เข้าสู่หน้าฝนเต็มตัวแล้ว แน่นอนว่า ‘ฝน’ สำหรับหลายๆ คนคงเป็นเรื่องน่าเบื่ออยู่ไม่น้อย เพราะเรื่องฟ้าฝนมักจะมาพร้อมกับปัญหารถติด น้ำท่วม บีทีเอสพัง หรือว่าไฟดับ แต่ถึงเรื่องของฝนจะน่าเบื่อขนาดไหน แต่มันก็โรแมนติกขึ้น…หรืออาจจะลำบากขึ้นได้หากเราอยู่ในโลกที่เรียกว่า ‘Rainverse’
โลกที่ว่านี้ไม่ได้มีอยู่ตามความเชื่อเรื่องโลกคู่ขนานแบบ Multiverse ใดๆ แต่มันเป็นโลกที่ถูกสร้างขึ้นมาในวงการนักเขียนนิยายเว็บบอร์ดของหลายๆ ประเทศ ซึ่งคำว่า Verse (เวิร์ส) นั้นมาจากคำว่า Universe หรือจักรวาล ที่แต่ละเวิร์สจะมีเงื่อนไขของตัวเองแตกต่างกันออกไป เพื่อให้นักเขียนได้มีพื้นที่เพิ่มเติมในการแต่งแต้มเรื่องราวใหม่ๆ
ด้วยความที่เวิร์สต่างๆ เป็นเพียงคอนเซปต์กว้างๆ ที่เข้าใจกันเองในแวดวงคนเขียนและคนอ่านนิยาย ทำให้เงื่อนไขที่เกิดขึ้นในนิยายแต่ละเรื่องไม่ได้ตรงกันมากนัก ตามการตีความโลกสายฝนของนักเขียนแต่ละคน
อย่าง JackXy Wu นามปากกาของนักเขียนเจ้าของผลงาน Beautiful Silence คุณผู้มากับสายฝน นิยาย Rainverse ที่มีผู้เข้าอ่านกว่าแสนครั้งบนเว็บไซต์ readAwrite ก็มีการพูดถึงโลกนี้ในนิยายของตัวเองไว้ว่า “แพทริคมีตัวตนอยู่ในโลกที่ไร้เสียงฝนตก…โลกที่เขาอาศัยช่างแปลกประหลาด เมื่อถึงช่วงเวลาหนึ่งของอายุจะได้ยินเสียงโซลเมตตัวเองผ่านสื่อกลางอย่างสายฝน บ้างได้ยินช้า บ้างได้ยินเร็ว หากวันไหนเสียงฝนเบาลงเรื่อยๆ หมายความว่าใกล้ถึงเวลาได้สื่อกับโซลเมตจากอีกสุดสายปลายทางแห่งโชคชะตา”
ในขณะที่ nalin_m นามปากกาเจ้าของเรื่อง คีตาวสันต์ (Rainverse) อธิบายไว้ว่า “นิยายเรื่องนี้มีจักรวาลคือ Rainverse ซึ่งก็คือคนที่เป็นโซลเมตกันจะเกิดอาการหูดับและไม่ได้ยินเสียงใดๆ นอกจากเสียงของโซลเมตตัวเองในวันที่ฝนตก และถ้าหากไม่สามารถหาโซลเมตเจอ หรือโซลเมตตายไปก็จะไม่ได้ยินเสียงใครตอนฝนตกได้อีกตลอดไป”
ส่วนนิยายเรื่อง Rain you l ดังกว่าสายฝน ของ Kirati ก็มีการบรรยายอาการแปลกๆ ใน Rainverse ไว้คล้ายๆ กันคือ “มีเรื่องเล่ากันแบบปากต่อปากเกี่ยวกับความรักในวันที่สายฝนร่วงหล่น วันที่เราจะไม่ได้ยินเสียงของใครทั้งนั้นนอกจากเสียงของคนที่เป็นเนื้อคู่ และยังบอกอีกว่าหากตามหากันไม่เจอ เมื่อไรที่ฝนตก คนคนนั้นจะไม่ได้ยินเสียงใครอีกเลยชั่วชีวิต”
หากสรุปเรื่องราวของโลกนี้ให้เข้าใจได้ง่ายๆ Rainverse ก็คือหนึ่งในเวิร์สที่มีเงื่อนไขเกี่ยวข้องกับฟ้าฝน โดยกำหนดให้มีกลุ่มคนพิเศษเพิ่มขึ้นมาเป็นเปอร์เซ็นต์เลขตัวเดียวของประชากรทั้งหมด ซึ่งกลุ่มคนพิเศษเหล่านี้จะเกิดมาพร้อมอาการหูดับทุกครั้งที่ฝนตก
ทำให้คนพิเศษส่วนใหญ่ต้องเผชิญกับความรู้สึกโดดเดี่ยว และแปลกแยกจากสังคม ยิ่งเข้าสู่หน้าฝนเหล่าคนพิเศษก็ยิ่งจะสื่อสารกับคนอื่นๆ ได้ยากขึ้น จนเรียกได้ว่าถ้าโลก Rainverse มีรถติด น้ำท่วม บีทีเอสพัง หรือไฟดับเหมือนที่เราคุ้นชิน ฤดูฝนของเหล่าคนพิเศษก็คงน่าเบื่อละลำบากกว่าเดิมหลายเท่าตัว
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นโลกนี้ยังมีเงื่อนไขสำคัญอีกหนึ่งข้อ ‘เสียงของโซลเมต’ ที่แม้ว่าคนพิเศษจะหูดับทุกครั้งที่ฝนตก แต่เสียงเดียวที่พวกเขานี้จะได้ยินขณะฝนตกก็คือเสียงของโซลเมต หรือเนื้อคู่ของตัวเอง ซึ่งโซลเมตอาจจะเป็นกลุ่มคนพิเศษด้วยกันเอง หรือคนธรรมดาที่พระเจ้า aka นักเขียน กำหนดเอาไว้ให้มาช่วยเหลือและคอยอยู่เคียงข้างคนพิเศษ เพื่อเปลี่ยนให้หน้าฝนของพวกเขาไม่เงียบเหงาเหมือนที่ผ่านๆ มา
ในนิยายเรื่อง La Pluie ฝนตกครั้งนั้นฉันรักเธอ โดย eddy มีการบรรยายอาการของกลุ่มคนพิเศษไว้ว่า “แพทย์ทั่วโลกเองก็ยังไม่สามารถหาสาเหตุได้ชัดว่ากลุ่มอาการนี้เกิดจากอะไรกันแน่ เนื่องจากจำนวนเคสผู้ป่วยบนโลกที่มีน้อยจนเกินไป แต่พวกเขาเรียกมันว่าเป็นภาวะอาการ Sudden Sensorineural Hearing Loss During Raining” ซึ่งบางครั้งอาการที่ว่ามานี้ก็จะเริ่มต้นขึ้นในช่วงวัยที่ถูกกำหนดเอาไว้ เช่น อายุครบ 18 ปี หรืออายุครบ 20 ปี เป็นต้น
แม้ว่าโลกนิยายจะยังมีเวิร์สอื่นที่ถูกสร้างขึ้นอีกมากมาย ทั้ง Colorverse, Cakeverse ไปจนถึง Omegaverse แต่ Rainverse ก็ยังเป็นเวิร์สเดียวที่ถูกหยิบมาทำเป็นซีรีส์ในไทย ไม่ว่าจะเป็น Voice in the Rain เสียงรักในสายฝน ซีรีส์จาก Viu Original ที่ออกอากาศไปเมื่อปี 2021, ซีรีส์ Love in the Rain เมื่อเมษาคือหน้าฝน ที่เพิ่งปล่อยทีเซอร์ตัวแรกไปเมื่อไม่นานมานี้ และซีรีส์ La Pluie ฝนตกครั้งนั้นฉันรักเธอ ที่กำลังออกอากาศทางช่อง one31 และ iQIYI อยู่ตอนนี้
โดยเนื้อหาคร่าวๆ ของ La Pluie ฝนตกครั้งนั้นฉันรักเธอ บอกเล่าความเป็นไปของความสัมพันธ์ ที่รักนิรันดร์มีปัจจัยมากกว่าคำว่า ‘โซลเมต’ จนทำให้ ‘แสงใต้’ พระเอกของเรื่องเลิกเชื่อในความรัก และเลือกที่จะไม่ติดต่อกับโซลเมตของตัวเอง แต่จนแล้วจนรอดโลกก็เหวี่ยงพวกเขามาเจอกันอยู่ดี
สำหรับใครที่กำลังเซ็งกับฟ้าฝน ไม่อยากออกไปไหนให้เฉอะแฉะ หรือกำลังอยากเสพความโรแมนติกแฟนตาซีอยู่ในตอนนี้ ก็ลองให้จักรวาล Rainverse เป็นอีกตัวเลือกหนึ่งได้เช่นกัน
อ้างอิง: