ทีม ‘ราชันชุดขาว’ เรอัล มาดริด โชว์ความเหนือชั้นอีกระดับสยบ ‘หงส์แดง’ ลิเวอร์พูล ได้อย่างสวยงามด้วยสกอร์ 3-1 ในศึกฟุตบอลยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก รอบ 8 ทีมสุดท้าย นัดแรก ขณะที่แมนเชสเตอร์ ซิตี้เฉือนเอาชนะโบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ 2-1
การกลับมาพบกันอีกครั้งของคู่ชิงชนะเลิศศึกถ้วยใบใหญ่ของยุโรปในปี 2018 จบลงด้วยชัยชนะสำหรับทีมของ ซีเนดีน ซีดาน ที่เล่นได้อย่างยอดเยี่ยมอีกครั้ง โดยในเกมนี้เรอัล มาดริดเล่นเหนือกว่าตั้งแต่เริ่ม และได้ 2 ประตูในครึ่งแรกจาก วินิเชียส จูเนียร์ ในนาทีที่ 27 ซึ่งมาจากการเปิดบอลสุดแม่นยำของ โทนี โครส ก่อนที่ เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ จะโหม่งสกัดพลาดไปเข้าทาง มาร์โก อเซนซิโอ งัดบอลหนีมือของอลิสสัน ก่อนจะส่งบอลตุงตาข่ายสบายๆ ในนาทีที่ 36
ลิเวอร์พูลซึ่งแก้เกมตั้งแต่ยังไม่จบครึ่งแรกด้วยการถอด นาบี เกอิตา ที่เล่นไม่ออกและให้ ติอาโก อัลคันทารา ลงมาคุมเกมแดนกลางแทน เหมือนอาการจะเริ่มดีขึ้นเมื่อได้ประตูไล่ตามมาเป็น 2-1 ตั้งแต่ต้นครึ่งหลังจาก โมฮาเหม็ด ซาลาห์ แต่ว่าเรอัล มาดริดมาได้ประตูหนีห่างไปอีกจากการเข้าทำง่ายๆ ลูกา โมดริช จ่ายให้วินิเชียสยิงประตูที่ 2 ของตัวเองในนาทีที่ 65 และเป็นประตูย้ำชัยให้อดีตแชมป์ 13 สมัยคว้าชัยชนะในนัดแรกก่อน 3-1 รอไปเยือนแอนฟิลด์ในสัปดาห์หน้า
อีกคู่ที่ลงสนามวันเดียวกัน แมนเชสเตอร์ ซิตี้เฉือนเอาชนะโบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ได้ 2-1 โดย เควิน เดอ บรอยน์ ยิงขึ้นนำไปตั้งแต่นาทีที่ 19 แต่ดอร์ทมุนด์มาไล่ตีเสมอได้ในนาทีที่ 81 จาก มาร์โก รอยส์ โดยการเปิดของ เออร์ลิง เบราต์ ฮาลันด์ แต่สุดท้าย ฟิล โฟเดน ทำประตูชัยให้ ‘เรือใบสีฟ้า’ ได้ในนาทีที่ 90
โดยในเกมนี้มีลูกปัญหาของ จูด เบลลิงแฮม มิดฟิลด์ดาวรุ่งเสือเหลืองที่ฉกเอาบอลจากเอแดร์สัน ที่จับบอลจากลูกจ่ายคืนหลังลั่น แต่ผู้ตัดสินกลับให้เป็นการฟาวล์แบบค้านสายตาในช่วงครึ่งแรกด้วย
พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า