Rihanna แม่ค้าคนโปรดของวงการเพลงวัย 34 ปี ได้อยู่ในรายชื่อเศรษฐีนีจากการสร้างตัวเองที่ร่ำรวยที่สุดในสหรัฐฯ จัดอันดับโดย Forbes ติดต่อกันเป็นปีที่ 3 แล้ว โดยเธออยู่ในอันดับที่ 21 ด้วยทรัพย์สินมูลค่ากว่า 1.4 พันล้านดอลลาร์ หรือราว 5 หมื่นล้านบาท
และเธอก็เป็นคนเดียวในรายชื่อที่มีอายุต่ำกว่า 40 ปี ซึ่งทรัพย์สินส่วนใหญ่มาจากธุรกิจทั้งสามของเธอ ไม่ว่าจะเป็นเครื่องสำอาง Fenty Beauty สกินแคร์ Fenty Skin และชุดชั้นใน Savage X Fenty
ในเดือนมีนาคม Bloomberg รายงานว่าชุดชั้นใน Savage X Fenty กำลังอยู่ระหว่างปรึกษาหารือเกี่ยวกับการ IPO ซึ่งอาจมีมูลค่า 3 พันล้านดอลลาร์ (ประมาณ 1 แสนล้านบาท) ซึ่งเธอถือหุ้นของ Savage X Fenty ไว้ 30%
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- Rihanna หนึ่งใน ‘ผู้หญิง’ ที่ติดทำเนียบอภิมหาเศรษฐีโลกเป็นครั้งแรก ด้วยความร่ำรวย 5.7 หมื่นล้านบาท ที่สร้างขึ้นด้วยน้ำพักน้ำแรงของ ‘ตัวเอง
- Savage x Fenty แบรนด์ชุดชั้นในของ Rihanna เล็งเข้า ‘ตลาดหลักทรัพย์’ วางแผนระดมทุนอย่างน้อย 1 แสนล้านบาท
นอกจากนี้ เธอยังถือหุ้นครึ่งหนึ่งของ Fenty Beauty โดยอีกครึ่งหนึ่งเป็นของ LVMH กลุ่มบริษัทแฟชั่นหรูหราในฝรั่งเศส ซึ่ง Fenty Beauty สร้างรายได้กว่า 550 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 1.9 หมื่นล้านบาท) ในปี 2020
แม้จะเป็นตัวเลขที่น่าประทับใจ แต่ Rihanna บอกว่าเธอไม่ได้มุ่งเน้นที่มูลค่าของบริษัทหรือการได้รับการยกย่อง เพราะเธอเคยบอกกับ The New York Times ว่าเธอไม่ได้วางแผนจะทำเงินเพียงอย่างเดียว การบรรลุเป้าหมายทางการเงินไม่สามารถหยุดเธอจากการทำงานได้ เธอยังกล่าวอีกว่าเธอต้องการบริจาคเงินให้กับผู้ที่ต้องการมันจริงๆ
“เงินของฉันไม่ได้มีไว้เพื่อตัวฉันเอง ฉันคิดอยู่ตลอดเวลาว่าฉันน่าจะสามารถช่วยคนอื่นได้” Rihanna กล่าว
ในปี 2012 Rihanna ได้ก่อตั้งมูลนิธิที่ชื่อว่า Clara Lionel Foundation (CLF) ที่มีเป้าหมายในการสนับสนุนเงินเพื่อการศึกษา และการปรับตัวกับสภาพภูมิอากาศที่เปลี่ยนไป
หนึ่งในโครงการริเริ่มแรกๆ ซึ่งเปิดตัวหนึ่งปีหลังจากก่อตั้งมูลนิธิ ระดมทุนได้ 60 ล้านดอลลาร์สำหรับสตรีและเด็กที่ติดเชื้อเอชไอวี/เอดส์ ผ่านการขายผลิตภัณฑ์ลิปสติกและในเดือนมกราคม CLF ได้ร่วมมือกับโครงการ #SmartSmall ของ Jack Dorsey ผู้ร่วมก่อตั้ง Twitter เพื่อบริจาคเงินรวม 15 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 537 ล้านบาท) ถึง 18 กลุ่มความยุติธรรมด้านสภาพอากาศที่แตกต่างกันไป
“งานที่ CLF ส่วนใหญ่มีรากฐานมาจากความเข้าใจในภัยพิบัติที่เกิดจากสภาพอากาศที่ทวีความรุนแรงขึ้น และส่งผลกระทบต่อพื้นที่มากน้อยแตกต่างกัน โดยประเทศที่เป็นเกาะมักจะเผชิญกับภัยพิบัติเหล่านี้รุนแรงกว่าที่อื่น” Rihanna กล่าวเสริมเรื่องมูลนิธิ CLF เพราะเธอตั้งใจจะบริจาคเงินเหล่านี้ให้กับองค์กรที่สนับสนุนผู้หญิง เยาวชน คนผิวดำ และ LGBTQIA+ ในสหรัฐฯ และแคริบเบียน
ภาพ: Kevin Mazur / Getty Images for Fenty Beauty by Rihanna
อ้างอิง:
ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH
Twitter: twitter.com/standard_wealth
Instagram: instagram.com/thestandardwealth
Official Line: https://lin.ee/xfPbXUP