กลุ่มบริษัท Prince Group ของกัมพูชา เผยแพร่แถลงการณ์เมื่อวันอังคาร (11 พฤศจิกายน) ที่ผ่านมา ปฏิเสธอย่างสิ้นเชิง ต่อข้อกล่าวหาจากสหรัฐฯ และนานาชาติ ที่ระบุว่า บริษัท หรือ เฉิน จื้อ ประธานและผู้ก่อตั้งบริษัท มีส่วนเกี่ยวข้องกับการก่ออาชญากรรมข้ามชาติ ด้วยการอยู่เบื้องหลังดำเนินการเครือข่ายหลอกลวงออนไลน์ หรือศูนย์สแกมในระดับอุตสาหกรรมที่สร้างขึ้นจากการใช้แรงงานที่จำนวนมากเป็นเหยื่อจากหลายประเทศ ซึ่งถูกล่อลวงและบังคับให้ทำงาน
โดย Prince Group อ้างว่า ข้อกล่าวหาดังกล่าว “ไม่มีมูลความจริง” และมุ่งเป้าไปที่ “การยึดทรัพย์สินมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ โดยมิชอบด้วยกฎหมาย”
แถลงการณ์ดังกล่าวซึ่งเป็นการตอบโต้ข้อกล่าวหาโดยตรงครั้งแรกของ Prince Group มีขึ้นหลังจากที่บริษัทเผชิญมาตรการคว่ำบาตรจากรัฐบาลสหรัฐฯ และสหราชอาณาจักร โดยกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯได้ดำเนินการฟ้องริบทรัพย์สินเป็นสกุลเงินดิจิทัล บิตคอยน์ มูลค่ากว่า 15,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เมื่อช่วงกลางเดือนตุลาคมที่ผ่านมา และถือเป็นการริบทรัพย์สินครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ
ขณะที่สหราชอาณาจักรยังได้อายัดทรัพย์สินทางธุรกิจและอสังหาริมทรัพย์มูลค่ากว่า 130 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เช่นเดียวกับ ไต้หวัน สิงคโปร์ และฮ่องกง ที่ดำเนินการอายัดทรัพย์สินที่เชื่อมโยงกับเฉิน และ Prince Group ซึ่งบางส่วนสูงถึง 350 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
ทั้งนี้ แถลงการณ์ของ Prince Group มีขึ้นเพียงไม่กี่วันหลังจากที่หน่วยงานความปลอดภัยทางไซเบอร์ของจีน กล่าวหารัฐบาลสหรัฐฯ ว่าอยู่เบื้องหลังการดำเนินการเพื่อขโมยบิตคอยน์มูลค่าราว 1.3 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งในจำนวนนี้ถูกกล่าวหาว่าเชื่อมโยงกับบิตคอยน์มูลค่า 1.5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ที่ทางการสหรัฐฯ ระบุว่าเป็นเงินที่ได้จากการก่ออาชญากรรมของเฉิน ซึ่งเดิมเป็นชาวจีน แต่ปัจจุบันถือสัญชาติอังกฤษและกัมพูชา
ทั้งนี้ เฉิน ยังคงอยู่ระหว่างการหลบหนี ขณะที่ Prince Group เปิดเผยว่าได้จัดตั้งทีมกฎหมายจาก Boies Schiller Flexner ซึ่งเป็นบริษัทกฎหมายชื่อดังของสหรัฐฯ ในการต่อสู้คดีและข้อกล่าวหาต่างๆ
อ้างอิง:


