เกิดอะไรขึ้นกับเรดบูลล์ เรซซิงในสิงคโปร์กรังด์ปรีซ์

นี่เป็นครั้งแรกในระยะเวลา 308 วัน ที่ฟอร์มูลาวันมีผู้ชนะรายอื่นที่ไม่ใช่นักขับจากเรดบูลล์ เรซซิง ซึ่งนี่นับว่าเป็นปรากฏการณ์ ‘เรดบูลล์พ่าย’ เลยก็ว่าได้

ถึงแม้ในกีฬาต่างๆ ชัยชนะมักจะไม่ถูกผูกขาดเป็นธรรมดา และการที่เรดบูลล์ เรซซิงพ่ายในมารีนา เบย์ สตรีท เซอร์กิต เมื่อคืนที่ผ่านมา (17 กันยายน) ก็ควรจะเป็นเรื่องธรรมดา แต่หากใครได้ตาม F1 ฤดูกาลนี้ก็จะรู้ดีว่าเป็นเรื่องยากเหลือเกินที่จะโค่นทีมแชมป์เก่าลงจากบัลลังก์

และนอกจากจะเป็นสนามแรกที่ผู้ชนะไม่ใช่เรดบูลล์แล้ว นี่ยังเป็นสนามแรกในฤดูกาลนี้เช่นกันที่เรดบูลล์ เรซซิงไม่ได้ติดอยู่บนโพเดียม

คำถามคือ ‘เกิดอะไรขึ้นกับเรดบูลล์ เรซซิง ณ สิงคโปร์กรังด์ปรีซ์?’

อันที่จริงแล้ว การหลุดฟอร์มของเรดบูลล์มีสัญญาณมาตั้งแต่รอบควอลิฟายแล้ว เมื่อรถของ แม็กซ์ เวอร์สแตพเพน จบอันดับที่ 11 ในรอบดังกล่าว

โดยหลังจากทำผลงานไม่ติดท็อป 10 ในการออกสตาร์ทแชมป์โลกชาวดัตช์เปิดเผยว่า เขาเองก็ ‘ช็อก’ กับสมรรถภาพรถของเขา ขณะที่ แลนโด นอร์ริส นักขับสหราชอาณาจักรจากทีม แม็คลาเรน เมอร์เซเดส ถึงขั้นกับกล่าวว่า “ผมหัวเราะออกมานิดหน่อย เพราะไม่เคยเห็นรถแย่ขนาดนั้นมาก่อน แม็กซ์เองก็หัวเราะเกี่ยวกับเรื่องนี้ด้วยเหมือนกัน”

เรดบูลล์มาที่สิงคโปร์โดยคาดไว้อยู่แล้วว่ามันจะเป็นการแข่งขันที่ยากที่สุดของฤดูกาล แต่ไม่มีใครทั้งในทีมหรือนอกทีมคาดว่าพวกเขาจะแย่ขนาดนี้

โดย พอล โมนาแกน หัวหน้าวิศวกร ยอมรับว่าพวกเขามีปัญหาบางอย่างในรถ ซึ่งทีมรู้ว่าไม่สามารถแก้ไขได้ในทันที แถมสนามแข่งไม่ได้ช่วยอะไรให้ดีขึ้น และพร้อมกันนั้นพวกเขายังทำข้อผิดพลาดหลายประการในการแข่งขันรอบควอลิฟายด้วย

ขณะที่ คริสเตียน ฮอร์เนอร์ หัวหน้าทีมเรดบูลล์ ก็ส่งสัญญาณว่าทีมจะทำผลงานได้ไม่น่าประทับใจในสนามนี้มาตั้งแต่หลังจบรอบควอลิฟายแล้ว หลังเขาออกมาบ่นกับทุกสิ่ง

ฮอร์เนอร์กล่าวว่า “มันน่าสับสนมากที่ความเร็วที่เรามีแต่ลดลง รถไม่ตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลง ทั้งปัญหา อันเดอร์สเตียร์ โอเวอร์สเตียร์ และการเบรก

“เราได้ลองสิ่งต่างๆ ด้วยการเตรียมการที่แตกต่างกัน และมันก็ไม่ได้มีอะไรดีขึ้น”

มีการตั้งข้อสังเกตว่า การที่พวกเขาฟอร์มหลุดอย่างรุนแรงอาจจะเกี่ยวกับการที่สหพันธ์ยานยนต์นานาชาติ หรือ FIA สั่งแบน Flexible Front Wings หรือไม่ โดยฮอร์เนอร์ก็ตอบว่า “ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงในตัวรถ เราลองรูปแบบใหม่ ชิ้นส่วนทางอากาศ (กลศาสตร์) อื่นๆ เมื่อวันศุกร์ (15 กันยายน) และเราเปลี่ยนกลับเป็นส่วนประกอบนั้น ดังนั้นจึงเป็นการตั้งค่าที่ผ่านการทดลองและทดสอบที่เราทำมาแล้ว”

ฮอร์เนอร์กล่าวโดยสรุปว่า

“มันเป็นกีฬาที่ซับซ้อนมาก เป็นกีฬาที่มีการแข่งขันสูงมาก และการมีรถยนต์ที่สามารถแข่งขันได้ในทุกสถานที่ในทุกสภาวะบนยางทุกแบบ ซึ่งถือเป็นความท้าทายอย่างยิ่ง เรามองเห็นเรื่องนั้นได้แม้กระทั่งในยุคที่เมอร์เซเดสครองอำนาจ ซึ่งบางครั้งพวกเขาจะมีการสะดุดให้เห็นไม่ต่างกัน”

แต่อย่างไรก็ตาม หลังการแข่งขันจบลงโดยที่ไม่มีเรดบูลล์บนโพเดียม และชื่อผู้ชนะในสนามนี้ ฮอร์เนอร์ก็ยังคงมองเรื่องนี้ในแง่ดี เขากล่าวว่า “บางทีการจำลองบททดสอบของเราอาจไม่ได้นำเราไปสู่ข้อสรุปที่ถูกต้อง และคุณต้องหาทางคลี่คลายเรื่องนี้ และสุดท้ายเราก็จัดการมันผิดที่ เผยให้เห็นจุดอ่อนบางประการของรถ ซึ่งถือเป็นบทเรียนที่มีประโยชน์มากสำหรับปีหน้าอย่างแท้จริง

“เราเข้าใจการแข่งขันมากขึ้นเยอะ และความเร็วของรถก็กลับมาเป็นไปตามที่เราคาดหวังไว้ ดังนั้นผมคิดว่าเราทำได้ดีมาก ในช่วงหลัง ความเร็วของแม็กซ์นั้นยอดเยี่ยมมาก

“เราไม่ได้ผิดหวัง เราไม่เคยคาดหวังไว้อยู่แล้ว ยังมีการแข่งขันอีก 7 รายการที่ต้องดำเนินต่อไป การได้ผ่านการแข่งขัน 15 รายการที่ผ่านมานั้นเกินจินตนาการของเราไปไกล การที่แม็กซ์ชนะ 10 รายการติดต่อกันถือเป็นเรื่องบ้าบอคอแตกมาก เราภูมิใจกับสิ่งนี้อย่างถึงที่สุดเหมือนกัน”

แม้ทางฝั่งเรดบูลล์จะพยายามบอกว่าความล้มเหลวทั้งหมดที่เกิดขึ้นที่สิงคโปร์เป็นเพราะความไม่พร้อมของพวกเขาเอง แต่ก็ปฏิเสธความยอดเยี่ยมของทีมเฟอร์รารีไม่ได้เลย

เมื่อคืนวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (17 กันยายน) ทุกอย่างก็เป็นไปตามแผนที่พวกเขาตั้งใจไว้ เฟอร์รารีวางแผนการแข่งขันอย่างพิถีพิถัน จนถึงขั้นวางกลยุทธ์ให้ ชาร์ลส์ เลอแคลร์ เปิดทางให้ การ์รอส ไซนซ์ คว้าชัยชนะ

หลังจากควบคุมความเร็วและจัดการสนามได้ตลอดการแข่งขันแล้วบนสนามมารีนา เบย์ สตรีท เซอร์ ที่การแซงเป็นเรื่องยากอย่างสาหัส ไซนซ์ก็ยังสามารถรับมือกับความกดดันในช่วง 20 รอบสุดท้ายได้อย่างอยู่หมัด

ความยอดเยี่ยมของไซนซ์แสดงออกมาอย่างชัดเจนในช่วง 4 รอบสุดท้าย ที่เขาเคลื่อนไหวเพื่อช่วยเหลือ แลนโด นอร์ริส จากทีมแม็คลาเรน ในการป้องกันการแซงของเมอร์เซเดสได้อย่างโดดเด่นในโค้ง 14-17 ของรอบที่ 59

จังหวะนั้นถูกอธิบายว่านักขับชาวสเปน ตั้งใจที่จะลดช่องว่างของตัวเองกับนอร์ริสลง เพื่อเปิดโอกาสให้นักขับจากแม็คลาเรน เปิดใช้ DRS เพื่อหนีการไล่จี้ของเมอร์เซเดสที่อาจจะคุกคามทั้งนอร์ริสและเขาได้

สุดท้ายแล้ว นอร์ริสเอาตัวรอดจากจังหวะดังกล่าวได้สำเร็จ และส่งผลให้เขาได้อันดับที่ 2 ในเรซนี้ และยังส่งผลให้ไซนซ์คว้าแชมป์สนามนี้ไปโดยปริยาย

ซึ่งหลังจากเรซจบลงนักขับจากสหราชอาณาจักรก็ออกปากชมคู่แข่งจากทีม ‘ม้าลำพอง’ ในการตัดสินใจจังหวะดังกล่าวว่า “การ์ลอสขับได้อย่างชาญฉลาด การเพิ่ม DRS นั้น มีประโยชน์มาก เราทำงานร่วมกันใช้มันอย่างชาญฉลาดเพื่อให้เมอร์เซเดสอยู่ข้างหลังเรา”

อย่างไรก็ตาม แม้ความล้มเหลวของเรดบูลล์ที่สิงคโปร์กรังด์ปรีซ์จะกลายเป็นพาดหัวใหญ่พาดหัวหนึ่งสำหรับผู้ทที่นิยมชมชอบใน F1 แต่นั่นก็ยังปฏิเสธความจริงในภาพรวมที่ว่าฤดูกาลนี้ยังคงเป็นฤดูกาลของเรดบูลล์ เรซซิงไม่ได้อยู่ดี

ปัจจุบัน แม็กซ์ เวอร์สแตพเพน ทำคะแนนเพิ่มเป็น 374 คะแนน นำหน้าเพื่อร่วมทีมอย่าง เซร์คิโอ ‘เชโก’ เปเรซ ที่มี 223 คะแนน อยู่ 151 แต้ม ซึ่งช่องว่างดังกล่าวยังไม่มากพอที่จะการันตีแชมป์โลกให้นักขับชาวดัตช์ แม้ว่าเขาจะได้แชมป์ที่ซูซูกะอินเตอร์เนชันแนลเซอร์กิตในสนามต่อไปก็ตาม

แต่คะแนนของเขาก็ห่างกับ ‘ท่านเซอร์’ ลูอิส แฮมิลตัน อยู่เกือบ 200 คะแนน ขณะที่เชโกก็ห่างจากแฮมิลตัน 43 คะแนน ซึ่งเป็นช่องว่างที่ไล่ไม่ทันในเรซเดียวอย่างแน่นอน

เรดบูลล์มีผลงานอันยอดเยี่ยมที่เจแปนนิส กรังด์ปรีซ์ ปีก่อน

และยิ่งหากมองไปที่การแข่งขันในประเภททีมผู้ผลิตจะยิ่งเห็นช่องว่างชัดเจน เพราะปัจจุบัน เรดบูลล์ เรซซิง เก็บคะแนนทั้งหมด 15 สนามไปถึง 597 คะแนน ทิ้งห่างเมอร์เซเดส ทีมอันดับ 2 ห่าง 308 คะแนน!

ดังนั้น แม้สิ่งที่เกิดขึ้นในสิงคโปร์จะสะท้อนความผิดพลาดและความไม่พร้อมของเรดบูลล์ออกมาให้เห็นบ้าง แต่นั่นอาจจะเป็นข้อดีแบบที่ คริสเตียน ฮอร์เนอร์ บอกจริงๆ ก็ได้ เพราะพวกเขายังมีเวลาในการแก้ไขบางสิ่งบางอย่างตลอด 1 สัปดาห์ ก่อนรายการเจแปนนิส กรังด์ปรีซ์ จะเปิดฉากขึ้นที่ซูซูกะ

และต้องอย่าลืมว่า เรดบูลล์ทำได้ดีทีเดียวในการแข่งขันที่นี่เมื่อปีก่อน หลังเวอร์สแตพเพนคว้าแชมป์ได้สำเร็จ ขณะที่เปเรซจองอันดับที่ 2 และพวกเขาหมายมั่นปั้นมือที่จะทำแบบนั้นอีกครั้งในปีนี้

เรื่องนั้นอาจจะต้องไปว่ากันต่อไปในการแข่งขันสนามหน้า ซึ่งเราอาจจะเห็นเรดบูลล์ เรซซิงกลับมาเป็นทีมแบบที่พวกเขาควรจะเป็นอีกครั้งแล้วก็ได้

อ้างอิง: