×

ทิม พิธา เผย ปัญหาที่ดินของเกษตรกรเป็นดั่งกระดุมที่ติดผิดจุด เตรียมชง พ.ร.บ. ป่าพัฒนาเป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษให้เกษตรกร

13.07.2019
  • LOADING...

วันนี้ (13 ก.ค.) พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส. บัญชีรายชื่อ ที่ปรึกษานโยบายด้านการเกษตร พรรคอนาคตใหม่ และสมาชิกคณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษาปัญหาราคาสินค้าทางการเกษตรตกต่ำ ได้ลงพื้นที่พร้อมด้วย เกษมสันต์ มีทิพย์ ส.ส. บัญชีรายชื่อ และ ปดิพัทธ์ สันติภาดา ส.ส. จังหวัดพิษณุโลก เขต 1 เพื่อพบปะรับฟังปัญหาจากเกษตรกรที่อยู่ในพื้นที่ ซึ่งเกษตรกรในพื้นที่นี้ปลูกมะม่วงเป็นหลัก รวมถึงผักผลไม้อื่นๆ และที่ผ่านมาประสบปัญหาไม่สามารถปลูกเพื่อการส่งออกได้ รวมทั้งถูกพ่อค้าคนกลางกดราคาลงโดยไม่เป็นธรรม 

 

โดยพิธากล่าวว่า วันนี้มาที่จังหวัดพิษณุโลกเพื่อมาดูปัญหาสองเรื่องหลักๆ โดยเรื่องแรกคือ เรื่องของพื้นที่ป่าทับที่ชาวบ้าน ซึ่งเป็นปัญหาในระดับทั่วประเทศ ตามรายงานของทางการระบุไว้ว่า มีพื้นที่ทับซ้อนในลักษณะนี้ถึง 6 ล้านไร่ แต่ตนเชื่อว่าตัวเลขสูงกว่านั้น เนื่องจากเพียงแค่ในพื้นที่ของสหกรณ์นิคมสร้างตนเองที่เรามาพูดถึงกันวันนี้ ทั่วประเทศก็เป็นตัวเลขถึงกว่า 1 ล้านไร่แล้ว ปัญหาตรงนี้เกิดจากการทำแผนที่ของนักรบห้องแอร์ เอาปากกาเมจิกมานั่งวาดกันในห้องแอร์โดยไม่ได้ลงสำรวจพื้นที่จริง แล้วแต่ละหน่วยงานก็มีแผนที่ที่ไม่ตรงกัน แม้จะมีโครงการ One Map ด้วยระบบดาวเทียมให้เป็นแผนที่เดียวกัน แต่ที่ผ่านมาก็ยังไม่มีการปฏิบัติจริง

 

ต่อมาคือเรื่องที่ตนมาเพื่อศึกษาข้อเท็จจริงของสถิติที่สำคัญเกี่ยวกับจังหวัดพิษณุโลก เมื่อวานนี้ตนลงมาที่สนามบินพิษณุโลก เห็นป้ายโฆษณาอันใหญ่มากเขียนว่า พิษณุโลกเมืองเกษตรอินทรีย์ แต่ทราบหรือไม่ว่าประเทศไทยเป็นประเทศที่นำเข้าสารเคมีทางการเกษตรสูงสุดเป็นอันดับ 4 ของโลก ทั้งๆ ที่เนื้อที่ทางการเกษตรเป็นอันดับที่ 48 ของโลก แต่ที่สำคัญกว่าคือ พิษณุโลกเป็นจังหวัดที่มีจำนวนผู้ป่วยจากสารเคมีทางการเกษตรสูงเป็นอันดับ 4 ของประเทศ ซึ่งเป็นสิ่งที่ขัดแย้งกันกับป้ายโฆษณาดังกล่าว

 

ทั้งนี้พิธากล่าวว่า ตนเข้าใจถึงอุปสรรคว่าเกษตรกรจำนวนมากไม่มีทางเลือก ถ้าไม่ใช้สารเคมี ผลผลิตก็ไม่งาม ไม่สามารถนำออกขายในตลาดได้ การทำเกษตรอินทรีย์ก็มีต้นทุนและความเสี่ยงที่ต้องแบกรับ ในสภาพที่เกษตรกรเป็นหนี้เป็นสิน ต้องการความแน่นอนในผลผลิต การใช้สารเคมีเป็นสภาพจำยอม แต่ถ้าเราไปดูอย่างเวียดนาม เขามีนโยบายปลูกพืชเกษตรอินทรีย์ส่งออก จัดสรรที่ดิน 8 ล้านไร่ทั่วประเทศปลูกสมุนไพร ทำเกษตรอินทรีย์ส่งออกโดยเฉพาะ นี่ไม่ใช่การบอกว่าสิ่งนี้ถูกหรือผิด หรือจะทำตามหรือไม่ทำตาม แต่เรื่องนี้แสดงให้เห็นถึงความตั้งใจในระดับนโยบายที่จะยกระดับให้เกิดการปลูกพืชในแนวทางอินทรีย์จริงๆ มีการสนับสนุนจากภาครัฐให้เกิดขึ้นได้จริง

 

พิธายังกล่าวอีกว่า ปัญหาสำคัญของเกษตรกรในประเทศไทยคือ เรื่องของที่ดิน อย่างในพื้นที่นิคมสร้างตนเองที่พี่น้องที่มากันวันนี้ใช้ทำกินเป็นหลัก ก็เป็นพื้นที่ที่มีลักษณะทับซ้อน การจัดสรรที่ดินเป็นเหมือนกระดุมเม็ดแรก ถ้าเริ่มแบบผิดๆ ทุกอย่างก็ไปไม่ได้ เช่น หนึ่งในวิธีการยกระดับหรือเพิ่มมูลค่าของสินค้าสำหรับส่งออกคือ การขอ GAP และ GMP แต่การได้รับการรับรอง GAP หรือ GMP พื้นที่เพาะปลูกต้องมีเอกสารสิทธิ์ แต่ในสภาพที่เกษตรกรจำนวนมากยังไม่มีเอกสารสิทธิ์เป็นของตัวเอง การจะได้รับ GAP หรือ GMP เป็นเรื่องที่ทำไม่ได้เลย เพราะฉะนั้นการแก้ปัญหาที่ดินคือกระดุมเม็ดแรกที่จะนำไปสู่การแก้ปัญหาอื่นๆ ได้

 

“มันคือกระดุมเม็ดบนที่ติดผิดมาโดยตลอด เกษตรกรจำนวนมากมีปัญหาเอกสารสิทธิ์บ้าง มีปัญหาป่าทับที่บ้าง พอมีปัญหาแบบนี้ เรื่องที่สองที่สามที่ผมอยากทำไม่ต้องคิดเลย เรื่องเกษตรกรแปรรูป เรื่องการเลิกใช้สารเคมี ตราบใดที่เกษตรกรยังมีชีวิตบนความเสี่ยง มีหนี้สิน เป็นสภาพที่ลองผิดลองถูกไม่ได้ พอกระดุมเม็ดแรกติดผิด ก็ไปไหนต่อไม่ได้” 

 

ดังนั้นตนจึงเห็นว่า การแก้ปัญหาที่ดินจึงเป็นหนึ่งในเงื่อนไขสำคัญที่สามารถนำไปสู่การแก้ปัญหาในขั้นต่อๆ ไปสำหรับเกษตรกรได้ ปัญหาราคาผลผลิตทางการเกษตรตกต่ำมาจากหลายสาเหตุ ปัญหาเอกสารสิทธิ์ในที่ดินเป็นหนึ่งในนั้น อย่างที่ตนบอกไป ทั่วประเทศเกษตรกรที่มีปัญหาที่ดินทับซ้อนแบบนี้มีจำนวนมากกว่า 6 ล้านไร่ ผลผลิตทางการเกษตรหลายตัว อย่างทุเรียนเอง หลายพื้นที่ก็มีปัญหาในการส่งออกเพราะเหตุผลนี้ ขอใบรับรอง GAP-GMP ไม่ได้ ดังนั้นถ้าเราแก้ปัญหาตรงนี้เป็นขั้นแรกได้ ขั้นต่อๆ ไปเราก็จะเริ่มมองเห็นหนทางไปต่อ

 

“ให้ผมนึกเร็วๆ เราทำเป็น พ.ร.บ. ออกมาให้เป็นพื้นที่ ‘พ.ร.บ. ป่าพัฒนา’ ได้ไหม เป็นพื้นที่กลาง ไม่ใช่ทั้งของรัฐและของประชาชน เป็นพื้นที่พิเศษเพื่อแก้ปัญหาเอกสารสิทธิ์ ในประเทศไทยเราทำเขตเศรษฐกิจพิเศษให้ต่างชาติมาเยอะแล้ว เราทำให้คนไทยสักครั้งได้ไหม เราแก้ปัญหาที่ดินได้ เราก็ขอ GAP-GMP ให้เกษตรกรได้ ก็ยกระดับราคาสินค้าได้ในระดับหนึ่ง” พิธากล่าวทิ้งท้าย

 

 

พิสูจน์อักษร: ภาวิกา ขันติศรีสกุล

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising