×

PwC เผย กลุ่มธุรกิจที่เปิดรับการใช้งาน AI มากขึ้น ช่วยผลิตภาพแรงงานเพิ่มขึ้นเกือบ 5 เท่า

28.06.2024
  • LOADING...

PwC ประเทศไทย ระบุว่า กลุ่มธุรกิจที่เปิดรับการใช้งาน AI ปัจจุบันมีการเติบโตของผลิตภาพแรงงานสูงเกือบ 5 เท่า เปรียบเทียบกับกลุ่มที่ไม่ใช้ AI ซึ่งมีผลิตภาพแรงงานที่ต่ำกว่า ตามรายงาน Global AI Jobs Barometer ประจำปี 2567 ของ PwC

 

ทั้งนี้รายงานซึ่งได้วิเคราะห์โฆษณารับสมัครงานมากกว่า 500 ล้านรายการจาก 15 ประเทศ แสดงให้เห็นว่า เทคโนโลยี AI อาจทำให้หลายประเทศหลุดพ้นจากการเติบโตของผลผลิตที่ต่ำอย่างต่อเนื่อง ทำให้เกิดการพัฒนาเศรษฐกิจ ค่าจ้างที่สูงขึ้น และมาตรฐานการครองชีพที่ดีขึ้น

 

รายงานของ PwC ยังระบุด้วยว่า ทุกประกาศรับสมัครงานที่ต้องใช้ทักษะผู้เชี่ยวชาญด้าน AI ในปี 2555 ขณะนี้มีประกาศรับสมัครงาน 7 ตำแหน่ง ขณะที่การเติบโตของงานที่ต้องใช้ทักษะ AI ได้แซงหน้างานทั้งหมดตั้งแต่ปี 2559 โดยตำแหน่งงานที่ต้องการทักษะ AI เพิ่มขึ้นเร็วกว่างานทั้งหมดถึง 3.5 เท่า

 

นอกจากนี้ รายงานยังเน้นย้ำถึงโอกาสทางเศรษฐกิจสำหรับกำลังแรงงาน โดยงานที่ต้องใช้ทักษะ AI มีส่วนต่างค่าจ้างสูงถึง 25% ในบางตลาด

 

ทักษะที่นายจ้างต้องการกำลังเปลี่ยนแปลงเร็วขึ้นในอาชีพที่เปิดรับ AI มากขึ้น โดยทักษะเก่าหายไป และทักษะใหม่ๆ ปรากฏในโฆษณางานในอัตราที่สูงกว่าอาชีพที่เปิดรับ AI น้อยกว่าถึง 25% แรงงานจึงจำเป็นต้องสาธิตหรือเรียนรู้ทักษะใหม่ เพื่อรักษาความสำคัญในสายอาชีพของตนเอง

 

ในขณะที่คำถามเกี่ยวกับผลกระทบของเทคโนโลยีที่มีต่อความมั่นคงของงานไปจนถึงความอยู่รอดทางธุรกิจในระยะยาวนั้นยังคงมีอยู่มากมาย ผลจากรายงานฉบับนี้เน้นย้ำถึงข่าวดี แม้แต่พนักงานในกลุ่มธุรกิจที่มีการเปิดรับ AI มากที่สุด

 

นอกจากนี้ ผลจากรายงานยังสะท้อนถึงข่าวดีสำหรับแรงงานและเศรษฐกิจโลก ซึ่งแรงงานที่สามารถทำงานร่วมกับ AI จะมีประสิทธิผลและคุณค่ามากยิ่งขึ้น รวมถึงสร้างโอกาสใหม่ๆ ในการเจริญก้าวหน้าทั้งสำหรับบุคลากรและประเทศ เช่นเดียวกับการปฏิวัติทางเทคโนโลยีในอดีตจากไฟฟ้าสู่คอมพิวเตอร์ โดย AI กำลังพลิกโฉมวิธีทำงานของแรงงานให้สามารถปรับตัวเพื่อรับโอกาสใหม่ๆ

 

ด้าน แครอล สตับบิงส์ หัวหน้า Global Markets และสายงานภาษีและกฎหมาย PwC สหราชอาณาจักร กล่าวว่า AI กำลังเปลี่ยนตลาดแรงงานทั่วโลก และนำข่าวดีมาสู่เศรษฐกิจโลกที่กำลังเผชิญกับความท้าทายและความกังวลเกี่ยวกับความสามารถในการดำเนินธุรกิจในระยะยาว สำหรับหลายๆ ประเทศที่ประสบปัญหาการขาดแคลนแรงงานและการเติบโตของผลิตภาพต่ำ

 

ข้อมูลจากรายงานนี้เน้นย้ำถึงการมองโลกในแง่ดีเกี่ยวกับ AI ด้วยเทคโนโลยีที่แสดงถึงโอกาสในการพัฒนาเศรษฐกิจ การสร้างงาน และการสร้างอุตสาหกรรมใหม่โดยสิ้นเชิง อย่างไรก็ตาม ผลการวิจัยแสดงให้เห็นว่า พนักงานจะต้องสร้างทักษะใหม่ๆ และองค์กรต่างๆ จะต้องลงทุนในกลยุทธ์ AI และบุคลากร หากต้องการเร่งการพัฒนา และให้แน่ใจว่าพวกเขาจะเหมาะสมกับยุค AI

 

ผลิตภาพแรงงานเพิ่มขึ้นเกือบ 5 เท่า ในภาคส่วนที่เปิดรับการใช้งาน AI มากขึ้น

 

รายงานฉบับนี้ยังแสดงให้เห็นภาพเชิงบวกของผลกระทบจาก AI ที่มีต่อตลาดแรงงานและประสิทธิภาพการทำงาน โดยกลุ่มธุรกิจที่เปิดรับการใช้งาน AI มากที่สุด ได้แก่ บริการทางการเงิน เทคโนโลยีสารสนเทศ และบริการระดับมืออาชีพ ซึ่งปัจจุบันมีการเติบโตของผลิตภาพแรงงานสูงกว่ากลุ่มธุรกิจอื่นๆ ที่เปิดรับการใช้ AI น้อยกว่าเกือบ 5 เท่า

 

งานที่ต้องใช้ทักษะ AI ได้รับส่วนต่างค่าจ้างสูง

 

ในตลาดแรงงานหลักทั้ง 5 ประเทศ ซึ่งมีข้อมูลค่าจ้าง (ประกอบด้วย สหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร แคนาดา ออสเตรเลีย และสิงคโปร์) รายงานพบว่า งานที่ต้องใช้ทักษะผู้เชี่ยวชาญด้าน AI จะได้รับส่วนต่างค่าจ้างสูง (หรือสูงถึง 25% โดยเฉลี่ยในสหรัฐฯ) สะท้อนถึงคุณค่าของทักษะเหล่านี้ที่มีต่อบริษัทในอุตสาหกรรมต่างๆ (เช่น ในสหรัฐฯ) ซึ่งอาจมีตั้งแต่อาชีพนักบัญชี (18%) นักวิเคราะห์ทางการเงิน (33%) ผู้จัดการฝ่ายขายและการตลาด (43%) ไปจนถึงนักกฎหมาย (49%) แม้ว่าส่วนต่างค่าจ้างจะแตกต่างกันไปตามตลาด แต่ส่วนใหญ่จะสูงกว่าในทุกตลาดที่วิเคราะห์

 

การเข้าถึงการใช้งาน AI กำลังเร่งตัวขึ้น โดยเฉพาะในงานด้านความรู้

 

ผลการศึกษาพบว่า กลุ่มธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับงานด้านความรู้เติบโตรวดเร็วที่สุดในส่วนแบ่งของงานที่ต้องใช้ทักษะด้าน AI ซึ่งรวมถึงบริการทางการเงิน (ส่วนแบ่งงานที่ต้องใช้ทักษะ AI สูงกว่า 2.8 เท่า เทียบกับภาคส่วนอื่นๆ) บริการแบบมืออาชีพ (สูงกว่า 3 เท่า) และข้อมูลและการสื่อสาร (สูงกว่า 5 เท่า)

 

การสร้างและพัฒนาทักษะมีความจำเป็น ตลาดแรงงานไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป


บริษัท แรงงาน และผู้กำหนดนโยบาย ต่างมีความรับผิดชอบในการช่วยให้แรงงานสร้างทักษะเพื่อประสบความสำเร็จในตลาดงานที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ทักษะที่นายจ้างต้องการในอาชีพที่ใช้ AI มากขึ้นกำลังเปลี่ยนแปลงในอัตราที่สูงกว่า 25% เมื่อเทียบกับอาชีพที่ใช้ AI น้อย ขณะที่ซีอีโอ 69% ยังคาดหวังว่า AI จะต้องอาศัยทักษะใหม่ๆ จากพนักงาน โดยตัวเลขนี้เพิ่มขึ้นเป็น 87% ของซีอีโอที่ได้นำ AI ไปใช้แล้ว ตามการสำรวจซีอีโอทั่วโลกประจำปี 2567 ครั้งที่ 27 ของ PwC

 

ด้าน พีท บราวน์ หัวหน้ากำลังแรงงานระดับโลก PwC สหราชอาณาจักร กล่าวเสริมว่า ธุรกิจและรัฐบาลทั่วโลกจะต้องตรวจสอบให้แน่ใจว่าพวกเขาได้ลงทุนอย่างพอเพียงในทักษะที่จำเป็นสำหรับบุคลากรและองค์กรของตน หากต้องการเติบโตในเศรษฐกิจโลกและตลาดแรงงานที่กำลังเปลี่ยนแปลงด้วย AI ในขณะเดียวกันยังมีโอกาสมหาศาลสำหรับผู้คน องค์กร และเศรษฐกิจ ที่มีความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีใหม่และเกิดใหม่ เช่น AI ซึ่งแนวทางการสรรหาบุคลากรที่เน้นทักษะเป็นอันดับแรก รวมถึงการลงทุนอย่างต่อเนื่องในการยกระดับทักษะแรงงาน ถือเป็นสิ่งสำคัญ เนื่องจากไม่มีอุตสาหกรรมหรือตลาดใดที่จะรอดพ้นจากผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีและเศรษฐกิจของ AI ได้

 

สกอตต์ ลิเกนส์ หัวหน้า AI และนวัตกรรมเทคโนโลยีระดับโลก PwC สหรัฐฯ กล่าวว่า AI ให้มากกว่าประโยชน์ในการเพิ่มประสิทธิภาพ โดยยังนำเสนอวิธีการใหม่ๆ ในการสร้างมูลค่าด้วย ซึ่งในการทำงานกับลูกค้า เราเห็นบริษัทที่ใช้ AI เพื่อเพิ่มคุณค่าที่บุคลากรของพวกเขาสามารถมอบให้ได้ ทั้งนี้เราไม่มีนักพัฒนาซอฟต์แวร์ แพทย์ หรือนักวิทยาศาสตร์ เพียงพอที่จะสร้างโค้ด บริการสุขภาพ และความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์ ทั้งหมดตามที่โลกต้องการ ซึ่งหากเราสามารถปรับปรุงความสามารถในการส่งมอบสิ่งเหล่านั้นได้ ก็จะมีโอกาสที่ไร้ขีดจำกัดสำหรับองค์กรและบุคคลที่ลงทุนในการเรียนรู้และประยุกต์ใช้เทคโนโลยี

 

สำหรับมุมมองของไทยนั้น ดร.ภิรตา ภักดีสัตยพงศ์ หุ้นส่วนสายงานที่ปรึกษา PwC ประเทศไทย กล่าวว่า AI กำลังเปลี่ยนแปลงตลาดแรงงานไทยอย่างมีนัยสำคัญ ดังนั้นความสามารถในการพัฒนาทักษะจะเป็นสิ่งที่กำหนดความสำเร็จของพนักงาน ซึ่งทักษะสำคัญที่ต้องเร่งพัฒนามีตั้งแต่ทักษะที่เกี่ยวกับเทคโนโลยี ทักษะทางด้านอารมณ์ (Soft Skill) ทักษะการวิเคราะห์ข้อมูล และทักษะการทำงานร่วมกับผู้อื่น เป็นต้น

 

“ปัจจุบันงานที่ต้องใช้ทักษะ AI ในไทยกำลังเป็นที่ต้องการและหายากในตลาดมากขึ้นเรื่อยๆ นี่จึงเป็นสาเหตุที่ค่าตอบแทนของงานประเภทนี้สูงกว่างานไอทีและวิศวกรราว 25-40%” ดร.ภิรตา กล่าว

 

นอกจากนี้ ในยุคที่พนักงานสามารถทำงานจากที่ไหนก็ได้ ยังส่งผลให้แรงงานไทยบางส่วนที่เป็นผู้พัฒนาซอฟต์แวร์สำหรับ AI เลือกที่จะทำงานในประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งให้ค่าตอบแทนสูงกว่าไทย ดร.ภิรตา กล่าว

 

“องค์กรไทยต้องวางแผนเรื่องการใช้งาน AI อย่างจริงจัง โดยนำกรณีศึกษาที่ประสบความสำเร็จมาเป็นตัวอย่าง และอาจเริ่มจากการนำ AI มาช่วยในงานที่ทำซ้ำๆ จนทำให้พนักงานได้เห็นว่า AI นั้นเข้ามาช่วยพวกเขาและไม่ได้มาแย่งงาน แถมยังเป็นการเพิ่มทักษะการใช้งานไปในตัวด้วย นอกจากนี้ นายจ้างควรต้องทำแผนบริหารความเปลี่ยนแปลงและสื่อสารให้พนักงานทราบว่า AI นั้นเข้ามาสนับสนุนการทำงานของพวกเขาอย่างไร และไม่ลืมที่จะวางแผนการใช้งานและวัดความสำเร็จจากการใช้งานเป็นระยะๆ ควบคู่ไปกับมีกรอบการใช้งาน AI อย่างมีความรับผิดชอบ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย”


ดร.ภิรตา กล่าวว่า กลุ่มธุรกิจที่นำ AI ไปปรับใช้ ควรต้องจัดฝึกอบรมการพัฒนาทักษะแรงงาน รวมทั้งส่งเสริมให้สถาบันการศึกษาสร้างบัณฑิตที่สามารถขับเคลื่อนองค์กรไปสู่การทำงานร่วมกับเทคโนโลยีให้ทันกับความต้องการของตลาดงานมากขึ้น

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

X
Close Advertising