ทั่วโลกกำลังจับตาการประชุมซัมมิตอย่างเป็นทางการครั้งแรกระหว่างประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ และประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย ซึ่งจะจัดขึ้นที่กรุงเฮลซิงกิ ประเทศฟินแลนด์ ในวันนี้ โดยสองฝ่ายคาดหวังว่าซัมมิตครั้งนี้จะช่วยซ่อมแซมความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศ ขณะที่ปูตินต้องการใช้เวทีนี้เป็นสะพานสานสัมพันธ์กับนานาประเทศที่รวมตัวกันคว่ำบาตรรัสเซีย สืบเนื่องจากความไม่ลงรอยด้านปัญหาความขัดแย้งในตะวันออกกลางและยูเครน
ทรัมป์ซึ่งเดินทางถึงกรุงเฮลซิงกิแล้วกล่าวไว้ก่อนหน้านี้ว่า “ผมคิดว่าผมจะมีความสัมพันธ์ที่ดีกับประธานาธิบดีปูติน หากเรามีเวลาพูดคุยหรือทำอะไรร่วมกันมากขึ้น คนอื่นอาจคิดว่ามันไม่ได้ผล แต่ผมแตกต่างจากคนอื่นๆ”
ที่ผ่านมาความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ และรัสเซียมีลักษณะลุ่มๆ ดอนๆ ไม่ราบรื่นนับตั้งแต่สิ้นสุดยุคสงครามเย็น โดยปูตินซึ่งผ่านห้วงเวลาที่สหรัฐฯ เปลี่ยนผ่านประธานาธิบดีรวม 4 คนมีความพยายามเจริญสัมพันธไมตรีกับสหรัฐฯ มาโดยตลอด แต่ในอดีตตั้งแต่ยุคบิล คลินตัน, จอร์จ ดับเบิลยู. บุช มาจนถึงบารัก โอบามา ปูตินได้ดำเนินบทบาทวนลูปเดิมโดยการปรับความสัมพันธ์กับสหรัฐฯ จากที่เคยเริ่มต้นดี แต่จบไม่สวยในรัฐบาลทุกยุคสมัย และครั้งนี้ก็ถึงคราวของทรัมป์แล้ว
ในยุคของทรัมป์ ความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ และรัสเซียเริ่มต้นได้ไม่ดีจากชนวนที่สหรัฐฯ กล่าวหารัสเซียว่าพยายามแทรกแซงการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ รวมถึงแฮกระบบคอมพิวเตอร์จนส่งผลกระทบต่อคะแนนเสียงของฮิลลารี คลินตัน ผู้สมัครจากพรรคเดโมแครตที่กำลังช่วงชิงตำแหน่งประธานาธิบดีกับทรัมป์
ดังนั้นซัมมิตที่เฮลซิงกิจึงเป็นโอกาสที่ดีที่ผู้นำสองประเทศจะปรับความเข้าใจกัน
อย่างไรก็ตาม ชาวฟินแลนด์จำนวนมากได้ออกมาชุมนุมต่อต้านซัมมิตครั้งนี้ โดยระบุว่าเฮลซิงกิไม่ใช่สถานที่ที่เป็นกลางสำหรับจัดการเจรจาตามที่ทรัมป์และปูตินเข้าใจ
เฮมโม ซิโปเนน หนึ่งในผู้ประท้วงถือป้ายข้อความว่า ‘ไม่ต้อนรับ’ และมีตัวการ์ตูนล้อเลียนทั้งทรัมป์และปูติน
ขณะที่ แอนนา บรูน ผู้ประท้วงอีกคนหนึ่งกล่าวว่า “เธอรู้สึกไม่ดีที่พวกเขามาที่นี่” เพราะเธอคัดค้านการเล่นเกมการเมืองของประเทศมหาอำนาจในเมืองบ้านเกิดของเธอ
อ้างอิง: