่งสั้นที่สุดในประวัติศาสตร์การเมืองสหราชอาณาจักร
โดยซูนัควอนทุกฝ่ายสามัคคีกัน รวมพลังเป็นหนึ่งเดียว เพื่อสร้างเสถียรภาพและความมั่นคงในช่วงเวลาที่สหราชอาณาจักรเผชิญหน้ากับความท้าทายทางเศรษฐกิจ
ซูนัคระบุว่า “สหราชอาณาจักรเป็นประเทศที่ยิ่งใหญ่ แต่ขณะนี้เรากำลังเผชิญหน้ากับความท้าทายทางเศรษฐกิจครั้งใหญ่ เราต้องการเสถียรภาพและความสามัคคีในช่วงเวลานี้ และผมจะให้สิ่งนี้เป็นสิ่งสำคัญสูงสุดที่จะนำพาพรรคและประเทศชาติเดินหน้าไปพร้อมกัน”
โดยซูนัคให้คำมั่นว่า พรรคและประเทศชาติจะเป็นสิ่งที่เขาให้ความสำคัญสูงสุด ช่วงเวลาที่เขาจะก้าวขึ้นมาบริหารประเทศนั้นจะไม่ง่ายและอาจเต็มไปด้วยความยากลำบาก แต่เขาจะทำให้ดีที่สุด พร้อมกล่าวขอบคุณทรัสส์ที่ก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำประเทศในช่วงเวลาที่เผชิญหน้ากับความยากลำบากจริงๆ ทั้งทรัสส์และมอร์ดอนต์ระบุจะสนับสนุนการทำงานของซูนัคอย่างเต็มกำลัง
ก่อนหน้านี้เมื่อช่วงเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ซูนัคเคยประกาศจุดยืนของตนในแนวนโยบายสำคัญด้านต่างๆ อาทิ นโยบายด้านการจัดเก็บภาษี ซึ่งตรงข้ามกับแนวทางของทรัสส์อย่างมาก โดยซูนัคเคยให้คำมั่นว่าจะปรับลดภาษีเมื่อทางการสามารถควบคุมเงินเฟ้อได้ รวมถึงจะระงับการเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม 5% จากค่าใช้จ่ายด้านพลังงานในครัวเรือนเป็นระยะเวลา 1 ปี สำหรับครัวเรือนที่มีค่าใช้จ่ายส่วนนี้สูงกว่า 3,000 ปอนด์
รวมถึงปรับขึ้นเงินนำส่งกองทุนประกันสังคม 1.25 เพนนีต่อปอนด์ เพื่อสนับสนุนงานด้านสาธารณสุข แต่ในขณะเดียวกันก็ปรับระดับเงินได้ของผู้ที่ต้องเริ่มจ่ายเงินนำส่งนี้ ให้สูงขึ้นตามไปด้วย พร้อมประกาศสนับสนุนแผนขึ้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา จาก 19% เป็น 25% ในเดือนเมษายน ปี 2023 โดยคาดว่าซูนัคจะประกาศแผนและแนวนโยบายอีกครั้ง หลังก้าวขึ้นรับตำแหน่งในช่วงเวลาที่สหราชอาณาจักรเผชิญกับวิกฤตเงินเฟ้อ ค่าครองชีพพุ่งสูงอย่างหนัก และมีความท้าทายอีกมากรอคอยเขาอยู่เบื้องหน้า
คาดว่าซูนัคจะเข้าเฝ้าพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 ในวันนี้ (25 ตุลาคม) เพื่อเข้ารับการแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรีสหราชอาณาจักรคนใหม่อย่างเป็นทางการ ซึ่งจะทำให้เขากลายเป็นนายกรัฐมนตรีที่มีเชื้อสายบริติช-เอเชีย คนแรกของสหราชอาณาจักร ทั้งยังเป็นนายกรัฐมนตรีที่อายุน้อยที่สุดในรอบเกือบ 200 ปีของประเทศนี้อีกด้วย
ซูนัคนับเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 3 ภายหลังการเลือกตั้งทั่วไป เมื่อปี 2019 และเขาอาจอยู่จนครบวาระอีกราว 2 ปีกว่า หรืออาจตัดสินใจยุบสภา เพื่อปูทางไปสู่จัดการเลือกตั้งครั้งใหญ่ขึ้นก่อนกำหนด (Snap Election) จากเดิมที่คาดว่าจะจัดขึ้นในช่วงต้นปี 2025 ก็เป็นได้
แฟ้มภาพ: Geoff Caddick / AFP
อ้างอิง:
