วันนี้ (4 มิถุนายน) พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เข้าชี้แจงหลักการและเหตุผลความจำเป็นของร่างพระราชบัญญัติโอนงบประมาณรายจ่าย พ.ศ. …. จำนวน 88,452,597,900 บาท ต่อที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร โดยกล่าวว่าร่าง พ.ร.บ. ดังกล่าวจะเป็นเครื่องมือสำคัญของรัฐบาลในการแก้ไขปัญหาและบรรเทาผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ซึ่งถือเป็นภัยพิบัติร้ายแรงและส่งผลกระทบต่อประชาชนและเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ รวมถึงปัญหาภัยพิบัติ ภัยแล้ง อุทกภัย และกรณีเหตุฉุกเฉินจำเป็นอื่นๆ
ซึ่งที่ผ่านมารัฐบาลได้ใช้งบประมาณรายจ่ายงบกลางรายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นเพื่อดำเนินการแก้ไขปัญหาเร่งด่วนต่างๆ เช่น ภัยพิบัติ ภัยแล้ง อุทกภัย และปัญหาที่เกิดจากโรคโควิด-19 ส่งผลให้งบประมาณรายจ่ายงบกลางรายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นที่ตั้งไว้ 96,000 ล้านบาทไม่เพียงพอ รัฐบาลจึงจำเป็นต้องโอนงบประมาณรายจ่ายที่หน่วยรับงบประมาณได้รับจัดสรรตาม พ.ร.บ. งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2563 ไปตั้งไว้เป็นงบประมาณรายจ่ายงบกลางรายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นดังกล่าว โดยที่รัฐบาลจะยังคงสนับสนุนการดำเนินภารกิจของหน่วยรับงบประมาณผ่านกลไกของงบให้ทันต่อสถานการณ์อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด
สำหรับรายละเอียดในร่าง พ.ร.บ. โอนงบฯ ฉบับนี้ พล.อ. ประยุทธ์ ชี้แจงว่า ร่าง พ.ร.บ. โอนงบฯ ปี 2563 เป็นการโอนงบบางรายการที่ไม่สามารถดำเนินการได้ภายในปีงบประมาณ ซึ่งได้พิจารณาตามหลักเกณฑ์ของการโอนงบประมาณรายจ่ายตามมติคณะรัฐมนตรี โดยงบประมาณและรายการที่นำไปจัดทำร่างฉบับนี้ประกอบด้วย
- รายจ่ายประจำในทุกงบรายจ่ายที่ยังไม่มีการเบิกจ่ายและไม่มีข้อผูกพันหรือสามารถชะลอข้อผูกพันได้ ณ วันที่ 7 เมษายน 2563 เช่น ค่าใช้จ่ายในการสัมมนา ฝึกอบรม ประชาสัมพันธ์ จ้างที่ปรึกษา และการเดินทางไปต่างประเทศ
- รายจ่ายลงทุนในทุกงบรายจ่าย เช่น รายการปีเดียวที่ยังไม่ประกาศจัดซื้อจัดจ้างภายในวันที่ 7 เมษายน 2563 และหรือไม่สามารถลงนามได้ทันภายในวันที่ 31 พฤษภาคม 2563 และรายการที่สามารถชะลอการดำเนินการได้โดยไม่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อราชการ ทั้งนี้รัฐได้คำนึกถึงการบริหารงบประมาณรายจ่ายในไตรมาสที่ 3 และ 4 ของปีงบประมาณ 2563 ตามแนวนโยบายพื้นฐานของรัฐที่จำเป็น การสนับสนุนค่าใช้จ่ายตามสิทธิเพื่อสร้างความเป็นธรรม คำนึกถึงการสร้างงาน รายได้ และรายจ่ายบนพื้นฐานที่สอดคล้องในปัจจุบัน
พล.อ. ประยุทธ์ กล่าวทิ้งท้ายว่ารัฐบาลคำนึงถึงการบริหารงบประมาณรายจ่ายในไตรมาสที่ 3 และไตรมาสที่ 4 ของปีงบประมาณ 2563 ตามแนวนโยบายพื้นฐานของรัฐที่จำเป็นในการสนับสนุนค่าใช้จ่ายตามสิทธิและสวัสดิการเพื่อสร้างความเป็นธรรมในสังคม รวมถึงการพัฒนาเศรษฐกิจที่ต้องคำนึงถึงการสร้างงาน จึงหวังว่าสมาชิกจะให้การสนับสนุนและรับหลักการเพื่อนำงบไปใช้แก้ปัญหาจำเป็นเร่งด่วนอย่างคุ้มค่า โปร่งใส และเกิดประโยชน์สูงสุดต่อประเทศชาติและประชาชน
หลังจาก พล.อ. ประยุทธ์ ชี้แจงหลักการและเหตุผลเสร็จสิ้นก็เป็นการอภิปรายของ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส. พรรคเพื่อไทย ซึ่งเป็นการอภิปรายเปิดแทนผู้นำฝ่ายค้าน โดย พล.อ. ประยุทธ์ นั่งฟังอยู่ประมาณ 1 ชั่วโมง ก่อนเดินทางออกจากห้องประชุม
พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์