วันนี้ (28 ตุลาคม) ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวทักทายสื่อ พร้อมถามถึงการประชุมรัฐสภาสมัยวิสามัญ ว่าได้ติดตามการประชุมหรือไม่ ซึ่งสื่อกล่าวกับ พล.อ. ประยุทธ์ ว่าได้ติดตาม ทำให้ พล.อ. ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า ถ้าติดตามอยู่แล้วก็ไม่ต้องมาถาม จะได้ไม่เหนื่อย แต่ตนเองไม่เหนื่อยอยู่แล้ว
พล.อ. ประยุทธ์ กล่าวด้วยว่า ในเรื่องการสร้างความมั่นใจให้กับประชาชนในการนำประเทศผ่าวิกฤต ตนได้พูดไปหลายครั้งแล้วและยืนยันมาตลอดกับการประชุมรัฐสภาเมื่อวานนี้ ตนจำเป็นที่จะนำพาประเทศให้ผ่านพ้นวิกฤตไปได้ทุกเรื่อง โดยช่วงเวลานี้ทุกอย่างจะต้องเป็นไปตามกฎหมายรัฐธรรมนูญ ปัญหาการเมืองที่เกิดในครั้งนี้ไม่ได้เกิดจากตนและรัฐบาลฝ่ายเดียว ทุกคนต้องร่วมมือกันหันหน้ามาเจรจาพูดคุยกันอย่างประนีประนอม สันติวิธี หาทางออกที่ดีที่สุด
“ในฐานะที่เป็นคนไทยด้วยกัน ทุกคนคือคนไทย ผมไม่ได้เกลียดชังใครทั้งสิ้น ไม่ว่าใครจะว่าร้ายก็ฟังได้ เพราะเป็นนายกรัฐมนตรีต้องอดทน โมโหอะไรมากไม่ได้ ต้องพูดจาให้ไพเราะ ซึ่งตอนนี้ผมก็พูดเพราะกว่าหลายๆ คนที่ได้ยินขณะนี้ พร้อมกันนี้ยังเปิดเผยว่า ทางออกของวิกฤตมีอยู่แล้ว ขอให้เจอทางออกที่ว่านั้น ไม่มีปัญหาใดที่แก้ไม่ได้ ขอให้เชื่อมั่นและมั่นใจว่าเราจะเลือกหนทางที่ดีที่สุด ซึ่งทุกคนต้องร่วมมือกันไม่ใช่ผมเพียงคนเดียว” พล.อ. ประยุทธ์ กล่าว
พล.อ. ประยุทธ์ ยังขอบคุณประธานรัฐสภาและสมาชิกรัฐสภา ที่มีการอภิปรายหารืออย่างสงบเรียบร้อย แม้จะมีเหตุการณ์บางอย่างเกิดขึ้นบ้างอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในสภาของไทย เป็นเรื่องที่ประชาชนจะพิจารณาความเหมาะสม สภาของไทยไม่ควรเหมือนของต่างประเทศ หลายอย่างเป็นพฤติกรรมที่ต่างประเทศมีอยู่แล้ว
พล.อ. ประยุทธ์ บอกด้วยว่า การประชุมร่วมรัฐสภา หลายประเด็นตนเห็นด้วย โดยเฉพาะการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งได้ประกาศไปแล้ว การแก้รัฐธรรมนูญเป็นหน้าที่ของรัฐสภา แต่ต้องผ่านหลายขั้นตอน เพราะต้องทำตามรัฐธรรมนูญปัจจุบัน เพราะยังมีผลบังคับจนกว่าจะมีรัฐธรรมนูญใหม่ ดังนั้นหากจะไปตั้งกติกาใหม่เลยคงเป็นไปไม่ได้ เพราะบ้านเมืองต้องอยู่ด้วยกฎหมายและรัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นกฎหมายหลักของประเทศ ยืนยันว่าเห็นด้วยกับการสนับสนุนให้แก้ไขรัฐธรรมนูญ จะให้ ส.ว. เลือกนายกรัฐมนตรีหรือไม่ แล้วแต่ ไม่ได้ให้ความสำคัญในเรื่องนี้ ไม่ต้องมาเลือกตนก็ได้ ไม่ได้ขัดข้องอะไร เป็นเรื่องที่จะหารือกันในรัฐสภา
ขณะเดียวกัน พล.อ. ประยุทธ์ ยังเห็นด้วยกับการเสนอตั้งคณะกรรมการสมานฉันท์ หาทางออกให้กับประเทศ ซึ่งได้นำเรื่องนี้หารือในที่ประชุม ครม. แล้ว โดยสภาจะเป็นผู้ตั้งจากหลายฝ่ายด้วยกัน ทั้ง ส.ส. และ ส.ว. กลุ่มคนที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย มาร่วมคณะนี้ เพื่อให้หาข้อยุติให้ได้
ส่วนที่มองว่าคณะกรรมการชุดนี้จะถูกครอบงำ เพราะรัฐเป็นผู้ตั้ง พล.อ. ประยุทธ์ ระบุว่า พูดแบบนี้เป็นการไม่ให้เกียรติสภา เป็นความเห็นของ ส.ส. ผู้ทรงเกียรติ ซึ่งต้องเคารพความเห็นซึ่งกันและกัน ถ้าตั้งธงแบบนี้ก็จะไม่เชื่อใจกัน ดังนั้นขอให้เชื่อใจสักครั้ง ไม่เช่นนั้นก็ทำอะไรไม่ได้
ส่วนการที่ พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี บอก พล.อ. ประยุทธ์ จะอยู่จนครบวาระ 4 ปี แล้วมีคนบอกว่าเท่ากับไม่รับฟังข้อเสนอจากกลุ่มผู้ชุมนุม พล.อ. ประยุทธ์ ระบุว่า ทำไมต้องตอบ ขอให้ดูว่าตนเองเข้ามาด้วยอะไร และต้องออกเพราะอะไร ไม่อยากให้เป็นบรรทัดฐานต่อไปในอนาคต เพราะรัฐบาลไม่ได้หยุดเพียงแค่รัฐบาลของตนเอง กระบวนการเลือกตั้ง รัฐธรรมนูญต่างๆ มีอยู่แล้ว
ในช่วงท้ายผู้สื่อข่าวได้พยายามสอบถาม พล.อ. ประยุทธ์ ว่า สบายใจขึ้นหรือไม่หลังได้เปิดการประชุมสมัยวิสามัญพิจารณาการอภิปรายทั่วไป 2 วันที่ผ่านมา ซึ่ง พล.อ. ประยุทธ์ ไม่ได้ตอบคำถามดังกล่าว เพียงหันมามองหน้าผู้สื่อข่าวและเดินออกจากห้องแถลงข่าวทันที
ส่วนจุดยืนของไทยที่เอ็นจีโอเข้าแทรกแซงกิจการภายในประเทศ ซึ่งในหลายประเทศมีการขับไล่เอ็นจีโอออกนอกประเทศ พล.อ. ประยุทธ์ ไม่ขอแสดงความคิดเห็น เพราะเป็นเรื่องภายในของแต่ละประเทศ ซึ่งในส่วนของไทยก็จะต้องดูหากมีปัญหา จะต้องมีการพูดคุยหารือ และต้องไม่มีนัยแอบแฝงตามวัตถุประสงค์ของแต่ละกลุ่ม หลายอย่างที่มีปัญหาคือการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน บางครั้งเอ็นจีโอเข้ามาเกี่ยวข้อง ทำให้เกิดความล่าช้าในการทำประชาพิจารณ์หรือประชามติ ที่คนภายนอกเข้ามาในพื้นที่มาแสดงความคิดเห็นต่อต้าน ขณะที่คนในพื้นที่ไม่ได้ประโยชน์และเสียหาย ดังนั้นต้องหาวิธีการที่เหมาะสม และขอฝากเอ็นจีโอในประเทศทั้งหมดต้องช่วยประเทศไทยพัฒนาบ้านเมือง
พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า
