หลังจากที่ประชุมองค์การอนามัยโลก (WHO) มีมติพิจารณาให้ ‘ภาวะเมื่อยล้าหมดไฟ’ (Burnout) เป็นสภาวะที่ต้องได้รับการรักษาในทางการแพทย์เป็นครั้งแรก ล่าสุดอธิบดีกรมควบคุมโรคแนะนำให้พักผ่อนอย่างเพียงพอ ผ่อนคลายอารมณ์ด้วยกิจกรรมอื่นๆ หรือปรับสิ่งแวดล้อมในการทำงาน จะสามารถช่วยจัดการภาวะเมื่อยล้าหมดไฟได้ดีขึ้น
เมื่อวันที่ (4 มิ.ย.) ที่ผ่านมา นายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่าจากการประชุมองค์การอนามัยโลก (WHO) ที่เมืองเจนีวา สวิตเซอร์แลนด์ โดยมติที่ประชุมพิจารณาให้จัดการภาวะเมื่อยล้าหมดไฟ (Burnout) เป็นภาวะที่ต้องได้รับการรักษาในทางการแพทย์เป็นครั้งแรกในคู่มือวินิจฉัยและจัดประเภทของโรคระหว่างประเทศ (ICD-11) เพื่อให้เป็นมาตรฐานในการวินิจฉัยโรคและการประกันสุขภาพใหม่ทั่วโลก ซึ่งกรมควบคุมโรคจะได้หารือวางแผนเพื่อพิจารณาระบบเฝ้าระวังและบูรณาการกับกรมสุขภาพจิตในการควบคุมและป้องกันโรคต่อไปในอนาคต
โดยลักษณะอาการที่เข้าข่ายภาวะเมื่อยล้าหมดไฟที่เกิดขึ้นจากการทำงานแบ่งเป็น 3 ประเภท ดังนี้
- รู้สึกหมดไฟ เหนื่อยล้า พลังชีวิตหดหาย
- มีความรู้สึกไม่อยากทำงาน ต้องการมีระยะห่างจากงาน หรือมีทัศนคติเชิงลบต่องาน
- ประสิทธิภาพในการทำงานลดลง
ซึ่งลักษณะอาการดังกล่าวเป็นผลมาจากความเครียดในการทำงานหรือการทำงานไม่ประสบผลสำเร็จตามที่คาดการณ์ไว้ อาจก่อให้เกิดความเสี่ยงที่จะเป็นโรคซึมเศร้าสูงขึ้นในอนาคตได้
โดยนายแพทย์สุวรรณชัยกล่าวต่อไปว่า ปัจจัยเสี่ยงด้านสุขภาพที่เกี่ยวข้องกับการทำงานอาจเกิดจากปัญหาด้านสุขภาพจิตที่อยู่ในสภาพแวดล้อมการทำงาน ซึ่งส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับการมีปฏิสัมพันธ์ระหว่างบุคคล สภาพแวดล้อม และการจัดการขององค์กร ทักษะและความสามารถของพนักงานในการจัดการปัญหาความไม่สมดุลระหว่างงานกับชีวิตส่วนตัว
รวมทั้งการสนับสนุนขององค์กร ซึ่งปัญหาเหล่านี้อาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพจิตและเป็นสาเหตุของอาการผิดปกติทางจิต หรือนำไปสู่การใช้แอลกอฮอล์หรือยาเสพติด การรังแกและการคุกคามทางจิตวิทยาเป็นสาเหตุของความเครียดที่เกี่ยวข้องกับการทำงานและมีความเสี่ยงต่อสุขภาพของคนงาน ส่งผลต่อปัญหาทั้งทางจิตใจและร่างกาย ทำให้ประสิทธิภาพการทำงานลดลง
อย่างไรก็ตาม กรมควบคุมโรคได้แนะนำวิธีการจัดการกับภาวะเมื่อยล้าหมดไฟออกเป็น 2 ด้านคือ
- การจัดการกับตัวเอง เช่น พักผ่อนให้เพียงพอ นอนอย่างน้อย 8 ชั่วโมงต่อวัน, ผ่อนคลายอารมณ์ด้วยกิจกรรมอื่นๆ เช่น ดูหนัง ฟังเพลง หรือช้อปปิ้ง เพื่อให้รางวัลกับตนเอง, พูดคุยขอคำปรึกษากับผู้อื่นว่าคุณรู้สึกหมดแรงหรือเบื่อ หากมีอาการรุนแรงมากกว่าปกติหรือต้องการความช่วยเหลือ สามารถปรึกษาผู้เชี่ยวชาญได้
- คำแนะนำขององค์การอนามัยโลกในการจัดการกับสิ่งแวดล้อมในการทำงาน โดยการปรับสิ่งแวดล้อมในการทำงานให้มีความรู้สึกทางบวกมากขึ้น ซึ่งต้องอาศัยวิสัยทัศน์และนโยบายของผู้บริหาร เช่น สร้างเป้าหมายเส้นทางอาชีพให้พนักงานอย่างชัดเจน สร้างการมีส่วนร่วมในการตัดสินใจของพนักงาน เพิ่มนโยบายดูแลสุขภาพกายและใจของพนักงานเพื่อช่วยเหลือและดูแลอย่างเหมาะสม
โดยประชาชนสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการจัดการกับภาวะเมื่อยล้าหรือหมดไฟได้ที่สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร. 1422
พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์
อ้างอิง: