ศาลได้อ่านคำพิพากษาคดีหมายเลขดำ อ.2499/61 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีพิเศษ 1 เป็นโจทก์ฟ้องนายสุวิทย์ ทองประเสริฐ อายุ 59 ปี หรืออดีตพระพุทธะอิสระ อดีตเจ้าอาวาสวัดอ้อน้อย อำเภอสามพราน จังหวัดนครปฐม เป็นจำเลยในความผิดฐานเป็นอั้งยี่ ซ่องโจร หน่วงเหนี่ยวกักขัง
กรณีดังกล่าวเกิดขึ้นในช่วงวันที่ 23 พฤศจิกายน 2556 ถึง 1 พฤษภาคม 2557 ต่อเนื่องกัน โดยศาลเห็นว่าจำเลยกับพวกร่วมกันมั่วสุมตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป มีพฤติการณ์เป็นอั้งยี่ ซ่องโจร เป็นหัวหน้า ผู้สั่งการกลุ่ม กปปส. เวทีแจ้งวัฒนะ หน้ากรมสอบสวนคดีพิเศษ โดยปลุกระดม ยุยง ชักชวนประชาชนและแนวร่วมเพื่อขับไล่รัฐบาล นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และขัดขวางการเลือกตั้ง ส.ส. เข้ายึดหน่วยงานและสถานที่ราชการหลายแห่ง โดยร่วมกันหน่วงเหนี่ยวกักขัง ใช้กำลังประทุษร้าย ร.ต.ต. สมคิด เชยกมล, ด.ต. วชิรพงศ์ อุ่นนวลบูรพงศ์ 2 เจ้าหน้าที่ตำรวจสันติบาล ได้รับบาดเจ็บสาหัส และทรัพย์สินรวม 8 รายการ มูลค่า 60,900 บาทสูญหาย เหตุเกิดแขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กรุงเทพฯ มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 309, 310
ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า จำเลยกระทำผิดฐานหน่วงเหนี่ยวกักขังผู้อื่น อันเป็นโทษหนักสุดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 309, 310 จึงพิพากษาจำคุก 3 ปี แต่จำเลยให้การรับสารภาพ ลดโทษกึ่งหนึ่ง คงเหลือจำคุก 1 ปี 6 เดือน
ทั้งนี้เนื่องจากจำเลยไม่เคยกระทำผิดมาก่อน ประกอบกับจำเลยได้บรรเทาผลร้ายในคดีจนผู้เสียหายพอใจ และไม่ติดใจเอาความ จึงให้โอกาสจำเลยกลับตัวเป็นคนดี โทษจำคุกจึงให้รอลงอาญาไว้มีกำหนด 1 ปี ส่วนที่อัยการโจทก์ขอให้ศาลนับโทษต่อคดีร่วมกันก่อการกบฏนั้น เนื่องจากคดีดังกล่าวยังไม่มีคำพิพากษา จึงให้ยกคำขอ
ภายหลังฟังคำพิพากษาผู้ที่ยังศรัทธาพระพุทธะอิสระ ซึ่งเข้าร่วมฟังคำพิพากษาในห้องพิจารณาด้วย ต่างมีอาการดีใจ และกล่าวคำว่าสาธุอย่างพร้อมเพรียงกัน
ทั้งนี้ อดีตพระพุทธะอิสระกล่าวถึงผลคำพิพากษาของศาลว่า เป็นความเมตตาของศาล ส่วนกรณีที่มีข่าวว่าจะกลับเข้าสู่ร่มกาสาวพัสตร์ อดีตเจ้าอาวาสวัดอ้อน้อยเปิดเผยว่าเตรียมจะบวชอีกครั้งในวันที่ 1 ธันวาคมนี้ แต่จะเป็นวัดอ้อน้อยหรือวัดใดนั้น ยังปฏิเสธที่จะตอบ ส่วนเรื่องการเมืองให้ฝ่ายการเมืองดูแลจัดการไป และปฏิเสธตอบเรื่องการออกมาเคลื่อนไหวการเมือง
พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า