บมจ.ปตท. หรือ PTT มีกำไรสุทธิในไตรมาส 1 ปี 2564 รวม 32,587.61 ล้านบาท เพิ่มขึ้นกว่า 100% จากไตรมาสเดียวกันปีที่แล้ว ที่มีผลขาดทุนสุทธิ 1,554.36 ล้านบาท
PTT รายงานผลการดำเนินงานต่อตลาดหลักทรัพย์ว่า ในไตรมาส 1 ปี 2564 ปตท. และบริษัทย่อยมีรายได้จากการขายจำนวน 477,837 ล้านบาท ลดลงจากไตรมาส 1 ปี 2563 จำนวน 5,730 ล้านบาท หรือ 1.2% ส่วนใหญ่มาจากรายได้ของธุรกิจน้ำมันที่ลดลงตามปริมาณขายที่ลดลงจากผลกระทบของการแพร่ระบาดของโควิด-19 รวมถึงรายได้ของกลุ่มธุรกิจก๊าซธรรมชาติและธุรกิจสำรวจและผลิตปิโตรเลียมที่ปรับลงตามราคาขายเฉลี่ยของก๊าซธรรมชาติที่ปรับลดลง
อย่างไรก็ตาม รายได้ของกลุ่มปิโตรเคมีและการกลั่น รวมถึงธุรกิจการค้าระหว่างประเทศเพิ่มขึ้นตามราคาขายผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมและปิโตรเคมีที่เพิ่มสูงขึ้น
ปตท. และบริษัทย่อย มี EBITDA เพิ่มขึ้น 70,612 ล้านบาท หรือมากกว่า 100.0% จากไตรมาสแรกปีที่ผ่านมา สาเหตุหลักจากกลุ่มธุรกิจปิโตรเคมีและการกลั่น โดยธุรกิจการกลั่นมีผลการดำเนินงานเพิ่มขึ้นอย่างมากจาก กำไรสต๊อกน้ำมันประมาณ 12,000 ล้านบาทในไตรมาสนี้ ตามราคาน้ำมันดิบที่ปรับเพิ่มขึ้นจากสิ้นไตรมาส 4 ปี 2563 เทียบกับขาดทุนจากสต๊อกน้ำมันประมาณ 32,000 ล้านบาทในช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่งผลให้ Accounting GRM ปรับเพิ่มขึ้นเป็น 6.9 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลในไตรมาสแรกปีนี้ จากขาดทุน 7.6 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลในไตรมาสแรกปี 2563
รวมถึงผลการดำเนินงานของธุรกิจปิโตรเคมีก็ปรับเพิ่มขึ้นเช่นกัน ตามส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีกับวัตถุดิบสายโอเลฟินส์และอะโรเมติกส์โดยรวมที่ปรับตัวสูงขึ้นตามความต้องการซื้อสินค้าปลายน้ำที่เพิ่มขึ้น
ในส่วนของธุรกิจการค้าระหว่างประเทศ มีผลการดำเนินงานปรับตัวดีขึ้น โดยหลักจากกำไรขั้นต้นที่สูงขึ้นของ Condensate ในประเทศ อีกทั้งกลุ่มธุรกิจก๊าซธรรมชาติมีผลการดำเนินงานดีขึ้น โดยหลักจากต้นทุนก๊าซฯ ที่ลดลงและราคาขายเฉลี่ยที่สูงขึ้นของธุรกิจโรงแยกก๊าซธรรมชาติและธุรกิจจัดหาและจัดจำหน่ายก๊าซฯ ที่ขายให้กับกลุ่มลูกค้าอุตสาหกรรม
นอกจากนี้ธุรกิจน้ำมันมีผลการดำเนินงานเพิ่มขึ้นเช่นกัน โดยหลักจากกำไรขั้นต้นที่เพิ่มขึ้น แม้ว่าปริมาณขายลดลงจากผลกระทบการแพร่ระบาดของโควิด-19
อย่างไรก็ตาม ผลการดำเนินงานของธุรกิจสำรวจและผลิตปิโตรเลียมปรับลดลงตามราคาขายเฉลี่ยที่ลดลง แม้ว่าปริมาณขายจะเพิ่ม
สำหรับกำไรสุทธิของ ปตท. และบริษัทย่อยในไตรมาสแรก จำนวน 32,588 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 34,142 ล้านบาท หรือมากกว่า 100% จากไตรมาสเดียวกันปีที่แล้วตาม EBITDA ที่เพิ่มสูงขึ้น รวมทั้งการรับรู้รายการที่ไม่ได้เกิดขึ้นประจำในไตรมาสแรกปีนี้ รวมถึงขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนจากเงินกู้สกุลต่างประเทศในไตรมาสแรกปีนี้ลดลงตามค่าเงินบาทที่อ่อนค่าลง น้อยกว่าไตรมาสแรกปีก่อน แม้ว่าจะมีการรับรู้ขาดทุนจากตราสารอนุพันธ์และภาษีเงินได้ที่เพิ่มขึ้น