×

ทนายพัช คดี ‘แอม ไซยาไนด์’ ปฏิเสธซ่อนเร้นหลักฐาน ฟ้องกลับตำรวจ ม.157 – พ.ร.บ.อุ้มหายฯ รอง ผบ.ตร. ชี้ เวรกรรมมีอยู่จริง

โดย THE STANDARD TEAM
26.05.2023
  • LOADING...
ทนายพัช

วันนี้ (26 พฤษภาคม) ธันย์นิชา เอกสุวรรณวัฒน์ หรือ ทนายพัช ทนายความของ สรารัตน์ รังสิวุฒาภรณ์ หรือ แอม ผู้ต้องหาในคดีไซยาไนด์ พร้อม ไชยา คุ้มอ่ำ ทนายความที่ปรึกษากฎหมายของธันย์นิชา กล่าวภายหลังเข้าพบพนักงานสอบสวนกองบังคับการปราบปรามเพื่อรับทราบข้อกล่าวหา ‘ช่วยเหลือผู้อื่นมิให้ต้องรับโทษ หรือให้รับโทษน้อยลงโดยการทำให้เสียหาย ทำลาย ซ่อนเร้น เอาไปเสีย ซึ่งพยานหลักฐานในการกระทำความผิด’ 

 

โดยไชยาระบุว่า การออกหมายเรียกทนายพัชให้มารับทราบข้อกล่าวหา เชื่อว่าเป็นการเตะตัดขากันให้พุ่งเป้าไปที่ทนายพัช และพยายามตัดสิทธิไม่ให้ทนายพัชเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับคดีนี้ จึงอยากขอโอกาสให้ทนายพัชเข้าไปช่วยเหลือลูกความอย่างเต็มที่ ซึ่งเป็นสิทธิของลูกความที่จะเลือกทนายเข้ามาช่วยเหลือคดี

 

ด้านทนายพัชกล่าวปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา และยืนยันว่าไม่เห็นหรือเกี่ยวข้องกับทรัพย์สินของ ก้อย ผู้เสียชีวิตในคดีนี้ ตนไม่เคยส่งกระเป๋าให้ก้อย และไม่เคยให้คำแนะนำใดๆ ทั้งสิ้น ซึ่งที่ผ่านมาตนไม่เคยใช้และไม่เคยรู้จักกระเป๋าแบรนด์เนมเลย ข้อกล่าวหานี้เป็นการซัดทอดมาจากผู้ต้องหาคนอื่น ซึ่งไม่ทราบว่ามีเหตุผลอะไรที่ซัดทอดมาถึงตนเอง

 

ส่วนประเด็นที่ว่าเคยรู้จักก้อยมาก่อนหน้านี้หรือไม่ ทนายพัชปฏิเสธตอบคำถามกับสื่อมวลชน ขอไปตอบในสำนวน และตอนนี้ยืนยันว่ายังเป็นทนายความหลักให้แอมอยู่ ส่วนจะมีทนายความคนไหนเข้ามาช่วยเหลือเรื่องคดีด้วยก็สามารถทำได้ เป็นสิทธิของผู้ต้องหาที่สามารถแต่งตั้งทนายความคนอื่นเพิ่มได้ แต่ต้องสอดคล้องกับทนายหลัก และทนายหลักต้องยินยอม ซึ่งก่อนหน้านี้มีรายงานว่ามีทนายความคนอื่นได้เข้าไปขอคัดสำนวนและขอเข้าไปพบแอมหลายครั้ง

 

ส่วนประเด็นที่ว่าแอมจะมีการฟ้องหมิ่นประมาทบุคคลต่างๆ ทั้งพิธีกรและสื่อมวลชน ทนายพัชระบุว่าเรื่องนี้อยู่ระหว่างหารือกับกลุ่มทนาย แต่ยืนยันว่าขณะนี้เตรียมจะฟ้องร้องอย่างแน่นอน ซึ่งตนยืนยันว่าการทำหน้าที่ของทนายความมีหน้าที่ไปศาล ไม่ใช่มีหน้าที่ไปออกสื่อ ตนเองก็จะฟ้องร้องหมิ่นประมาทกับสื่อมวลชนบางสำนักด้วย สำหรับการฟ้องร้องตำรวจนอกจากมาตรา 157 แล้ว จะใช้มาตราใหม่คือ พ.ร.บ.อุ้มหายฯ เข้ามาเพิ่มเติม 

 

ด้าน พ.ต.อ. เอนก เตาสุภาพ รองผู้บังคับการปราบปราม เปิดเผยว่า เบื้องต้นจากการสอบปากคำทนายพัช เจ้าตัวให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา และให้การแย้งในประเด็นต่างๆ ที่พนักงานสอบสวนสงสัย ซึ่งคำให้การต่างๆ ค่อนข้างขัดแย้งกับข้อมูลการสืบสวนสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ

 

ทั้งนี้ ยืนยันว่าพยานหลักฐานที่ใช้ดำเนินคดีกับทนายพัช มีความชัดเจนว่าผู้ต้องหามีพฤติการณ์เกินกว่าการเป็นทนายความ และเกินกว่าขอบเขตตามมรรยาททนายความของสภาทนายความ จึงถือว่าเป็นการกระทำความผิดที่เกี่ยวข้องกับการทำลายพยานหลักฐาน 

 

ด้าน พล.ต.อ. สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) กล่าวถึงกรณีที่ทนายพัชให้สัมภาษณ์ว่าเตรียมจะฟ้องกลับตำรวจใน พ.ร.บ.อุ้มหายฯ ฐานบังคับขู่เข็ญให้แอมรับสารภาพ ว่าการสอบปากคำแอมทุกครั้งที่ไปในเรือนจำ เป็นการร้องขอของผู้ต้องหาเอง และยืนยันทุกครั้งที่สอบไม่ได้ข่มขู่หรือบังคับขู่เข็ญอะไร เพราะปัจจุบันตัวของแอมเองก็ยังไม่ได้รับสารภาพ ยังปฏิเสธทุกข้อกล่าวหาอยู่เลย 

 

ส่วน พ.ร.บ.อุ้มหายฯ สร้างขึ้นมาเพื่อใช้กับตำรวจนอกรีต แต่ไม่ใช่คณะทำงานของคดีนี้ เพราะคดีดังกล่าวตั้งคณะทำงานขึ้นมาในรูปแบบคณะทำงาน เป็นไปตามมาตรฐานวิชาชีพ ยึดผลประโยชน์ของประชาชนและประเทศเป็นหลัก แต่หากตัวของทนายพัชยืนยันว่าจะฟ้องก็ฟ้องไป แต่สุดท้ายก็ต้องจำนนต่อหลักฐาน เพราะคดีนี้หลักฐานไกลแล้ว หากหลักฐานไม่เพียงพอศาลคงไม่ออกหมายเรียกผู้ที่เกี่ยวข้อง รวมถึงทนายด้วย 

 

“กฎหมายก็เป็นส่วนหนึ่ง แต่เวรกรรมก็มีอยู่จริง” พล.ต.อ. สุรเชษฐ์กล่าว

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising