×

รอง ผบช.น. บอกผู้ชุมนุมกระโดดลงแฟลตหนีตำรวจเองหลังบาดเจ็บ แจงปมขับชนผู้ชุมนุมแยกดินแดงแล้วหนี เพราะเจตนาขวางรถ-ทำร้ายเจ้าหน้าที่

โดย THE STANDARD TEAM
14.09.2021
  • LOADING...

วันนี้ (14 กันยายน) พล.ต.ต. ปิยะ ต๊ะวิชัย รองผู้บัญชาการตำรจนครบาล (รอง  ผบช.น.) ให้สัมภาษณ์ผ่านรายการ เจาะลึกทั่วไทย Inside Thailand ถึงกรณีการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจควบคุมฝูงชนที่บริเวณแยกดินแดง ซึ่งหลายกรณีมีการวิพากษ์วิจารณ์ว่าเป็นการกระทำที่เกินกว่าเหตุหรือไม่ ทั้งกรณีที่มีผู้ชุมนุมตกลงมาจากแฟลตดินแดง กรณีการขับรถชนผู้ชุมนุมหรือการใช้กำลังเข้าปราบปรามผู้ชุมนุมในเขตที่พักอาศัยของประชาชน 

 

พล.ต.ต. ปิยะ กล่าวถึงกรณีที่ผู้ชุมนุมตกลงมาจากแฟลตดินแดงว่า ภาพที่เป็นข่าวก่อนหน้านี้ ที่มีเจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมฝูงชนบุกเขาไปในแฟลตดินแดง และใช้เท้าถีบผู้ชุมนุมจนตกลงมา ขณะนี้ได้ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจของสถานีตำรวจนครบาล (สน.) ดินแดง และเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานทำการรวบรวมหลักฐานและสอบพยานแล้ว ซึ่งข้อเท็จจริงปรากฏว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการปิดล้อมบริเวณแยกดินแดง มีผู้ชุมนุมบางส่วนที่ใช้แฟลตดินแดง โดยเฉพาะแฟลต 1 เป็นที่หลบซ่อน มีหนึ่งในผู้ชุมนุม พูดว่า “ตำรวจมา” ทำให้ผู้ชุมนุมที่แอบอยู่ตรงระเบียงวิ่งหนีลงมาทางบันได บางส่วนวิ่งหนีมาทางระเบียง และมี 4 คนกระโดดลงมาตรงหลังคาร้านลาบ เป็นเหตุให้ได้รับบาดเจ็บ

 

พล.ต.ต. ปิยะ ระบุว่า ในการบังคับใช้กฎหมายในวันดังกล่าวไม่ได้มีการเข้าไปในแฟลตดินแดงแต่อย่างใด ส่วนยุทธวิธีการการเข้าควบคุมพื้นที่ การเข้าไปในซอยยังพอกระทำได้ แต่การวิ่งเข้าไปในเคหสถาน วิ่งไปที่พักอาศัยของประชาชน เจ้าหน้าที่ตำรวจจะหลีกเลี่ยง เว้นแต่กรณีมีเหตุจำเป็น ซึ่งเป็นความผิดซึ่งหน้าและอาจเกิดอันตรายร้ายแรง และเป็นกฎเหล็กที่เจ้าหน้าที่ตำรวจปฏิบัติทุกวัน

 

“เว้นแต่กรณีที่มีความผิดปรากฏซึ่งหน้าหรือมีอันตรายร้ายแรง โดยเฉพาะมีการทำร้ายเจ้าหน้าที่ หรือว่าพฤติกรรมที่มีความเสี่ยงที่ก่อให้เกิดอันตรายร้ายแรงกับประชาชนที่อยู่บริเวณนั้น สมมติว่ากลุ่มผู้ก่อเหตุมีการจุดไฟจะเผาแฟลตดินแดง แล้ววิ่งเจ้าไปในแฟลต เจ้าหน้าที่ตำรวจมีความจำเป็นต้องเข้าไประงับยับยั้งและจับตัว ตรงนี้เป็นข้อยกเว้น เท่าที่ปฏิบัติมา เราแทบไม่ได้ยกเว้นเลย” พล.ต.ต. ปิยะ ชี้แจงถึงข้อยกเว้นในการเข้าไปในเคหสถาน

 

ส่วนกรณีที่มีการสอบสวนและพบว่าเป็นการกระโดดเองลงมาจากแฟลต พล.ต.ต. ปิยะ ยังได้ชี้แจงถึงกระบวนการสอบสวนว่า มีเจ้าหน้าที่ตรวจพิสูจน์หลักฐานกลาง เข้าไปเก็บรวบรวมพยานหลักฐาน จำลองเหตุการณ์ และสอบปากคำผู้ที่เกี่ยวข้อง โดยพยานบุคคลที่ให้การณ์สอดคล้องกับวัตถุพยานในที่เกิดเหตุ ซึ่งเป็นหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ 

 

“คงต้องชั่งน้ำหนักครับ เพราะมีการใช้สื่อสารออนไลน์ในลักษณะที่บิดเบือน และใช้ข้อความอันเป็นเท็จ โดยเฉพาะมีกลุ่ม มีกระบวนการ มีคนหลายคน เมื่อวานนี้เจ้าหน้าที่กองบัญชาการสืบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ได้ทำการจับกุมตัวถึงระยอง โดยเฉพาะกลุ่มที่มีการโพสต์ Fake News” พล.ต.ต. ปิยะ กล่าว

 

สำหรับกรณีที่มีคลิปตำรวจขับรถชนผู้ชุมนุมนั้น พล.ต.ต. ปิยะ ระบุว่า ต้องชมคลิปเต็ม พร้อมชี้แจงเหตุการณ์ว่า “ตอนต้นคลิปมีคนจำนวน 4-5 คนเข้าไปทุบทำลายรถเจ้าหน้าที่ตำรวจ เป็นเหตุให้รถของเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องขับหนีด้วยความเร็ว แล้วก็มีรถจักรยานยนต์คันหนึ่งวิ่งมาจากข้างหน้าและอีกหลายคันวิ่งตามมา จากนั้นจุดที่เกิดเหตุ กลุ่มผู้ก่อเหตุจำนวน 2 คน คนหนึ่งวิ่งจากซ้ายไปขวา โดยเฉพาะคนที่อ้างว่าถูกรถชน มีเจตนาจงใจวิ่งไปขวางรถเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อให้รถหยุด และจากนั้นจะทำร้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจและทำลายทรัพย์สิน” 

 

พล.ต.ต. ปิยะ กล่าวทิ้งท้ายว่า “จริงๆ กลุ่มผู้ก่อเหตุ กลุ่มผุ้ชุมนุมมีผู้อยู่เบื้องหลังทั้งนั้น เพราะฉะนั้นการจับกุมผู้ก่อเหตุ กลุ่มผู้ก่อความไม่สงบในบ้านเมืองคงจะต้องใช้มาตรการทางกฎหมาย ส่วนผู้ที่อยู่เบื้องหลังคงต้องใช้มาตรการอื่นๆ ในการเจรจา ถ้าผู้ที่อยู่เบื้องหลังเห็นแก่ประเทศชาติถอยสักก้าวหนึ่ง พาประเทศชาติให้รอดปลอดภัย หลังจากนั้นก็ต่อสู้ทางการเมืองในทางสันติวิธีจะดีกว่า”

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising