×

Reboot: เริ่มต้นใหม่ฟุตบอลไทย แพ้ด้วยกัน ชนะด้วยกัน ยิ้มด้วยกัน

06.09.2019
  • LOADING...
ฟุตบอลทีมชาติไทย

HIGHLIGHTS

4 Mins. Read
  • สาเหตุสำคัญที่ทำให้เกมการแข่งขันระหว่างทีมชาติไทยและเวียดนามน่าสนใจเป็นเพราะ ทั้ง 2 ทีมมีปมค้างคาใจกันมาจากศึกฟุตบอลคิงส์คัพเมื่อกลางปีที่ผ่านมา
  • ‘นิชิโนะ’ ถูกจับตามองอยู่หลายประเด็น กับการนำทีมลุยคัดบอลโลกครั้งนี้ โดยเฉพาะการเรียกกองหน้าธรรมชาติเพียงแค่คนเดียวคือ ศุภชัย ใจเด็ด ซึ่งตรงนี้ เป็นปัญหาที่ลึกซึ้งและน่าเป็นห่วงมาสักพักแล้ว

ด้วยหลายๆ เหตุผลทำให้เกมฟุตบอลโลกรอบคัดเลือก 2022 ระหว่างทีมชาติไทยและทีมชาติเวียดนามเมื่อค่ำวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา (5 ก.ย.) ได้รับความสนใจจากแฟนกีฬาอย่างมาก 

 

ส่วนหนึ่งอาจเพราะเป็นการพบกันของ 2 ชาติที่ถือเป็นมหาอำนาจในลูกหนังอาเซียน ทั้งเจ้าเก่าอย่างไทย และเจ้าใหม่อย่างเวียดนาม (ว่ากันด้วยผลงานและอันดับ) ซึ่งมีปมค้างคาใจกันมาจากศึกฟุตบอลคิงส์คัพเมื่อกลางปีที่ผ่านมา

 

ความเป็น ‘คู่แข่ง’ ทำให้เลือดลมมันร้อนแรง ไม่ว่าจะเป็นผู้เล่นในสนามหรือกองเชียร์ที่อยู่นอกสนาม

 

อีกส่วนหนึ่งที่อาจจะมีความสำคัญไม่ได้น้อยไปกว่ากันคือ วันนี้เป็นวันเริ่มต้นใหม่อย่างเป็นทางการของทีมชาติไทยภายใต้การนำของ นิชิโนะ อากิระ โค้ชชาวญี่ปุ่นที่เป็นจุดสนใจของวงการฟุตบอลไทยตลอดช่วงระยะเวลาหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา

 

ฟุตบอลทีมชาติไทย

 

ลำพังด้วย ‘ชื่อชั้น’ ของนิชิโนะ ในฐานะอดีตโค้ชที่ได้นำทีมชาติญี่ปุ่นตะลุยฟุตบอลโลกก็ถือว่าน่าจับตามองอยู่แล้ว เมื่อพ่วงด้วย ‘เรื่องราว’ ของเขาในการทำงานกับเหล่าสโมสรในเจลีก เสียงเล่าเสียงลือเรื่องสไตล์การเล่นที่น่าตื่นตาตื่นใจก็ทำให้เกิดกระแสการพูดถึงกุนซือเลือดซามูไรคนนี้อย่างกว้างขวางเกิด ทั้งคำถามและความคาดหวังในเวลาเดียวกัน

 

ทุกความเคลื่อนไหวของ ‘นิชิโนะซัง’ ถูกจับตามองอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะในช่วงที่ผ่านมาตั้งแต่เรื่องของการเลือกผู้เล่นที่ทำให้เกิดกระแสการพูดถึงอย่างหนาหู เนื่องจากในตำแหน่งกองหน้าธรรมชาตินั้นมีผู้เล่นเพียงแค่คนเดียวคือ ศุภชัย ใจเด็ด จากทีมบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด

 

หรือเราจะเล่นแบบ False9? กูรูลูกหนังหลายคนตั้งคำถามได้น่าสนใจ?

 

เช่นกันกับเหตุการณ์วุ่นวายเล็กๆ เมื่อมีข่าวที่มีผู้สื่อข่าวเวียดนามสอดแนมการซ้อมลับของไทย ที่สมาคมฟุตบอลฯ ถึงขั้นประณามการกระทำดังกล่าว และยังมีการกล่าวหาว่ามีคนไทยด้วยกันเองที่เป็นหนอนบ่อนไส้ชี้ช่องให้สื่อเวียดนามได้ทำตัวเป็นสปายประดุจหนังสายลับ

 

ทั้งหมดทั้งมวลเป็นเพราะไม่มีใครรู้ว่าทีมชาติไทยภายใต้กุนซือชาวญี่ปุ่นคนใหม่จะมีหน้าตาเป็นอย่างไร

 

จนกระทั่งเมื่อ 18.00 น. หรือก่อนเกมการแข่งขันจะเริ่มขึ้น 1 ชั่วโมง ทุกคนจึงได้เห็นรายชื่อ 11 คนแรกที่จะลงสนาม

 

แน่นอนว่ามาพร้อมกับเครื่องหมายคำถามอีกครั้งของแฟนบอลที่เข้ามาเกือบเต็มความจุของสนามกีฬามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ รังสิต และแฟน ‘ช้างศึก’ ทั่วประเทศ

 

เมื่อแดนหน้าของไทยไม่มีศุภชัย ใจเด็ด และก็ไม่ได้ใช้กองหน้าเดี่ยว แต่เป็นระบบกองหน้าคู่ 4-4-2 แบบไดมอนด์ โดยให้ สุภโชค สารชาติ ยืนประจำการกับ ฐิติพันธ์ พ่วงจันทร์ โดยมี ชนาธิป สรงกระสินทร์ สวมเสื้อหมายเลข 10 ยืนประจำการในตำแหน่ง ‘No.10’ 

 

ฟุตบอลทีมชาติไทย

 

อย่างไรก็ดี ในเกมฟุตบอลสมัยใหม่ ตำแหน่งการยืนที่ประกาศออกมาก่อนลงสนามไม่ได้หมายความว่าทีมจะเล่นในแบบนั้นเสมอไป เราได้เห็นชนาธิปมีการขยับขึ้นมายืนสูงร่วมกับสุภโชคและฐิติพันธ์ มากกว่าจะถอยลงมาต่ำตามตำแหน่งเพียงแต่อย่างเดียว

 

อย่างไรก็ดี สิ่งที่ผมคิดว่าน่าสนใจมากกว่ารายละเอียดเหล่านี้คือเรื่องของระบบ ไม่ต่างอะไรจากเวลาสัมภาษณ์งานน้องๆ สักคน สิ่งที่ผมสนใจมากกว่าเรื่องของรายละเอียดมากมายในใบสมัครคือกระบวนการความคิดความอ่านของพวกเขาว่าเป็นอย่างไร แน่นหรือกลวง

 

สำหรับทีมชาติไทยภายใต้การนำของนิชิโนะซัง แม้จะเป็นแค่เกมแรก แต่จากสิ่งที่เห็นและเป็นอยู่ ผมเชื่อว่าไทยน่าจะกลับมาเป็นทีมที่ดีและอยู่ในใจของแฟนบอลอีกครั้งได้ไม่ยาก Shape ของทีมถือว่าดีใช้ได้ การยืนตำแหน่งเป็นระเบียบดีทีเดียว อาจจะมีบ้างที่เวียดนามใช้การสวนกลับและการต่อบอลเร็วเข้าเล่นงาน แต่ก็น้อยเกินกว่าจะทำให้รู้สึกว่าอันตราย

 

ส่วนหนึ่งเป็นเพราะ พัคฮังโซ โค้ชชาวเกาหลีใต้มอบหมายคำสั่งให้กับนักเตะเวียดนามชัดเจน ไม่ชนะไม่เป็นไร แต่ต้องไม่แพ้กลับบ้าน ทำให้เวียดนามจึงถอยร่นไปตั้งรับลึก เปิดโอกาสให้ไทยครองบอลแต่ไม่ได้ครองเกม และลงสลักกลอนในพื้นที่สุดท้าย (Final Third) ไม่ให้ไทยเล่นได้เลย

 

แต่เกมของไทยถือว่าเป็นระเบียบดี เข้าขั้นเกือบ ‘เป๊ะ’ ซึ่งสำหรับผมเรื่องนี้เป็นพื้นฐานที่สำคัญครับ

 

สิ่งที่ไทยขาดในเกมนี้คือเรื่องของพลังขับเคลื่อนในแดนกลาง และพลังทำลายในแนวรุกที่ยังน้อยเกินไป การขยับฐิติพันธ์ขึ้นไปยืนสูงเป็นการเดิมพันของนิชิโนะที่มองเห็นพลังขับเคลื่อนของ ‘เจ้านิว’ จากในเจลีก ซึ่งก็มีบางนัดที่ถูกดันขึ้นมายืนสูง แต่ก็ทำให้ไทยขาดห้องเครื่องตรงกลางสนามไป เช่นเดียวกับชนาธิป ที่ถูกประกบตายจากคู่แข่งจนไม่สามารถทำอะไรได้ถนัด

 

ฟุตบอลทีมชาติไทย

 

จุดนี้สัมพันธ์กับการที่ไทยไม่มีกองหน้าที่นิชิโนะพอใจจะใช้งาน แม้กระทั่งในรายของศุภชัย ใจเด็ด ก็เป็นแค่ตัวสำรองและถูกส่งลงสนามมาในช่วงท้ายเกมโดยที่ไม่สามารถจะทำอะไรได้ถนัดนัก

 

ตรงนี้เป็นปัญหาที่ลึกซึ้งและน่าเป็นห่วงมาสักพักแล้ว

 

เพราะในไทยลีก สโมสรส่วนใหญ่มักจะซื้อผู้เล่นต่างชาติในตำแหน่งที่เป็นแกนของทีม โดยเฉพาะกองหลังตัวกลางและกองหน้าตัวเป้า นั่นทำให้เด็กไทยถูกปิดกั้นโอกาสในการจะลงสนาม

 

ส่วนหนึ่งก็ต้องยอมรับว่ากองหน้าไทยฝีเท้าและประสบการณ์สู้นักเตะต่างชาติไม่ได้

 

เราจึงไม่มีศูนย์หน้าที่เป็น ‘ฮีโร่’ ของทีมเหมือนในอดีตที่มี ปิยะพงษ์​ ผิวอ่อน, เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง และรายสุดท้ายคือ ธีรศิลป์ แดงดา เกิดขึ้นอีก

 

การจะแก้ปัญหาไม่สามารถทำได้ด้วยการกำหนดโควตาให้ทุกสโมสรต้องมีกองหน้าไทยอยู่ในทีม แต่ต้องแก้ด้วยการเร่งพัฒนานักเตะขึ้นมา สายเลือดเก่าอาจจะทำได้ยากก็ต้องไปหวังกับสายเลือดใหม่แทน

 

แต่นั่นก็เป็นปัญหาที่ต้องใช้เวลาและไม่ใช่สิ่งที่จะแก้ไขได้ใครคนใดคนหนึ่งเพียงลำพังครับ

 

เหมือนกับที่ไม่มีใครสามารถโทษสุภโชค ในจังหวะเสี้ยววินาทีชี้เป็นชี้ตายที่ตัดสินใจเลือกที่จะทำประตูเองมากกว่าจะจ่ายบอลให้ชนาธิป ที่เติมขึ้นมาช่วยและยืนรออยู่โล่งๆ และสุดท้ายพลาดจนทำให้ทีมทำได้แค่เสมอกับเวียดนามในเกมนี้

 

ฟุตบอลเป็นเรื่องของทีมไม่ใช่ใครคนใดคนหนึ่งครับ 

 

แพ้ด้วยกัน ชนะด้วยกัน ยิ้มด้วยกัน ร้องไห้ด้วยกัน

 

ฟุตบอลทีมชาติไทย

 

สำหรับทีมชาติไทย ผมเชื่อว่าเราอยู่ในมือของคนที่ดีครับ และน่าสนใจว่าหากนิชิโนะมีเวลาในการทำงานมากกว่านี้ เข้าใจทีมชาติไทยมากกว่านี้ เข้าใจฟุตบอลไทยมากกว่านี้ เขาจะพาเราไปได้ไกลถึงไหนกัน

 

สำหรับสมาคมฟุตบอลฯ ขอบคุณที่พยายามเรียกศรัทธาฟุตบอลไทย หลายสิ่งทำได้ดีแล้ว แต่ยังมีอีกหลายเรื่องที่คิดว่าต้องพัฒนา โดยเฉพาะเรื่องขององค์ความรู้ของโค้ช การสร้างโค้ชรุ่นใหม่ การนำเทคโนโลยีลูกหนังสมัยใหม่เข้ามาช่วย และการวางโครงสร้างฐานรากฟุตบอลไทยให้แข็งแกร่ง

 

สำหรับแฟนบอลไทย หลังผิดหวังมาต่อเนื่องในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา บางทีอาจจะถึงเวลาที่เราต้องเริ่มต้นกันใหม่ด้วยความรู้สึกใหม่ๆ

 

ภาษาฝรั่งเขามีคำว่า Reboot ที่หมายถึงเริ่มกันใหม่

 

คนละไม้คนละมือ ช่วยกันสร้างสิ่งใหม่ๆ ไปด้วยกันนะครับ 🙂

 

พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า

FYI
  • ต้นกำเนิดตำแหน่งการเล่นแบบ False9 ตามประวัติศาสตร์แล้วต้องย้อนกลับไปไกลถึง 125 ปี แต่ที่เป็นที่รู้จักในสมัยใหม่มาจากทีมชาติสเปน ในชุดแชมป์ฟุตบอลยูโร 2012 ที่ใช้ เซสก์ ฟาเบรกาส ซึ่งเป็นกองกลางตัวรุกยืนในตำแหน่งศูนย์หน้า
  • แต่ก่อนนั้น เป๊ป กวาร์ดิโอลา คิดค้นตำแหน่งและบทบาทใหม่ให้กับ ลิโอเนล เมสซี และใช้เป็นครั้งแรกในเกม ‘เอลกลาสิโก’ ในช่วงปลายฤดูกาล 2008-09 โดยที่ไม่มีใครในทีมที่รู้เรื่องนี้มาก่อน
  • นิชิโนะ อากิระ มีประวัติการทำงานกับทีมชาติญี่ปุ่นหลายชุด ส่วนกับสโมสรผลงานที่ดีที่สุดคือช่วงการคุมกัมบะ โอซาก้า ที่พาทีมพิชิตแชมป์เจลีก และเอเอฟซี แชมเปียนส์ลีก รวมถึงคว้าอันดับ 3 ในรายการคลับเวิลด์คัพ
  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising