เมื่อช่วงค่ำของวันเสาร์ที่ 17 กรกฎาคมที่ผ่านมา เฟซบุ๊กส่วนตัวของ บะหมี่-ประภาวี เหมทัศน์ นักเขียนอิสระ นักเคลื่อนไหว และผู้ก่อตั้งแคมเปญ #กูจะเปิดมึงจะทำไม ได้โพสต์คลิปบทสนทนาระหว่างคุณป้าเจ้าของร้านอาหารในจังหวัดพระนครศรีอยุธยาและเจ้าหน้าที่ตำรวจ เกี่ยวกับการขอความร่วมมือปิดร้านอาหารตามเวลาที่รัฐกำหนด ซึ่งบะหมี่ ประภาวี ได้ชี้แจงในต้นโพสต์ว่า เป็นคลิปที่ได้รับมาจากในกลุ่มไลน์ และขออนุญาตเจ้าของคลิปในการแชร์ต่อ เพื่อเป็นกำลังใจให้แก่คุณป้าที่ออกมาพูดถึงปัญหาที่เกิดขึ้นอย่างตรงไปตรงมากับเจ้าหน้าที่รัฐ
จากสถานการณ์ตัวเลขผู้ติดโควิดที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องตั้งแต่เดือนเมษายนที่ผ่านมา ทำให้เมื่อวันที่ 9 กรกฎาคม 2564 มีประกาศจากศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) ว่าด้วยเรื่องของการปรับเพิ่มจังหวัดในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด (สีแดงเข้ม 10 จังหวัด), พื้นที่ควบคุมสูงสุด (สีแดง 24 จังหวัด), พื้นที่ควบคุม (สีส้ม 25 จังหวัด) และพื้นที่เฝ้าระวังสูง (สีเหลือง 18 จังหวัด) ซึ่งกรุงเทพมหานครจัดอยู่ในพื้นที่สีแดงเข้ม ในขณะที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยาถูกยกระดับให้อยู่ในพื้นที่ที่แดง มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 12 กรกฎาคมที่ผ่านมา
คลิปดังกล่าวเป็นภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหลังวันที่ 12 กรกฎาคม ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้าไปในพื้นที่ร้าน และขอความร่วมมือให้คุณป้าเจ้าของร้านปิดร้านตามเวลาที่กำหนด ซึ่งคุณป้าได้แสดงความคิดเห็นกลับ มีใจความว่า มาตรการที่กำหนดเป็นการขอความร่วมมือที่ไร้แผนการเยียวยา ขอความร่วมมือให้ปิดร้านอาหารเร็ว แต่กว่าประชาชนจะเดินทางกลับถึงบ้านจากงาน ร้านรวงก็ปิดหมดแล้ว กลายเป็นปัญหาที่ไม่ใช่แค่ร้านอาหารขาดรายได้ แต่ประชาชนก็ไม่มีข้าวกิน
“เรา (พูดถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจ) มีเงินเดือน พวกเรามีข้าวกิน แต่ประชาชนหิวข้าว จะทำอย่างไร” ปัญหาที่แลดูเหมือนจะธรรมดา แต่สะท้อนถึงปากท้องของประชาชนจริงๆ ที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการที่ผ่านมา คุณป้าได้กล่าวต่ออีกว่า “ถึงผู้ว่าฯ อยุธยา นะคะ ถ้าคุณคิดจะสั่งการ คุณต้องเตรียมแผนรองรับด้วย ขณะนี้อยุธยาขอความร่วมมือนะคะพี่น้อง ไม่ใช่คำสั่ง แต่ตำรวจปฏิบัติเหมือนพวกเราทำความผิด มันคือการขอความร่วมมือที่ไม่มีการเยียวยาใดๆ ทั้งสิ้น”
เราเชื่อว่าจนถึงตอนนี้ทุกคนทราบกันดีว่า ไม่ใช่ทุกร้านอาหารที่สามารถปรับตัวและรอดท่ามกลางวิกฤตการณ์โควิดภายใต้มาตรการรับมือของรัฐ เพราะมีหลักฐานของร้านอาหารที่ต้องปิดตัวลงให้เห็นกันอยู่ตลอด คำพูดจากคุณป้าจึงไม่เพียงแสดงให้เห็นว่า ‘มาตรการขอความร่วมมือที่ไร้แผนการเยียวยารองรับนั้นส่งผลกระทบต่อประชาชนมากแค่ไหน’ ทั้งยังเป็นคำพูดที่ไม่ได้พูดแทนแค่ตัวเอง แต่แทนเสียงของผู้ประกอบการทั่วประเทศ ไม่ว่าจะมีขนาดเล็ก กลาง หรือใหญ่ ทำให้จากคลิปต้นทาง มีผู้แชร์ต่อ ณ ปัจจุบันกว่า 65,000 แชร์ภายในข้ามคืน
อย่างไรก็ตาม เมื่อเช้าวันที่ 18 กรกฎาคม 2564 ทาง ศบค. ได้มีประกาศปรับพื้นที่สถานการณ์โควิดใหม่ และจังหวัดพระนครศรีอยุธยาถูกปรับขึ้นมาอยู่ในพื้นที่สีแดงเข้ม ซึ่งอยู่ภายใต้มาตรการที่จะมีผลบังคับใช้วันที่ 20 กรกฎาคม 2564 เป็นต้นไป อย่างน้อย 14 วัน ยกตัวอย่างบางส่วน เช่น
– ห้ามออกนอกเคหสถานเพิ่มเติมระหว่างเวลา 21.00-04.00 น. ของวันรุ่งขึ้น
– การจำหน่ายอาหารหรือเครื่องดื่ม ให้เปิดดำเนินการได้ถึงเวลา 20.00 น. โดยห้ามการบริโภคในร้าน และให้ดำเนินการเฉพาะการนำกลับไปบริโภคที่อื่นเท่านั้น
– ร้านสะดวกซื้อและตลาดสด ให้เปิดดำเนินการได้จนถึงเวลา 20.00 น. โดยจำกัดเวลาสำหรับร้านสะดวกซื้อ ให้ปิดให้บริการในระหว่างเวลา 20.00-04.00 น. ของวันรุ่งขึ้น
ทาง THE STANDARD POP ขอเป็นหนึ่งในกระบอกเสียงส่งต่อเสียงจากผู้ประกอบการรายเล็กจากจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เพียงหวังว่าหลังจากประกาศมาตรการข้อบังคับแล้ว รัฐจะรับฟังเสียงจากประชาชนตัวเล็ก และมีการวางแผนเยียวยาอย่างเป็นรูปธรรม เพื่อให้ประชาชนรอดจากวิกฤตโควิดได้จริง
ดูคลิปเต็มได้ที่: https://www.facebook.com/imbamee/videos/193053902789299
อ่านบทความที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติม: