×

สธ. แนะอย่าตื่นตระหนกฝุ่น PM2.5 ใช้ผ้าชุบน้ำปิดจมูกก็พอ กรมอุตุฯ เผย ตั้งแต่วาเลนไทน์นี้อากาศกรุงเทพฯ จะดีขึ้น

14.02.2018
  • LOADING...

HIGHLIGHTS

4 Mins. Read
  • รมว.สาธารณสุข ขอให้ประชาชนตระหนักโดยไม่ตื่นตระหนก และสามารถใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างปกติ เนื่องจากปริมาณฝุ่นละอองขนาดเล็กไม่ได้เกินค่ามาตรฐานในทุกพื้นที่ ส่วนพื้นที่ที่มีค่าเกินมาตรฐานก็ไม่ได้สูงอยู่ตลอดเวลา
  • อธิบดีกรมควบคุมโรค แนะสำหรับประชาชนทั่วไปอาจไม่มีความจำเป็นต้องใช้หน้ากาก N95 หากจำเป็นใช้ผ้าชุบน้ำบิดพอหมาดๆ ปิดปากปิดจมูกก็พอแล้ว
  • กรมควบคุมมลพิษ เผยปริมาณฝุ่น PM2.5 ในปีนี้ไม่ได้ถือว่ามีมากที่สุด แต่เนื่องจากปีนี้กรุงเทพฯ มีสภาพอากาศปิด อากาศนิ่ง ไม่ถ่ายเท ทำให้เกิดการสะสมของฝุ่นละออง

นับตั้งแต่ช่วงเดือนมกราคม ปี 2561 คนกรุงเทพฯ ได้รู้จักทักทายกับฝุ่นละอองขนาดเล็กกว่า 2.5 ไมครอน (PM 2.5) สร้างความตื่นตัวและตื่นตระหนกให้กับประชาชนทั่วไปไม่น้อย

 

วันนี้ (14 ก.พ.) กระทรวงสาธารณสุข ได้เชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาร่วมกันแถลงข่าวชี้แจงทำความเข้าใจถึงสถานการณ์ฝุ่นละอองที่เกิดขึ้น และการรับมือป้องกันที่ถูกต้อง

 

 

นายแพทย์ปิยะสกล สกลสัตยาทร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ขอให้ประชาชนตระหนักโดยไม่ตื่นตระหนก และสามารถใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างปกติ เนื่องจากปริมาณฝุ่นละอองขนาดเล็กไม่ได้เกินค่ามาตรฐานในทุกพื้นที่ ส่วนพื้นที่ที่มีค่าเกินมาตรฐานก็ไม่ได้สูงอยู่ตลอดเวลา

 

ทั้งนี้จากการเฝ้าจับตาสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ยังไม่พบผู้ป่วยโรคทางเดินหายใจที่มีความรุนแรง หรือผู้ป่วยที่เป็นกลุ่มก้อน อย่างไรก็ตาม ได้กำชับให้หน่วยงานในสังกัดเฝ้าระวัง 4 โรคสำคัญ ได้แก่ โรคระบบทางเดินหายใจ โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคเยื่อบุตาอักเสบ และโรคผิวหนัง ที่อาจเกิดจากฝุ่นละอองขนาดเล็ก รวมทั้งติดตามจำนวนผู้ป่วยที่มาเข้ารับบริการในห้องฉุกเฉิน

 

สำหรับประชาชนในกลุ่มเสี่ยงคือ กลุ่มผู้สูงอายุ หญิงตั้งครรภ์ และเด็กเล็ก หากจำเป็นต้องมีกิจกรรมนอกบ้านขอให้ใช้ผ้าชุบน้ำบิดพอหมาดๆ หรือหน้ากากป้องกันฝุ่นที่สามารถกันฝุ่นละอองขนาดเล็ก (หน้ากาก N95) มาปิดจมูกและปาก รวมทั้งดื่มน้ำมากๆ และหลีกเลี่ยงการออกกำลังกายแบบหักโหมในพื้นที่ที่มีค่าฝุ่นละอองเกินมาตรฐาน

 

นายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวเสริมว่า สำหรับประชาชนทั่วไปอาจไม่มีความจำเป็นต้องใช้หน้ากาก N95 หากไม่ได้อยู่ในพื้นที่ที่มีค่าฝุ่นละอองเกินมาตรฐานนานต่อเนื่อง คำแนะนำคือหากต้องเดินทางผ่านในพื้นที่ดังกล่าว สามารถใช้ผ้าชุบน้ำบิดพอหมาดๆ ปิดปากปิดจมูกก็เพียงพอแล้วในการป้องกัน

 

 

ปริมาณฝุ่น PM2.5 สูงกว่าเกณฑ์มาหลายปี แต่ปีนี้อากาศปิด ฝุ่นจึงรวมตัว

นายวิจารย์ สิมาฉายา ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) เปิดเผยว่า

 

กรมควบคุมมลพิษ มีสถานีวัดฝุ่นละอองขนาดเล็กทั้งหมด 6 สถานี โดยในพื้นที่ กทม. มีหน่วยวัดที่ใช้ได้ 1 สถานี และอยู่ระหว่างปรับปรุงอีก 20 สถานี เพื่อให้ครอบคลุมพื้นที่ทั้งหมด

 

จากการตรวจวัดที่ผ่านมา กทม. มีค่าฝุ่น PM2.5 สูงเกินมาตรฐานตั้งแต่กลางเดือนมกราคมที่ผ่านมา ทั้งนี้ในช่วงที่มีปัญหาเพราะสภาพอากาศค่อนข้างนิ่ง โดยเฉพาะในช่วงปลายเดือนมกราคม-ต้นเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา สภาพอากาศนิ่งมาก และมีความชื้นสูง ทำให้การกระจายตัวของฝุ่นละอองขนาดเล็กทำได้อยาก

 

 

นายวิจารย์ กล่าวว่า ข้อมูลจากการตรวจสอบปริมาณฝุ่น PM2.5 เฉลี่ย 24 ชั่วโมงในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ของกรมควบคุมมลพิษตั้งแต่ปี 2559-2561 จะพบว่าช่วงเดือนมกราคม-มีนาคม พื้นที่กรุงเทพฯ จะมีปริมาณฝุ่น PM2.5 เกินค่ามาตรฐาน 50 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตรทุกปี

 

ดังนั้นสถานการณ์ปริมาณฝุ่น PM2.5 ในปีนี้จึงไม่ได้ถือว่ามีมากที่สุด โดยจากข้อมูลจะพบว่ามีปริมาณใกล้เคียงกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2559 แต่เนื่องจากปีนี้กรุงเทพฯ มีสภาพอากาศที่ปิด อากาศนิ่งไม่ถ่ายเท ทำให้เกิดการสะสมของฝุ่นละออง

 

 

กรมอุตุฯ เผย ตั้งแต่วันวาเลนไทน์อากาศกรุงเทพฯ จะเริ่มดีขึ้น

ด้านผู้แทนกรมอุตุนิยมวิทยา ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า ตั้งแต่วันนี้ (14 ก.พ.) เป็นต้นไป อากาศเริ่มร้อนขึ้น ฝุ่น PM2.5 จะลอยตัวสูงขึ้น โดยช่วงกลางวันมีแนวโน้มลมทางทิศใต้เข้ามาพาฝุ่นละอองขนาดเล็กดังกล่าวออกจากพื้นที่กรุงเทพฯ อย่างไรก็ตาม ไม่ได้หมายความว่าลมจะพัดฝุ่นละอองขนาดเล็กไปทางทิศเหนือและจะมีผลกระทบต่อพื้นที่พระนครศรีอยุธยาหรือปทุมธานี เพราะเมื่อฝุ่นขนาดเล็กลอยสูงขึ้น การกระจายตัวก็จะดีขึ้นตามไปด้วย

 

 

รถยนต์-ก่อสร้าง คือสาเหตุหลัก แนะตรุษจีนเผากระดาษเงิน-ทองในพื้นที่ปิด

นางสุวรรณา จุ่งรุ่งเรือง รองปลัดกรุงเทพมหานคร เปิดเผยข้อมูลจากการตรวจวัดปริมาณฝุ่น PM2.5 ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม-13 กุมภาพันธ์ รวม 44 วัน พบว่าสถานีตรวจวัดที่พบค่าฝุ่นละอองขนาดเล็กเกินมาตรฐานที่สุดได้แก่

  1. บริเวณสถานีการไฟฟ้าย่อยธนบุรี ถนนอินทรพิทักษ์ เขตธนบุรี
  2. โรงเรียนบดินทรเดชา เขตวังทองหลาง
  3. โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ ถนนพระราม 4
  4. บริเวณกรมอุตุนิยมวิทยา ถนนสุขุมวิท
  5. หน้าสำนักงานเขตราชเทวี ถนนพญาไท
  6. บริเวณ สน.โชคชัย ถนนลาดพร้าว เขตวังทองหลาง

 

สาเหตุหลักของปริมาณฝุ่นมาจากปริมาณรถยนต์จำนวนมากถึง 9.7 ล้านคันในพื้นที่กรุงเทพฯ และเป็นรถยนต์ดีเซล 2.4 ล้านคัน หรือประมาณ 25% สาเหตุรองลงมาคือการเผาในที่โล่ง การก่อสร้างต่างๆ จำนวนมากทั่วกรุงเทพฯ

 

 

ทั้งนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องยังฝากไปถึงประชาชนชาวไทยเชื้อสายจีน ซึ่งมักจะมีพิธีกรรมเผากระดาษเงิน-กระดาษทองในเทศกาลตรุษจีน โดยแนะนำว่าควรเผาเท่าที่จำเป็น และเผาในพื้นที่ปิด นอกจากนี้ยังเตือนถึงอันตรายของการเผากระดาษเงิน-กระดาษทองด้วยว่า ควันที่เกิดขึ้นมีสารก่อมะเร็งอยู่ ซึ่งน่าเป็นห่วงกว่าปริมาณฝุ่นขนาดเล็ก

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

X
Close Advertising