×

คณะราษฎรชุมนุมใหญ่ 14 ตุลา เกาะติดสถานการณ์ล่าสุด

โดย THE STANDARD TEAM
14.10.2020
  • LOADING...
คณะราษฎรชุมนุมใหญ่ 14 ตุลา เกาะติดสถานการณ์ล่าสุด

นายกฯ ตั้ง ประวิตร เป็นผู้กำกับการปฏิบัติงานของหัวหน้าผู้รับผิดชอบในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง

 

ตามที่ได้มีประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในเขตท้องที่กรุงเทพมหานคร ลงวันที่ 15 ตุลาคม 2563 นั้น อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 7 วรรค 3 วรรค 4 และวรรค 6 มาตรา 11 และมาตรา 15 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 นายกฯ จึงมีคำสั่ง ความว่า

 

ข้อ 1. ให้ พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นผู้กำกับการปฏิบัติงานของหัวหน้าผู้รับผิดชอบในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง พนักงานเจ้าหน้าที่ และส่วนราชการที่เกี่ยวข้องในการปฏิบัติตามประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง

 

ข้อ 2. ให้ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติเป็นหัวหน้าผู้รับผิดชอบในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง มีหน้าที่และอำนาจในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงตามที่กำหนดไว้ในพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 และให้มีหน้าที่และอำนาจดังต่อไปนี้ด้วย

 


 

BREAKING: ประมวลสถานการณ์หลังประกาศภาวะฉุกเฉิน อานนท์-ไมค์ ระยอง-เพนกวิน-ประสิทธิ์ ถูกจับ ด้านคณะราษฎรนัด 4 โมงเย็นวันนี้ ที่ราชประสงค์

 

นายกรัฐมนตรีประกาศภาวะ​ฉุกเฉิน​ในพื้นที่​กรุงเทพ​มหานคร​ ตั้งแต่วันที่ 15 ตุลาคม เวลา 04.00 น เป็นต้นไป

 

– 04.30 น. อานนท์ นำภา แกนนำผู้ชุมนุมบอกให้ผู้ชุมนุมกลับบ้าน เนื่องจากรัฐบาลได้ประกาศสถานการณ์ร้ายแรง เจ้าหน้าที่ตำรวจทำการควบคุมฝูงชน โดยแจ้งให้เวลา 15 นาทีในการเก็บของ ส่วนเจ้าหน้าที่ปราบจลาจลพร้อมโล่และหมวกกันน็อกขยับเข้าใกล้ผู้ชุมนุม

 

– 04.40 น. ผบช.น. อ่านประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉินให้ผู้ชุมนุมฟัง ให้เวลา 15 นาทีเพื่อเก็บของและเดินมามอบตัวกับเจ้าหน้าที่ หากไม่ปฏิบัติตามจะจับกุมตามกฎหมาย

 

– 05.03 น. อานนท์ นำภา ถูกจับกุมตัวโดยเจ้าหน้าที่แสดงหมายจับศาลที่เชียงใหม่ ขณะที่ ไมค์-ภาณุพงศ์ จาดนอก ถูกจับกุมด้วย แต่ยังไม่ทราบว่าจากคดีอะไร เจ้าหน้าที่นำขึ้นรถที่ไม่ใช่รถตำรวจเดินทางออกไป และยังไม่ทราบว่านำตัวไปที่ใด

 

– มีรายงานว่า เพนกวิน-พริษฐ์ ชิวารักษ์ ถูกตำรวจจับกุมที่บริเวณแยกนางเลิ้ง

 

– ขณะที่ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนรายงานว่า บริเวณแยกวิสุทธิกษัตริย์ เจ้าหน้าที่นอกเครื่องแบบได้เข้าจับกุม ประสิทธิ์ ครุธาโรจน์ นักศึกษามหาวิทยาลัยเชียงใหม่ คาดว่าเกิดจากคดีชุมนุมในเชียงใหม่ เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจแจ้งว่าจะนำขึ้นรถตู้ไปที่ สน.นางเลิ้ง ก่อนพาไป ตชด. ภาค 1

 

 


 

คณะราษฎรออกแถลงการณ์ยืนยันการชุมนุมเวลา 16.00 น. ที่ราชประสงค์ หลังถูกสลายการชุมนุมและแกนนำ เพนกวิน, ทนายอานนท์, ประสิทธิ์ และไมค์ ถูกจับกุม ซึ่งเป็นการกระทำที่ไม่มีความชอบธรรมแต่อย่างใด เพราะการชุมนุมเป็นสิ่งที่สามารถกระทำได้ตามระบอบประชาธิปไตย

 

และการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินเป็นการกระทำที่ภาครัฐมีจุดมุ่งหมายบั่นทอนขบวนการประชาธิปไตย ขัดขวางประชาชน เป็นการกระทำเพื่อรักษาอำนาจของตนเองและพวกพ้อง หาใช่เพื่อส่วนรวมไม่

 

มีการแอบอ้างสถาบันพระมหากษัตริย์ในการประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ซึ่งอาจตีความได้ว่าสถาบันพระมหากษัตริย์ตั้งตนเป็นปฏิปักษ์กับระบอบประชาธิปไตย คณะราษฎรขอประณามการกระทำดังกล่าวของภาครัฐ

 

 


 

BREAKING: พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในเขตท้องที่กรุงเทพมหานคร มีผลเวลา 04.00 น. ของเช้าวันที่ 15 ตุลาคมเป็นต้นไป

 

โดยที่ปรากฏว่ามีบุคคลหลายกลุ่มได้เชิญชวนปลุกระดมและดำเนินการให้มีการชุมนุมสาธารณะโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายว่าด้วยการชุมนุมสาธารณะขึ้นในกรุงเทพมหานคร โดยใช้วิธีการและช่องทางต่างๆ ก่อให้เกิดความปั่นป่วนวุ่นวายและความไม่สงบเรียบร้อยของประชาชน มีการกระทำที่กระทบต่อขบวนเสด็จพระราชดำเนิน มีเหตุอันควรเชื่อได้ว่ามีการกระทำที่รุนแรง กระทบต่อความมั่นคงของรัฐ ความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของรัฐหรือบุคคล อันมิใช่การชุมนุมโดยสงบที่ได้รับรองตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย

 

ทั้งยังกระทบโดยตรงต่อสัมฤทธิ์ผลของมาตรการควบคุมการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 อันส่งผลกระทบโดยตรงต่อความมั่นคงทางเศรษฐกิจของประเทศที่อยู่ในภาวะเปราะบาง กรณีจึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีมาตรการเร่งด่วนเพื่อแก้ไขกรณีดังกล่าวให้ยุติได้อย่างมีประสิทธิภาพและทันท่วงที เพื่อให้มีการปฏิบัติตามกฎหมายและรักษาความสงบเรียบร้อยและประโยชน์ส่วนรวม

 

อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 5 และมาตรา 11 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 นายกรัฐมนตรีจึงให้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในเขตท้องที่กรุงเทพมหานคร

 

ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2563 เวลา 04.00 น. เป็นต้นไป

 

BREAKING: พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในเขตท้องที่กรุงเทพมหานคร มีผลเวลา 04.00 น. ของเช้าวันที่ 15 ตุลาคมเป็นต้นไป

 


 

วันนี้ (14 ตุลาคม) อนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้มอบนโยบายให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการกับผู้ที่ขัดขวางขบวนเสด็จฯ และผู้ที่กระทำอื่นใดในลักษณะที่เป็นการหมิ่นสถาบันพระมหากษัตริย์ โดยจะต้องถูกดำเนินการตามกฎหมายอย่างเฉียบขาดโดยไม่ละเว้น

 

ทั้งนี้ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีระบุว่า การชุมนุมที่เกิดขึ้นในวันที่ 14 ตุลาคมนี้ เป็นการชุมนุมโดยไม่สงบ เป็นการบ่อนทำลายการบริหารราชการแผ่นดินและความสงบสุขของประชาชน

 

โดย อนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้แสดงความห่วงใยผู้ที่เข้าร่วมชุมนุมในวันนี้โดยเฉพาะเยาวชนและนักศึกษา จึงขอให้พ่อแม่ผู้ปกครองเรียกลูกหลานกลับบ้าน เพื่อความปลอดภัยและหลีกเลี่ยงจากอันตรายที่อาจจะเกิดขึ้นได้จากสถานการณ์ที่เป็นอยู่ในขณะนี้

 

นโยบายให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการกับผู้ที่ขัดขวางขบวนเสด็จฯ และผู้ที่กระทำอื่นใดในลักษณะที่เป็นการหมิ่นสถาบันพระมหากษัตริย์ โดยจะต้องถูกดำเนินการตามกฎหมายอย่างเฉียบขาดโดยไม่ละเว้น

 


 

02.00 น. อานนท์ นำภา หนึ่งในแกนนำคณะราษฎร ประกาศยุติการชุมนุมบริเวณโดยรอบทำเนียบรัฐบาล โดยระบุว่า จากข่าวที่ทราบมาพบว่า จะมีการใช้กำลังปราบปรามประชาชนโดยใช้ความรุนแรง ซึ่งอาจทำให้เกิดเงื่อนไขของการรัฐประหาร โดยหากมีการสลายการชุมนุมจริง จะถือเป็นการขัดต่อหลักการชุมนุมสากล เบื้องต้นเพื่อความปลอดภัยของผู้ชุมนุม จึงต้องมีการยุติการชุมนุมในวันนี้ และเตรียมไปตั้งเวทีใหม่ที่แยกราชประสงค์ในเวลา 16.00 น. ซึ่งถือเป็นทางออกที่ดีที่สุดในเวลานี้ พร้อมยืนยันว่า จะต่อสู้ด้วยสันติวิธีต่อไป

 

นอกจากนี้ทนายอานนท์ยังยืนยันว่า การกดดันรัฐบาลที่ทำเนียบรัฐบาลไม่ได้มีน้ำหนักเท่ากับการไปกดดันที่ราชประสงค์หรือหน้าสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่จะมีสื่อทั่วโลกจับตาดูอยู่ โดยในวันพรุ่งนี้จะมีการส่งผู้ชุมนุมกลับบ้าน และมีบางส่วนที่จะทยอยไปปักหลักค้างคืนที่ราชประสงค์ เบื้องต้นยังไม่มีกำหนด แต่จะมีการค้างคืนอย่างแน่นอน พร้อมระบุว่า การย้ายการชุมนุมไปที่ราชประสงค์จะไม่กระทบต่อธุรกิจ เพราะผู้ชุมนุมไปใช้เงิน และเป็นการชุมนุมโดยมีระยะเวลากำหนดที่ชัดเจน ขอให้ประชาชนทั่วไปหลีกเลี่ยงเส้นทางและใช้รถโดยสารสาธารณะเมื่อต้องสัญจรผ่านบริเวณนั้น

 

ทนายอานนท์มั่นใจว่า การย้ายสถานที่ชุมนุมไปที่ราชประสงค์จะทำให้มีผู้เข้าร่วมมากกว่าวันนี้อย่างแน่นอน โดยยุทธวิธีของการชุมนุมจะมีการย้ายสถานที่ไปเรื่อยๆ และใช้การชุมนุมแบบดาวกระจาย เพื่อให้บรรลุข้อเรียกร้องที่กลุ่มผู้ชุมนุมได้วางไว้

 

ส่วนกรณีที่มีการปลุกระดมมวลชนอีกฝั่ง ส่วนตัวไม่ให้ค่ากับคนกลุ่มนั้น อีกทั้งมองว่า ข้อกล่าวหาที่ระบุว่าผู้ชุมนุมพยายามขัดขวางขบวนเสด็จฯ นั้นถือเป็นการวางยาผู้ชุมนุม เพราะที่ผ่านมาผู้ชุมนุมพยายามหลีกเลี่ยงขบวนเสด็จฯ มาโดยตลอด แต่มีกระบวนการพยายามดึงสถาบันเข้ามาสู่วงล้อมของผู้ชุมนุมทั้งที่ไม่มีหมายกำหนดการมาก่อน

 

“ตำรวจพยายามดึงขบวนเสด็จฯ เข้ามาฝ่าม็อบ”

 

อานนท์ ยุติการชุมนุม

 


 

00.22 น. ตำรวจพยายามขับรถเข้ามาบริเวณเวทีเล็ก หน้ากระทรวงศึกษาธิการ แต่กลุ่มผู้ชุมนุมพยายามปิดกั้นไม่ให้ผ่านไปได้ ล่าสุดรถคันดังกล่าวยอมถอยกลับไปแล้ว

 

ตำรวจพยายามขับรถเข้ามาบริเวณเวทีเล็ก หน้ากระทรวงศึกษาธิการ

 


 

23.56 น. กลุ่มเยาวชนปลดแอกโพสต์เฟซบุ๊กตอบโต้แถลงการณ์ของตำรวจที่ขีดเส้นให้คณะราษฎรยุติการชุมนุมในเวลา 24.00 น. และเตรียมใช้อำนาจตามกฎหมายดำเนินการ โดยไม่ยืนยันว่าจะมีการสลายการชุมนุมหรือไม่ โดยโพสต์ดังกล่าวระบุว่า

 

หากรัฐกระทำการใดๆ หากรัฐเป็นกบฏต่อประชาชน หากเผด็จการกระทำรัฐประหาร ต้นทุนที่คุณต้องจ่ายจะสูงกว่าครั้งไหนๆ จนไม่อาจประเมินได้ ประชาชนผู้รักในประชาธิปไตยมีเพียงมือเปล่า มาอย่างสันติ ไม่ได้ริเริ่มความรุนแรงใดๆ มีเพียงรัฐที่จัดตั้งมวลชนเพื่อปลอบใจตัวเอง มีเพียงรัฐที่พยายามยุยงปลุกปั่น

 

ขอให้ทุกคนจับตาสถานการณ์ในตอนนี้ หากมีการกระทำการใดๆ ขอให้ประชาชนลุกขึ้นมาต่อต้านอย่างถึงที่สุด กงล้อแห่งประวัติศาสตร์ สายธารแห่งการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นแล้ว และมันจะไม่มีวันไหลย้อนกลับ

 

กลุ่มเยาวชนปลดแอก โพสต์เฟซบุ๊กตอบโต้การแถลงการณ์ของตำรวจที่ขีดเส้นให้คณะราษฎรยุติการชุมนุมในเวลา 24.00 น.

 


 

23.30 น. ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล โดย พ.ต.อ. กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ แถลงข่าวเกี่ยวกับการชุมนุมของกลุ่มคณะราษฎรว่า การกระทำดังกล่าวเป็นการกระทำที่ละเมิดสิทธิเสรีภาพของประชาชนทั่วไป อีกทั้งยังมีการชุมนุมดังกล่าวหลายครั้งและมีการกระทำผิดซ้ำซาก ไม่เกรงกลัวต่อกฎหมายบ้านเมือง อีกทั้งยังได้ชุมนุมในเขตหวงห้ามตามกฎหมาย รวมถึงยังมีการปิดล้อมทำเนียบรัฐบาลอีกด้วย

 

ขณะที่ พล.ต.ต. ปิยะ ต๊ะวิชัย รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล กล่าวถึงกรณีผู้ชุมนุมที่กระทำผิดกฎหมายเมื่อวันที่ 13 ตุลาคม ซึ่งได้มีการดำเนินคดีแล้ว อีกทั้งวันนี้มีการชุมนุมอีกครั้งและกระทำผิดกฎหมาย และขอแจ้งเตือนอีกครั้งให้ผู้ชุมนุมยุติการชุมนุม ไม่เช่นนั้นจะถือว่าเป็นการฝ่าฝืนกฎหมาย นอกจากนี้ยังมีกรณีที่มีการกระทำที่ทำให้เกิดผลกระทบต่อขบวนเสด็จฯ

 

ทั้งนี้ ยังไม่มีคำตอบว่าจะมีการสลายการชุมนุมหรือไม่ แต่ให้ผู้ชุมนุมออกจากพื้นที่ภายในเวลา 22.00 น. ซึ่งขณะนี้ล่วงเลยมาพอสมควร อีกทั้งยังมีการปักหลักค้างคืน ถือว่าจงใจฝ่าฝืนคำสั่งของเจ้าหน้าที่ หลังจากนี้จะดูข้อกฎหมายที่ให้อำนาจเจ้าหน้าที่เพื่อดำเนินการต่อไป โดยหากยุติการชุมนุมภายในเวลา 24.00 น. ก็จะต้องมีการดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่ง โดยอาจเริ่มจากมาตรการจากเบาไปหาหนัก

 

กองบัญชาการตำรวจนครบาล โดย พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกตร

 


 

23.15 น. ระหว่างการหมุนเวียนขึ้นปราศรัยของกลุ่มแกนนำคณะราษฎร ฟอร์ด-ทัตเทพ เรืองประไพกิจเสรี ได้ขึ้นปราศรัย โดยเน้นไปที่การวิจารณ์การทำหน้าที่ของรัฐบาลภายใต้การนำของ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และระบบต่างๆ ที่ถูกสร้างมาเพื่อให้ผลประโยชน์กับคนบางกลุ่ม จนทำให้ประเทศไทยกลายเป็นประเทศที่เหลื่อมล้ำที่สุดในโลก

 

ในช่วงท้าย ฟอร์ดประกาศว่า จะขอต่อสู้จนกว่า 3 ข้อเรียกร้อง จะบรรลุผล พร้อมยืนยันว่าจะไม่กลับและจะปักหลักจนกว่า พล.อ. ประยุทธ์ จะลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี

 

 ฟอร์ด-ทัตเทพ เรืองประไพกิจเสรี

 


 

21.20 น. เจ้าหน้าที่ถอนกำลังไปยืนหลังบริเวณลวดหนามหีบเพลง หลังกลุ่มผู้ชุมนุมเข้าเจรจาที่หน้ากองบัญชาการกองทัพภาคที่ 1

 

เจ้าหน้าที่ถอนกำลัง ยืนหลังรั้วลวดหนาม

 


 

21.00 น. เจ้าหน้าที่จัดขบวนตรึงกำลังบริเวณด้านหน้ากองบัญชาการกองทัพภาคที่ 1 โดยมีกลุ่มผู้ชุมนุมเข้าสอบถามถึงการปฏิบัติหน้าที่ และขอร้องให้เจ้าหน้าที่ถอนกำลัง หวั่นเกรงจะสร้างความแตกตื่นให้มวลชนที่อยู่บริเวณโดยรอบ

 

เจ้าหน้าที่จัดขบวนตรึงกำลังบริเวณด้านหน้ากองบัญชาการกองทัพภาคที่ 1

 


 

20.47 น. เจ้าหน้าที่ได้ใช้เครื่องขยายเสียง ประกาศให้ผู้ชุมนุมยุติการชุมนุม ภายในเวลา 22.00 น.

 

เจ้าหน้าที่ได้ใช้เครื่องขยายเสียง ประกาศให้ผู้ชุมนุมยุติการชุมนุม ภายในเวลา 22.00 น.

 


 

18.32 น. กลุ่มมวลชนคณะราษฎรเคลื่อนขบวนเลยทำเนียบรัฐบาลมาถึงบริเวณแยกสวนมิสกวัน ก่อนที่หัวแถวจะเลี้ยวซ้ายหลังทำเนียบรัฐบาล ขณะที่แกนนำประกาศให้มวลชนล้อมรอบทำเนียบรัฐบาล

 


 

18.12 น. กลุ่มมวลชนคณะราษฎรเข้าประชิดแนวกั้นของตำรวจ จนกระทั่งตำรวจเริ่มถอยร่นเลยมาจนถึงประตู 4 ทำเนียบรัฐบาล สุดท้ายตำรวจสามารถกลับมาตั้งแนวกั้นได้อีกครั้ง และสามารถหยุดมวลชนไว้ที่บริเวณนี้ได้

 


 

18.04 น. เกิดความวุ่นวายด้านหน้าขบวนมวลชนคณะราษฎร หลังหญิงสาวรายหนึ่งอ้างว่าถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจยึดกุญแจรถ และมีการยื้อแย่งกันอยู่ช่วงหนึ่ง

 


 

17.59 น. รถแกนนำคณะราษฎร นำโดย อานนท์ นำภา นำมวลชนเคลื่อนประชิดสะพานชมัยมรุเชฐ ทำเนียบรัฐบาล

 


 

17.54 น. มวลชนคณะราษฎรเคลื่อนขบวนมาถึงแยกพาณิชยการ เข้าใกล้ทำเนียบรัฐบาล

 

มวลชนคณะราษฎร

 


 
17.50 น. มวลชนคณะราษฎรที่กำลังมุ่งหน้าเข้าสู่ทำเนียบรัฐบาลพยายามทลายแนวกั้นตำรวจบริเวณใกล้แยกนางเลิ้ง
 

 
17.40 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจเริ่มถอยแนวกั้นร่นไปจนเกือบถึงแยกนางเลิ้ง ขณะที่ผู้ชุมนุมยังคงประชิดแนวกั้นอย่างต่อเนื่องเพื่อมุ่งหน้าไปที่ทำเนียบรัฐบาล
 

 
16.47 น. อานนท์ นำภา แจ้งต่อมวลชนที่รวมตัวกันอยู่บริเวณหน้ามหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลพระนคร ว่าตำรวจยอมถอยแนวกั้นครั้งละ 50 เมตร เพื่อให้มวลชนสามารถเข้าประชิดทำเนียบรัฐบาลได้
 
 

 


 
15.16 น. มวลชนเคลื่อนขบวนประชิดแนวกั้นตำรวจบริเวณสะพานเทวกรรมฯ โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจาให้เปิดทางเพื่อจะมุ่งหน้าไปที่ทำเนียบรัฐบาลตามที่ได้ประกาศไว้

 

 


 
14.48 น. แกนนำผู้ชุมนุมคณะราษฎรเจรจากับตำรวจสำเร็จ โดยตำรวจยอมเปิดแนวกั้นสะพานผ่านฟ้าลีลาศให้ผู้ชุมนุมเคลื่อนขบวนไปยังทำเนียบรัฐบาลต่อได้

 


 
14.37 น. กลุ่มผู้ชุมนุมคณะราษฎรเคลื่อนขบวนมาถึงบริเวณแยกป้อมมหากาฬ สะพานผ่านฟ้าลีลาศ และเข้าประชิดแนวกั้นของตำรวจที่วางกำลังไว้ก่อนหน้านี้ ทำให้สถานการณ์เกิดความตึงเครียดมากขึ้น ขณะที่ท้ายขบวนยังอยู่ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย

 


 
14.25 น. มวลชนคณะราษฎรเริ่มเคลื่อนขบวนมุ่งหน้าทำเนียบรัฐบาล โดยแกนนำมีการแบ่งมวลชนออกเป็น 3 ช่วง และแต่ละช่วงมีรถปราศรัยและแกนนำคอยจัดระเบียบผู้ชุมนุม ประกอบด้วย ทนายอานนท์และรุ้ง (รถคันที่ 1) ฟอร์ด ทัตเทพ (รถคันที่ 3) ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจได้วางกำลังเคลื่อนขบวนติดตามผู้ชุมนุมไปตลอดทาง
 

 


 
14.24 น. ทนายอานนท์ นำภา นำมวลชนอ่านบทกวี โดย วิสา คัญทัพ ก่อนเคลื่อนขบวนมุ่งหน้าไปทำเนียบรัฐบาล โดยเนื้อหาบทกวีระบุว่า
 
“ไม่มีอำนาจใดในโลกหล้า
ผู้ปกครองต่างมาแล้วสาบสูญ
ไม่มีใครล้ำเลิศน่าเทิดทูน
ประชาชนสมบูรณ์นิรันดร์ไป
เมื่อยืนหยัดต่อสู้ผู้กดขี่
ประชาชนย่อมมีชีวิตใหม่
เมื่อท้องฟ้าสีทองผ่องอำไพ
ประชาชนต้องเป็นใหญ่ในแผ่นดิน”

 

 


 
13.00 น. การทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) โพสต์เฟซบุ๊กชี้แจงกรณีรถบรรทุกของ กทม. บรรทุกคนเสื้อเหลืองขึ้นใช้ทางด่วน ระบุผิดระเบียบเกี่ยวกับการจราจรในทางพิเศษ เบื้องต้นได้ประสานตำรวจทางด่วน 2 แจ้งผู้ขับขี่รถทั้ง 6 คันเพื่อดำเนินการตามกฎหมายแล้ว

 

 


 
14.00 น. พล.ต.ท. ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผบช.น. เดินตรวจตราความเรียบร้อยในพื้นที่การชุมนุมของกลุ่มคณะราษฎร บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย หลังมีการปะทะกันระหว่างมวลชนทั้งสองฝั่ง
 
 
 

 

13.57 น. อานนท์ นำภา ประกาศให้มวลชนเตรียมพร้อม เก็บของ เพื่อเคลื่อนขบวนไปยังทำเนียบรัฐบาล

 

 


 

13.50 น. กลุ่มผู้ชุมนุมมวลชนคณะราษฎรปรบมือแสดงความดีใจหลังช่วยกันลำเลียงต้นไม้ออกจากอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยเพื่อปฏิบัติภารกิจแรก ‘เข้ายึดพื้นที่’ ได้สำเร็จในพื้นที่ฝั่งแรก ขณะที่แกนนำมวลชนคณะราษฎรได้ประกาศผ่านเครื่องขยายเสียงเพื่อเน้นย้ำให้กลุ่มผู้ชุมนุมร่วมกันลำเลียงนำต้นไม้ออกจากอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย โดยไม่ให้มีการทำลายข้าวของ (ต้นไม้)


 

13.30 น. กลุ่มมวลชนคณะราษฎร เคลื่อนพลบุกยึดพื้นที่ภายในอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ลำเลียงต้นไม้ออกจากพื้นที่ ก่อนจะเกิดเหตุชุลมุนขึ้นเล็กน้อย เมื่อกลุ่มมวลชนเสื้อเหลืองพยายามกระชับวงล้อมเข้ามาก่อกวน กระทั่งเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้ามาควบคุมดูแลความสงบเรียบร้อย


 

13.01 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจวางกำลังตลอดถนนราชดำเนิน ก่อนถึงแยกสะพานผ่านฟ้าลีลาศ หลังผู้ชุมนุมคณะราษฎรประกาศเคลื่อนขบวนไปทำเนียบรัฐบาล

 

 


 

13.00 น. เกิดเหตุปะทะกันระหว่างผู้ชุมนุมคณะราษฎร และกลุ่มผู้สวมใส่เสื้อเหลือง โดยมีการขว้างปาสิ่งของใส่กันเป็นระยะ บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจพยายามประชาสัมพันธ์ให้ทุกฝ่ายอยู่ในความสงบ


 

12.05 น. บรรยากาศการชุมนุมบริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย พบชายสวมเสื้อสีเหลืองกำลังสนทนากับกลุ่มผู้ชุมนุมคณะราษฎร โดยติติงถึงเรื่องการปราศรัยที่มีถ้อยคำรุนแรง และพยายามแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเพื่อจะได้นำไปปรับปรุงในการทำกิจกรรมต่อไป

 

 


 

11.25 น. เจ้าหน้าที่นำรถประจำทาง และแผงเหล็กมากั้นบริเวณแยกผ่านฟ้าลีลาศ เพื่อป้องกันไม่ให้กลุ่มผู้ชุมนุมเคลื่อนขบวนจากอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยไปยังทำเนียบรัฐบาลตามที่ประกาศกับมวลชนไว้

 

 


 

11.22 น. รุ้ง-ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล และเพนกวิน-พริษฐ์ ชิวารักษ์ แกนนำกลุ่มคณะราษฎร เดินทางมาถึงอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยแล้ว

 

 


 

10.55 น. พล.ต.ท. ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผบช.น. เดินเข้าไปยังพื้นที่ชุมนุมคณะราษฎร บริเวณหน้าร้านแมคโดนัลด์ อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย โดยคาดว่าจะเข้าไปเจรจา แต่ถูกกลุ่มผู้ชุมนุมโห่ไล่ และระหว่างที่ ผบช.น. กำลังเดินถอยกลับนั้น ได้มีการปาถุงน้ำ และฉีดสเปรย์ใส่ ผบช.น.

 


 

10.50 น. กลุ่ม ศปปส. เคลื่อนขบวนรถยนต์ และรถจักรยานยนต์นับสิบคันผ่านบริเวณ ถนนราชดำเนินกลาง เลี้ยวไปทางถนนตะนาว ทำให้มีการเผชิญหน้าระหว่างมวลชนกลุ่มคณะราษฎรที่ปักหลักชุมนุมอยู่บริเวณใกล้เคียงกัน แต่ไม่มีเหตุการณ์วุ่นวายเกิดขึ้น โดยกลุ่มการ์ดของคณะราษฎรได้มีการนำแผงเหล็กมากั้นบริเวณแยกทางเข้าถนนตะนาว และมีการชู 3 นิ้วโต้ตอบ ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจดูแลความปลอดภัยบริเวณโดยรอบอย่างเข้มงวด

 


 

10.45 น. เกิดเหตุชุลมุน เมื่อตำรวจนำรถขยายเสียงมาจอดด้านหน้าร้านแมคโดนัลด์ เพื่อเตรียมประกาศให้ยุติการปิดถนน สร้างความไม่พอใจให้กลุ่มผู้ชุมนุมที่ปักหลักชุมนุมอยู่ โดยกลุ่มผู้ชุมนุมได้ปิดล้อมรถเจ้าหน้าที่ พร้อมตะโกนขับไล่ จนสุดท้ายตำรวจต้องถอยรถออกไป จากนั้นแกนนำจึงเรียกมวลชนกลับมาประจำหน้าเวที

 

 


 

10.30 น. อนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี มั่นใจว่าการชุมนุมในวันนี้จะไม่เกิดเหตุการณ์ปะทะซึ่งกันและกัน เพราะทุกภาคส่วนยึดมั่นในระบอบแนวทางประชาธิปไตย สำหรับความเห็นต่างนั้นเกิดขึ้นได้บนพื้นฐานที่ทุกคนเป็นคนไทยและเป็นเรื่องปกติ จึงคิดว่าจะไม่มีความรุนแรง ขอย้ำว่ารัฐบาลจะไม่ยอมให้เกิดการปะทะระหว่างกลุ่มมวลชน เพราะจะดูแลในเรื่องความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของทุกกลุ่มอย่างเต็มที่

 

 


 

10.30 น. ประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงเหตุการณ์จับกุมแกนนำ 21 คน ที่ถนนราชดำเนินเมื่อวานนี้ (13 ตุลาคม) ว่า การชุมนุมดังกล่าวเป็นการใช้สิทธิและเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญ ตนคิดว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจทำเกินกว่าเหตุในการปราบผู้ชุมนุม ซึ่งตนเกรงว่าจะเป็นชนวนความขัดแย้งในอนาคตได้ เพราะอาจเป็นเหมือนน้ำผึ้งหยดแรก

 

 


 

10.20 น. ภาณุพงศ์ จาดนอก หรือ ไมค์ ระยอง ให้สัมภาษณ์ระบุว่า ขณะนี้กำลังรอมวลชนมาพร้อมกันในเวลา 14.00 น. จากนั้นจะเคลื่อนมวลชนไปยังทำเนียบรัฐบาล และจะพยายามหลีกเลี่ยงการปะทะ พร้อมขอเจ้าหน้าที่อย่าใช้ความรุนเเรงกับผู้ชุมนุม ซึ่งหากเกิดความรุนเเรง หรือมีการสลายการชุมนุม ก็จะยกระดับการชุมนุม

 

 


 

10.33 น. กลุ่มผู้ชุมนุมฉีดพ่นสีลงบนถนนราชดำเนินกลาง บริเวณรอบวงเวียนอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย โดยมีข้อความระบุว่า ‘ประชาชนจงเจริญ’ ขณะที่การจราจรฝั่งแยกคอกวัวมุ่งหน้าถนนอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยถูกปิดแล้ว

 

 


 

09.23 น. กลุ่มผู้ชุมนุมได้เคลื่อนย้ายเต็นท์ลงมาบนพื้นผิวถนน บริเวณวงเวียนอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เพื่อขยายพื้นที่การชุมนุม

 


 

09.18 น. อานนท์ นำภา ยืนยันว่าการชุมนุมวันนี้จะต้องขับไล่ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พ้นจากตำแหน่งให้สำเร็จ

 

 


 

09.02 น. อานนท์ นำภา เริ่มปราศรัยบริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย โดยระบุว่า “วันนี้มีความชอบธรรมที่จะมาชุมนุม เพื่อยืนยันหลักการความเท่าเทียม ถนนราชดำเนินเป็นของประชาชน ไม่ใช่ของผู้หนึ่งผู้ใด”

 

 


 

08.57 น. ประชาชนที่สวมเสื้อเหลืองทยอยเดินทางเข้ามาตั้งแถว และจับจองพื้นที่ตลอดริมทางเท้าถนนราชดำเนินกลางเพื่อเฝ้ารอขบวนเสด็จฯ

 

 


 

วันนี้ (14 ตุลาคม) กลุ่มผู้ชุมนุมในนามคณะราษฎรประกาศชุมนุมใหญ่โดยเริ่มนัดหมายกันในเวลา 08.00 น. บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ถนนราชดำเนิน นำโดย รุ้ง-ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล, อานนท์ นำภา, ไมค์-ภาณุพงศ์ จาดนอก, ฟอร์ด-ทัตเทพ เรืองประไพกิจเสรี, จตุภัทร์ บุญภัทรรักษา หรือไผ่ ดาวดิน และชลธิชา แจ้งเร็ว 

 

การชุมนุมในครั้งนี้ผู้ชุมนุมประกาศข้อเรียกร้อง 3 ข้อ ดังนี้

 

  1. พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา ต้องลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี
  2. เปิดประชุมวิสามัญทันที เพื่อรับร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญจากประชาชน
  3. ปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ให้อยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญอย่างแท้จริง

 

โดยก่อนหน้านี้อานนท์ระบุว่า การชุมนุมครั้งนี้มีเซอร์ไพรส์แน่นอน หากรัฐบาลต้องการเจรจา ยืนยันว่ายินดีที่จะเจรจา โดยจะใช้ยุทธวิธี ‘กินข้าวทีละคำ’ ตามมติของมวลชนต่อข้อเสนอที่ได้รับ หากไม่มีการตอบรับ ยืนยันว่าจะยกระดับการชุมนุม และจะควบคุมให้การชุมนุมเป็นไปด้วยความสงบ 

 

สำหรับไฮไลต์ของการชุมนุมในวันนี้ คือการประกาศเคลื่อนขบวนไปยังทำเนียบรัฐบาลในเวลา 16.00 น. ขณะเดียวกันยังมีการนัดหมายของกลุ่มประชาชนที่มาเฝ้ารอรับเสด็จฯ นำโดย สุเทพ เทือกสุบรรณ ประธานมูลนิธิมวลมหาประชาชนฯ และอดีตแกนนำ กปปส. ที่นัดหมายที่บริเวณลานพลับพลามหาเจษฎาบดินทร์ ในเวลา 13.30 น. อีกด้วย 

 

พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising